เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 2564 ที่ผ่านมา ณ อาคารยิมเนเซียม 4 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (รังสิต) มีการแถลงข่าวเปิดศูนย์รับวัคซีนโควิด-19 โดย รศ.เกศินี วิฑูรชาติอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) กล่าวว่ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นอกจากจะเป็นสถาบันที่ให้การศึกษาแล้ว ยังทำหน้าที่เป็นประโยชน์กับสังคมในด้านอื่นๆ ด้วย ดังสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ในขณะนี้ ที่ทุกภาคส่วนต้องระดมสรรพกำลัง ซึ่งจะต้องมีการให้วัคซีนอย่าง
เร่งด่วน
แต่นอกจาก มธ. แล้ว ยังมีหน่วยงานอื่นๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ที่ช่วยกันทำให้การฉีดวัคซีนเป็นไปด้วยดี มีความรวดเร็วและปลอดภัย และมั่นใจว่าการเปิดศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่อาคารยิมเนเซียม 4 แห่งนี้ จะเป็นนิมิตหมายที่ดีที่ทำให้ประชาชนปลอดภัยจากโรคภัยทั้งหลาย ทั้งนี้ ต้องขอขอบคุณรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)ซึ่ง มธ. พร้อมสนับสนุน อว. และพร้อมเป็นหัวหอกในการทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการป้องกันโควิด-19
ศ.ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ ประธานกรรมการบริหารโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ กล่าวว่า มธ. มีส่วนในการทำงานช่วยเหลือสังคมในเหตุการณ์ภัยพิบัติใหญ่ๆ อยู่หลายครั้ง เช่น
เหตุการณ์คลื่นสึนามิ ในปี 2547 เหตุการณ์มหาอุทกภัยในปี 2554 และล่าสุดในปัจจุบันกับสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ มธ. กลายเป็นต้นแบบของการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามให้กับพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศ
อย่างไรก็ตาม ทางอธิการบดี และคณะผู้บริหารมธ. เห็นตรงกันว่า หากยังต่อสู้กับไวรัสโควิด-19ด้วยการรับผู้ป่วยไปเรื่อยๆ สถานการณ์ก็คงไม่เปลี่ยนแปลง และการฉีดวัคซีนให้กับผู้คนจำนวนมากคือวิธีการควบคุมการระบาดของโรคได้ดีที่สุด ซึ่งจะส่งผลให้จำนวนผู้ป่วยตามสถานพยาบาลต่างๆ ลดลง นำมาซึ่งการจัดตั้งศูนย์รับวัคซีนโควิด-19ที่ มธ.รังสิต เบื้องต้นตั้งเป้าฉีดวัคซีนได้เฉลี่ยวันละ 2,000 คน แต่ก็เชื่อว่าน่าจะฉีดได้มากกว่านั้น โดยศูนย์นี้จะดำเนินการไปจนถึงสิ้นปี 2564
ศ.ดร.สุรพล กล่าวต่อไปว่า วันนี้เมื่อระบบของแอปพลิเคชั่นหมอพร้อมปิดลง ทาง มธ. ก็ต้องปิดระบบคอลเซ็นเตอร์ ที่ตั้งขึ้นมาคู่ขนานสำหรับผู้สูงอายุที่ต้องการลงะเบียนฉีดวัคซีนโควิด-19 ด้วย โดยสรุปยอดผู้ที่จองคิวฉีดวัคซีน ณ ศูนย์ฉีดวัคซีน มธ.รังสิต จนถึงวันที่ปิดระบบอยู่ที่ 57,500 คน หากรัฐบาลมีความชัดเจนเรื่องจำนวนวัคซีนที่จะมาถึงอย่างเพียงพอ
“พวกเราเชื่อคล้ายๆ กันว่าประเทศกำลังมีปัญหา ประชาชนกำลังเดือดร้อน ถ้าพวกเราทำอะไรได้พวกเราก็พยายามจะทำ งบประมาณค่าใช้จ่ายทั้งหลายที่เกิดขึ้นที่นี่ทั้งหมดเป็นเรื่องที่ มธ. รับผิดชอบเองทั้งสิ้น มีอย่างเดียวเท่านั้นที่เราขอจากรัฐบาล ก็คือขอวัคซีนให้ได้มากพอตามจำนวนคนที่อยากจะได้รับวัคซีนเท่านั้น” ประธานกรรมการบริหาร รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ กล่าว
ศ.ดร.สุรพล ยังกล่าวอีกว่า การเปิดศูนย์รับวัคซีนโควิด-19 ครั้งนี้ ได้เชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม มาด้วยเพื่อให้เห็นความพร้อมในการ
เตรียมการของ มธ. อีกทั้งยังส่งสัญญาณถึงสังคมไทยว่าจากวันนี้ไปจะเป็นการเริ่มต้น ที่เราจะมีโอกาสเอาชนะสงครามไวรัสได้ด้วยกระบวนการฉีดวัคซีนครั้งใหญ่ทั่วประเทศ ที่ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล การเปิดศูนย์ฯ ที่ มธ. เป็นการยืนยันสิ่งนั้น
รศ.นพ.พฤหัส ต่ออุดม ผู้อำนวยการโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เปิดเผยว่ามธ. แบ่งการรับวัคซีนโควิด-19 เป็น 2 ส่วน คือ 1.ศูนย์รับวัคซีนโควิด-19 อาคารยิมเนเซียม 4 มธ.รังสิต เตรียมไว้สำหรับผู้ลงทะเบียนผ่านระบบหมอพร้อม จุดนี้จะได้รับวัคซีนยี่ห้อ “แอสตราเซเนกา”จากกรมควบคุมโรค เริ่มบริหารจัดการวัคซีนตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 2564 โดยเบื้องต้นได้รับการสื่อสารว่าวัคซีนจะมาถึงในวันที่ 6 มิ.ย. 2564 ดังนั้นหากวัคซีนมาตามจำนวนที่กำหนดในแต่ละวัน ก็จะสามารถบริหารจัดการวัคซีนที่นี่ไปได้ตลอด
กับ 2.รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติที่ผ่านมารับบริหารจัดการวัคซีนยี่ห้อ “ซิโนแวค” โดยมีองค์กรต่างๆ ร้องขอเข้ามาเพื่อให้บุคลากรได้รับการฉีดวัคซีน เฉลี่ยวันละ 1,000 คน ดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 24 พ.ค. 2564 และจะสิ้นสุดภารกิจในวันที่ 3 มิ.ย. 2564 ซึ่งเหตุที่ต้องแยก 2 ส่วนนี้ออกจากกันเพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดความสับสน แต่ขอชี้แจงว่าในเบื้องต้นจะยังไม่มีการเปิดให้เดินเข้ามาฉีด หรือวอล์กอิน-ออนไซต์ เพราะต้องขอบริหารจัดการในส่วนของผู้ที่ลงทะเบียนในระบบหมอพร้อมก่อน
“เราได้รับการติดต่อจากกรมควบคุมโรค ในการเริ่มดำเนินการได้ ก็เป็นการยืนยันแล้วว่าวันที่ 7มิถุนานี้ ได้รับการยืนยันแล้วว่าเราจะได้รับวัคซีนมา แต่ว่าวันที่ได้รับวัคซีนคือประมาณวันที่ 6 มิถุนาอันนี้คือประเด็นที่หนึ่ง ก็คือวัคซีนมาหรือไม่วันที่ 7ก็ต้องตอบว่ามา สอง ทางกรมควบคุมโรคก็ให้ความมั่นใจว่าจะใช้ข้อมูลในระบบหมอพร้อมในการกระจายวัคซีน แต่อันที่สามที่อาจจะต้องเรียนตรงๆ ก็คือปริมาณวัคซีน และวัน-เวลาที่มา อันนี้อาจจะยังไม่ได้รับการยืนยันไประดับเป็นสัปดาห์ เราพูดกันในตอนนี้ก็คือระดับ 2-3 วัน” รศ.นพ.พฤหัส ระบุ
รศ.นพ.พฤหัส กล่าวต่อไปว่า หากเริ่มฉีดวัคซีนวันที่ 7 มิ.ย. 2564 และได้รับวัคซีนในวันที่ 6 มิ.ย.2564 วัคซีนอาจถูกจัดเตรียมไว้สำหรับการฉีดในวันที่7-8 มิ.ย. 2564 หลังจากนั้นจะต้องพูดคุยเพื่อดำเนินการกันต่อ แต่ขอยืนยันเพื่อสร้างความชัดเจนว่า ในวันที่7 มิ.ย. 2564 จะได้เริ่มฉีดแน่นอน และหลังจากนั้นเมื่อมีวัคซีนเข้ามาตามทะเบียนที่นัดหมายไว้ในระบบหมอพร้อมก็จะได้ดำเนินการทันที โดยจะไม่มีเรื่องของข้อมูลใหม่หรือผู้ที่ลงทะเบียนใหม่ เพื่อบริหารจัดการไม่ให้เกิดความคับคั่งในบริเวณจุดฉีดวัคซีน
อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่วัคซีนไม่ได้อยู่ในอำนาจหน้าที่รับผิดชอบ จึงต้องมีการประสานกับทางกรมควบคุมโรค โดยขอความกรุณาว่าให้พูดคุยกันในระดับ 2-3 วัน แต่เรื่องนี้ก็เห็นใจในข้อจำกัดของแต่ละหน่วยงาน แต่ในเรื่องของความต้องการ และเรื่องการลงทะเบียนของประชาชนที่ทาง มธ. ได้ติดต่อไว้นั้นนิ่งแล้ว เพียงแต่หากวัคซีนมาตามปริมาณที่ร้องขอไว้ ก็จะสามารถดำเนินการไปจนเสร็จสิ้นภารกิจได้ แต่หากวัคซีนขาดไปอย่างไรก็ต้องบริหารจัดการหน้างาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเลื่อนไป หรือจะสามารถเปลี่ยนชนิดวัคซีนได้หรือไม่ สำหรับผู้รับวัคซีนที่มีความประสงค์ว่าไม่จำเป็นต้องรับวัคซีนแอสตราเซเนกาเท่านั้น ก็อาจให้รับวัคซีนซิโนแวคได้
ส่วนการรับฉีดวัคซีนในระดับองค์กรที่จะจบภารกิจในวันที่ 3 มิ.ย. 2564 เนื่องจากการกระจายวัคซีนยังไม่แน่นอน หากองค์กรใดประสงค์ให้ทาง รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ สนับสนุนการฉีดวัคซีน ก็สามารถแจ้งมาได้ ซึ่งก็จะต้องนำคำร้องขอเหล่านั้นไปให้ผู้มีอำนาจในการกระจายวัคซีน ตัดสินใจว่าจะยินดีให้องค์กรนั้นมาฉีดวัคซีนกับ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ หรือไม่ หากคำตอบคือยินดีและมีวัคซีนเข้ามาก็พร้อมบริหารจัดการได้เลยในระดับองค์กรนั้น
ด้าน ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวว่า ที่ผ่านมามักมีคำถามว่าวัคซีนโควิด-19 จะมาแน่นอนใช่หรือไม่ซึ่งเท่าที่ฟังมายืนยันว่าวัคซีนจะมาอย่างแน่นอน แต่ยังไม่ขอกล่าวถึงจำนวนวัคซีน เพราะหากพูดไปแล้วเกิดบางอย่างมาช้าไปบ้างหรือน้อยไปบ้างก็จะเกิดความรู้สึก แต่บางอย่างอาจมาเร็วและมากกว่าที่เราคิดฉะนั้นก็ขอให้มั่นใจว่าวัคซีนมาแน่ และวันที่ 7 มิ.ย. 2564ได้ฉีดแน่ ซึ่งขอให้ผู้ที่ยังวิตกกังวลมั่นใจ อย่างตนนั้นฉีดแอสตราเซเนกาแล้ว 2 เข็ม ก็ไม่มีอาการอะไร
“ไวรัสโควิด-19 เราก็สามารถตั้งรับมาได้ปีกว่าโดยที่ความเสียหายน้อยมาก ความเสียหายมีมากขึ้นในรอบไม่กี่เดือนที่ผ่านมาแต่เราก็ยันได้อยู่ และตอนนี้วัคซีนก็กำลังมาหรือบางส่วนก็มาแล้ว แล้วก็จะเริ่มฉีดวันที่ 7 มิถุนา เป็นต้นไป จากนี้ไปถ้าเปรียบเทียบการรบก็เหมือนการทำสงครามขั้นรุกเพื่อขจัดโควิด-19ให้หมดไปจากประเทศไทย ก็จะใช้เวลาอีกหลายเดือนคิดว่าคงถึงสิ้นปีจึงจะมั่นใจว่าเราปลอดภัยแน่ๆ”ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก กล่าว
ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวง อว.กล่าวเสริมว่า สำหรับกระบวนการฉีดวัคซีน อว. เกี่ยวข้องคือ โรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยที่ให้บริการฉีดวัคซีน รวมถึงส่งบุคลากรออกไปให้บริการฉีดวัคซีนตามสถานที่ต่างๆ เช่น ห้างสรรพสินค้า ซึ่งสำหรับพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีหน่วยฉีดวัคซีนที่อยู่ในสถาบันการศึกษารวม 11 แห่ง โดย มธ.รังสิต ก็เป็นหนึ่งในสถาบันเหล่านั้น
นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี เปิดเผยว่า จุดบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี นอกจากที่ มธ.รังสิต ที่ฉีดได้ประมาณ 2,000 คนต่อวัน แล้วยังมีที่ห้างฟิวเจอร์ปาร์ครังสิต ฉีดได้ 1,700 คนต่อวัน และห้างเซียร์รังสิต อีก 1,700 คนต่อวัน รวมถึงตามโรงพยาบาลต่างๆ ซึ่งโดยรวมแล้วสามารถฉีดได้เฉลี่ย 16,000 คนต่อวัน ใช้เวลา 3 เดือนน่าจะให้บริการครอบคลุมได้ทั้งหมด
ทั้งนี้ จำนวนผู้มีรายชื่อในทะเบียนบ้านของ จ.ปทุมธานี มีประมาณ 1.2 ล้านคน บวกประชากรแฝงที่รวมถึงแรงงานข้ามชาติอีก 4 แสนคน และผู้ประกันตนอีก 4 แสนคน ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือ
จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดสรรอย่างดี รวมถึงได้รับความร่วมมือจากชาวปทุมธานีเป็นอย่างดีในการลงทะเบียนจองคิวฉีดวัคซีน ดังนั้นหากได้วัคซีนมาตามจำนวนก็สามารถดำเนินการได้ทันอย่างแน่นอน!!!
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี