ถาม - พระเครื่องต่างๆ ที่เกจิอาจารย์ดังๆ ทั่วไป ได้จัดทำขึ้นบ้างก็ทำมาหลายร้อยปีแล้ว บ้างก็เป็นพันปี บ้างก็เพิ่งทำขึ้นเต็มท้องตลาดเต็มประเทศไปหมด จนไม่ทราบว่าจะเลือกแขวนองค์ไหน รุ่นไหนดีนั้นมีอิทธิฤทธิ์ให้ผลในแง่อยู่ยงคงกระพันเมตตามหานิยม หรือโชคลาภต่างๆ จริงหรือไม่ครับ และพระบางรูปที่ทำขึ้นผมสังเกตดูท่านก็เป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ แล้วทำไมท่านยังทำสิ่งเหล่านี้ออกมาอีก ถือเป็นเรื่องผิดพระวินัยหรือไม่ และมีความสมควรแค่ไหน เพียงใด ในอดีตพุทธกาลมีการทำพระเครื่องมาหรือไม่ มีผลเป็นที่น่าอัศจรรย์จริงหรือไม่
ตอบ - พระเครื่องต่างๆ เขาทำมาแล้วตั้งร้อยปีก็ตามมันก็ผิดมาตั้งแต่ร้อยปีนั่นเอง ไม่สมควรในทางพระพุทธศาสนา แต่มันก็สมควรกับเขาเพราะเขาเห็นอยู่ในระดับนั้น ให้เข้าใจว่าดีกับชั่วนี้ มืดกับสว่างนี้มันประชัดขันแข่งกันมาในตัวกี่ล้านๆ ปีที่แล้วก็ไม่ทราบ
บัณฑิตกับคนพาลก็สืบโลกมาอย่างนี้ไม่รู้ว่าอันใดเกิดก่อนเกิดหลัง ในพระวินัยของพระภิกษุในพรหมชาลสูตรก็ได้ ในพระวินัยปิฏกโดยตรงๆ ก็ดี ในวินัยมุขเล่ม ๒ ของนักธรรมโทก็ดี มิได้ส่งเสริมไสยศาสตร์ใดๆ ทั้งสิ้น มิได้ส่งเสริมดิรัจฉานคาถาใดๆ ทั้งสิ้น
เรื่องเหล่านี้หลวงปู่ไม่ได้หนักใจเลย ไม่ได้พยายามทิ้งยากเพราะมันชอบเว้นอยู่แล้ว ที่หลวงปู่สักยันต์ที่แขนในปัจจุบันนี้อยู่เดี๋ยวนี้ ก็ไม่ได้หมายว่ามันอยู่ยงคงกระพันอันใดเลย ทำตามธรรมเนียมประเพณีของเขาในสมัยนั้นเฉยๆ แต่หลวงปู่เห็นตัวเองทุกวันนี้อาเจียนก็จะออกแล้ว และทำมาตั้งแต่ฆราวาส ๒๔๖๕ และ ๒๔๗๐
ในครั้งพุทธกาลพระเครื่องไม่มี แต่ไสยศาสตร์ต่างๆ เขาก็มีอยู่ทุกๆ สมัยจนนับไม่ไหวเสียแล้ว นานาจิตตัง นานาธรรมมัง เพราะพระพุทธศาสนา ไม่เป็นฐานะของผู้สร้างบารมีต่ำจะมาเลื่อมใสได้โดยง่าย แม้ถึงจะมาเลื่อมใสก็กลายเป็นนิกายต่างๆ แผกเพี้ยนไปด้วย ยกอุทาหรณ์ เช่น นโม ตัวเดียวกันก็แปลไปต่างกัน
นโม แปลว่า ความนอบน้อมพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์กลมกลืนกัน ส่วนเขาผู้อยู่ระดับต่ำเขาก็ตีความหมายว่า นโมเลข นโมผา นโมบัตร นโมเบอร์ และสุราเมระยะนี้ ถ้ากินเป็นระยะๆ มันไม่เป็นไรหรอก ดูเขาก็พูดอย่างนี้ เพราะเขามีความเห็นอย่างนี้
กินเป็นระยะก็เมาเป็นระยะ ก็เสียทรัพย์เป็นระยะ มันก็เกิดโรคเป็นระยะ มันก็ต้องติเตียนเป็นระยะ มันก็ก่อการทะเลาะวิวาทเป็นระยะ มันก็ไม่รู้จักอายเป็นระยะ มันก็ทอนกำลังปัญญาเป็นระยะเขาไม่ว่าซะ มันก็ถูกของเขาแต่มันไม่ถูกของบัณฑิต
ถาม - ปัจจุบันมีเกจิอาจารย์จำนวนมาก ที่สร้างพระเครื่องปลุกเสก ปลุกพระทั้งเพื่อประโยชน์แก่ศาสนาและอื่นๆ ไม่ทราบว่าผิดหลักพุทธศาสนาหรือไม่ ในความเห็นของหลานๆ คือการสร้างพระขายนี้ อย่างน้อยคนก็ได้ทำบุญโดยมีสิ่งของตอบแทน มีพระเป็นที่ยึดเหนี่ยวประกอบกุศลกรรม (ถ้าไม่ทำแบบขายพาณิชย์) ติดพระเครื่องก็ยังดีกว่าติดเหล้า ติดยา ติดการพนัน ฯลฯ ข้อเสียติดวัตถุจนลืมธรรมซึ่งมีค่าประมาณมิได้ หลานอยากทราบทัศนคติธรรมเกี่ยวกับเรื่องนี้ครับ เพราะคนทุกวันนี้ติดวัตถุกันมากเหลือเกิน (รวมทั้งหลาน) ครับ
ตอบ - เรื่องพระเครื่องที่ปัจจุบันเกจิอาจารย์ทำมากเป็นการผิดหรือไม่ และปลุกเสกพระทั้งเพื่อประโยชน์คือการสร้างพระขาย ในข้อนี้หลวงปู่ไม่พอใจอธิบาย จะว่าเป็นคำถามที่ไม่ควรตอบก็ถูก แต่ในชีวประวัติของหลวงปู่ ได้เล่าเรื่องขององค์หลวงปู่มั่นแล้ว
หลวงปู่มั่นกล่าวว่า "องค์ท่านเป็นพระพุทธเจ้าอย่างเต็มที่แล้ว เราดีอย่างไรจึงจะไปเสกให้ท่านขลัง" เหล่านี้เป็นต้น แต่นิสัยของหลวงปู่ไม่นึกอยากเสียแล้ว เพราะหลวงปู่ถือว่า คุณพุทธ ธรรม สงฆ์ ระลึกได้ไม่ระลึกได้ก็ดี อธิษฐานและตั้งสัจจะผูกขาดจองขาดไว้ที่ดวงใจ ให้เป็นข้าเป็นทาสพุทธ ธรรม สงฆ์ อยู่ทุกเมื่อแล้ว จะตีความหมายว่ายอมเอาจิตใจผูกไว้กับน้ำมูกน้ำลายของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์แล้ว และก็น้อมเข้ามาใส่ใจไว้อย่างนี้แน่นหนาแล้ว และก็น้อมใจไปผูกไว้อย่างนี้แน่นหนาแล้ว ไม่ได้ถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เพียงทุติฯ ตติฯ เท่านั้น อธิษฐานไว้ถึงทุกเมื่อ ระลึกได้ไม่ระลึกได้ก็ดี จนถึงที่สุดทุกข์โดยชอบในปัจจุบันโดยด่วนด้วย
อนึ่ง การที่ครูบาอาจารย์บางท่าน บางหมู่ ท่านทำเช่นนั้น ก็ขอมอบให้เป็นเรื่องของท่านซะ (แต่หลวงปู่ไม่ทำ) สำหรับหลวงปู่ซื้อไม่ซื้อ ขายก็ไม่ขาย ที่อยู่ในศาสนาของหลวงปู่ไม่ได้เผดียงในทางตรงหรือทางอ้อม ให้ญาติให้ญาติโยมเอามาให้ ท่านเหล่านั้นเอามาเอง และก็ไม่บอกวันจะมาด้วย เรื่องเหล่านี้พูดน้อยไม่พอ อธิบายพูดหลายก็เป็นโทษ สมัยโลกจรวด สมัยโลกดาวเทียม เดี๋ยวก็ถูกหาว่ากีดขวางรายได้
แต่หลวงปู่พิจารณาว่า ผู้เรียนหนังสือ ก สระ กา ข สระ ขา ก็พออนุโลมบ้าง แต่ถ้าจะตั้งจนเป็นพุทธพาณิชย์ก็ดูจะเฟ้อเกินไป และมีคำที่คนชอบแย้งว่า แต่การ์ตูนเขาก็ยังขายได้ จะห้ามปรามไม่ให้ซื้อให้ขายนั้น ย่อมเป็นอจินไตยเสียแล้ว แต่หลวงปู่ชอบปลีกตัวไม่เอาด้วย แต่มีผู้จะให้เอามาไว้เป็นของสงฆ์ ไม่เอาไปในทิศทั้ง ๔ เพราะการเอาพระพุทธรูปไปด้วย ไม่รู้จะเอาไว้ที่ไหน ถ้าเอาไว้ย่ามก็ไม่รู้ว่าอะไรต่ออะไรระคนปนกันอยู่ ถ้าหากว่าเอาแขวนคอ บางทีก็ลอดใต้ถุนก็มี
มานึกดูในครั้งพุทธกาล ก็ไม่ได้ยินกล่าวว่า องค์ไหนๆ เอาพระพุทธรูปไปด้วยเป็นส่วนตัว แต่ปรากฏว่ากวาดลานวัดไปเห็นพระพุทธรูปแต่โบราณ (คงจะเป็นรูปเล็ก) เห็นคอหักอยู่ก็นึกเป็นอารมณ์ในอนุสติพุทธา ธัมมา สังฆา ก็ได้สำเร็จพระอรหันต์ มีปัญหาว่า ศาสนาพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ที่มาเป็นยุคๆ ก็ต้องมีพระพุทธรูปมาทุกยุคทุกสมัย แต่จะถือเป็นเรื่องของขลังของรางไปทางไสยศาสตร์ก็คงจะน่าควรคิดอยู่ ตั้งเป็นกองๆ ไว้ขายเหมือนผักเหมือนปลา ก็คล้ายกับว่า พ่อของเราถูกขายหรือยังไง ก็ขอเรียนไว้กับท่านผู้รู้ ถ้าจะพูดในที่สุดแล้ว ก็ยังดีกว่าที่เขาถือศาสดาอื่นซึ่งเป็นอนันตริยธรรม ๖...ไม่ทรงสรรเสริญ
ขอบคุณลานธรรมจักร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี