ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 ที่รุนแรงกว่าเดิมนั้น ไม่ว่าจะเป็น แพทย์ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ ผู้ป่วย และประชาชนทั่วไปทุกคนล้วนมีความเครียด และความกังวลใจอย่างแน่นอน แต่เราจะรับมือกับความเครียดเหล่านี้ได้อย่างไร เพื่อที่จะให้ผ่านวิกฤตนี้ไปได้โดยที่เราไม่เสียสุขภาพจิตไปด้วย
เข้าใจว่า... ความเครียดเป็นกลไกโดยธรรมชาติที่ช่วยให้มนุษย์เตรียมตัว วางแผน และรับมือกับสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถ้ามีใครสักคนที่ไม่รู้สึกเครียด ไม่กลัวติดเชื้อ ไม่สนใจอะไร ถือว่ากลุ่มเหล่านี้ “ผิดปกติ” และอาจนำพาไปสู่ความเสี่ยงมากมายต่อตนเองและผู้อื่น
“ทีมข่าวเฉพาะกิจแนวหน้าออนไลน์” เห็นว่าการที่เรารู้สึกเครียด กังวล กลัว ตื่นตระหนกนั้นถูกต้องแล้ว แต่เราจะต้องมีวิธีการรับมือและหาข้อมูลเตรียมรับมืออย่างถูกวิธี วันนี้ทีมข่าวฯ จึงได้ยกหูโทรศัพท์ไปขอข้อมูลกับ “ดร.นพ.วรตม์ โชติพิทยสุนนท์” จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น และโฆษกกรมสุขภาพจิต เพื่อคำแนะนำการลดภาวะความเครียดและจัดการกับตัวเองขั้นพื้นฐาน
โดย ดร.นพ.วรตม์ ให้ข้อมูลว่า ทางกรมสุขภาพจิตก็ได้ติดตามความเครียดของประชาชนมาเรื่อยๆ เพราะโควิดระลอกนี้รุนแรงกว่ารอบก่อนๆ ที่ผ่านมา ถือว่ารุนแรงที่สุดในประเทศไทย ทั้งนี้เข้าใจว่าทุกคนมีความเครียดตามมาแน่นอน เราลองสังเกตตัวเองดูว่าเราเครียดจากอะไร? แสดงออกความเครียดในลักษณะเช่นใด?
ความเครียดเกิดจาก “ความคิด” ที่เราคิดและจิตนาการณ์ไปต่างๆนาน ทำให้ให้เกิดเป็นความเครียดขึ้น หรือ ความเครียดเกิดจาก “พฤติกรรม” ที่เราแสดงออกมาโดยไม่รู้ตัว ไม่ว่าจะดื่มเหล้า สูบบุหรี่ คำพูดก้าวร้าว สังเกตดูว่าเรามีการแสดงพฤติกรรมเหล่านี้มากขึ้นหรือไม่
สิ่งที่เราต้องทำ คือ “เอาความเครียดเข้าให้น้อย” เราก็ต้องมาจัดการความเครียดเหล่านี้ก่อน หากเครียดเรื่องงาน เงิน เพื่อนร่วมงาน ปัญหาทะเลาะวิวาท โควิด-19 เรื่องการฉีดวัคซีน อย่าไปคิดอะไรมากดูเป็นเรื่องๆไป เราพอจะจัดการได้ก็จัดการก่อน และดูว่าเราจะจัดการกับปัญหาเหล่านี้ได้หรือไม่
และสิ่งที่ทำได้ คือ “เอาความเครียดออกให้มาก” อาทิ ทำกิจกรรมผ่อนคลาย ออกกำลังกาย หาอาหารอร่อยๆกิน ทำอาหารภายในครอบครัว อ่านหนังสือ ฟังเพลง เป็นต้น เรามีวิธีต่างๆมากมายตามความชอบของตนเอง
ดร.นพ.วรตม์ ยังกล่าวถึง สถิติการฆ่าตัวตายในปัจจุบันว่า เพิ่มขึ้นหรือไม่? จากสถิติการฆ่าตัวตายใน ปี 2562 เมื่อเทียบกับปี 2563 นั้น มีอัตราการฆ่าตัวตายขึ้นมาประมาณ 10 % แต่ตัวเลข ณ ปี 2564 นั้น ตัวเลขที่มีอยู่อัตราการฆ่าตัวตายไม่ได้แตกต่างมากนัก อาจจะเห็นเพียงการเสนอข่าวแต่ยังไม่เห็นตัวเลขที่แท้จริง อย่างไรก็ตาม ทุกคนมีความเสี่ยงที่จะฆ่าตัวตายได้ อาจจะเกิดจากความเครียด แต่ส่วนมากปัจจัยในการฆ่าตัวตายมาจากความสัมพันธ์ประมาณ 60 %
“ปัญหาสุขภาพจิตทุกคนต้องดูจากตัวเองก่อน ถ้าเกิดแก้ปัญหาไม่ได้ก็หันไปปรึกษาคนใกล้ชิด คนในรอบครัว เพื่อน แต่ถ้าหากมันรุนแรงขึ้นก็สามารถติดต่อ 1323 เพื่อปรึกษาจิตแพทย์ได้ สุดท้ายนี้ทุกอย่างมันจะผ่านไป แน่นอนว่าสุขภาพกายเราผ่านไปด้วยดีไม่ติดโควิด แต่อย่าลืมว่าสุขภาพจิตเราต้องดีไปด้วย เราสามารถหาความสุขของเราเล็กๆ น้อยๆ ประเทศไทยเราจะผ่านวิกฤตนี้ไปได้ด้วยดี ถ้าเรามีสุขภาพจิตที่ดีด้วย” คุณหมอกล่าวทิ้งท้าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี