จบไหม? คำถามง่ายๆ สั้นๆ ที่ผมได้ยินมาตลอดช่วงชีวิตการศึกษาและกลับมาได้ยินบ่อยมากขึ้นอีกครั้งในฐานะครูผู้สอน เป็นคำถามยอดฮิตภายในกลุ่มของนักศึกษาชั้นปีที่ 4 ที่คุยกันใน ห้องเรียนโดยเฉพาะช่วงใกล้สอบปลายภาค หรือช่วงเทอมสุดท้ายก่อนที่แต่ละคนจะแยกย้ายไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ตรงจากสนามฝึกงานของจริงที่ได้เลือกไว้
แน่นอนที่สุดว่าความสำเร็จของนักศึกษาที่ได้ก้าวไปสู่การเป็นบัณฑิตคือความภาคภูมิใจของมหาวิทยาลัยและของอาจารย์ทุกท่าน แต่การเรียนรู้ไม่ได้ยุติลง ณ วันนั้นเลยเสียทีเดียว เรายังคงติดตามและได้รับฟังข่าวจากบัณฑิตคนเก่งของเราอยู่ตลอดเวลา ว่าชีวิตในโลกธุรกิจของแต่ละคนมีมิติที่แตกต่างและหลากหลายมากน้อยเพียงใด สิ่งนี้จึงทำให้ผมเชื่อเสมอว่าระหว่างอาจารย์กับลูกศิษย์หรือพูดง่ายๆก็คือระหว่างบัณฑิตกับมหาวิทยาลัย คำว่า “จบ” อาจไม่เคยมีอยู่จริง
“พรศิริ อนุสสรราชกิจ” หรือ “แพท” บัณฑิตจากคณะการท่องเที่ยวและการโรงแรมที่ถึงแม้จะจบการศึกษาไปแล้ว 3ปี แต่ก็ยังส่งข่าวและบอกเล่าเรื่องราวภายนอกรั้วมหาวิทยาลัยของตัวเองกลับมาให้พวกเราได้ลุ้น ได้ติดตาม และ เสนอไอเดียต่างๆ นานาในการทำงาน ซึ่งไม่ใช่แค่การพูดคุยในฐานะอาจารย์กับศิษย์เก่าเท่านั้นแต่เป็นบรรยากาศของการปรึกษาในแบบเพื่อนคู่คิดทางธุรกิจโดยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการแก้ปัญหาได้อย่างถูกที่ถูกเวลา ซึ่งตรงกับ concept ของมหาวิทยาลัยที่มุ่งเน้นสร้างบัณฑิตให้เป็นนักคิด นักวางแผน นักออกแบบ นักพัฒนา ออกสู่ตลาดเพื่อสร้างงานคุณภาพให้สังคมและสามารถปรับตัวให้ปฏิบัติงานไปได้อย่างมืออาชีพกับทุกสถานการณ์และทุกสถานที่บนโลกใบนี้
“การเรียนที่มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ คือ จุดเริ่มต้นที่สำคัญของเราเลย ที่นี่มีแต่คนให้โอกาส ทำให้เราค้นพบสิ่งที่เราถนัดได้เร็วขึ้น เปลี่ยนเด็กคนนี้ให้โตขึ้น จริงจังกับงานและที่ยังนึกถึงตลอดเวลาถึงแม้จะจบมาแล้วหลายปีก็คือการบ้านที่อาจารย์กุ๊กและอาจารย์อีกหลายท่านมอบหมายให้ทำ ทุกวันนี้ยังนำมาต่อยอด นำมาใช้ในการทำงานได้จริงอยู่เลยคะ” นี่คือคำบอกเล่าอย่างแรกของแพทเมื่อผมถามถึงความแตกต่างระหว่างชีวิตในมหาวิทยาลัยกับชีวิตจริงในการทำงาน หลังจากจบการศึกษาแพทต้องหยุดทำตามความฝันที่จะเรียนต่อด้านการโรงแรมไว้ชั่วคราว เพื่อเข้ามารับผิดชอบงานของครอบครัวแทนคุณพ่อที่เพิ่งจากไปอย่างกะทันหันด้วยโรคมะเร็ง
“หลังจากที่เรียนจบมหาวิทยาลัย คือ ช่วงเวลาที่เราต้องตัดสินใจระหว่างการรับช่วงกิจการดูแลตลาดต่อจากคุณพ่อที่เพิ่งเสียไป ซึ่งตลาดกำลังเกิดปัญหาใหญ่หลายด้านในตอนนั้น กับการเรียนต่อตามที่ตั้งใจไว้ มันเป็นโจทย์ที่ยากมากที่สุดเพราะเราเองไม่เชื่อว่าบัณฑิตจบใหม่ อายุน้อย ด้อยประสบการณ์อย่างเราจะดูแลตลาดได้ เราตัดสินใจในนาทีสุดท้ายเลือกดูแลกิจการตลาด ลงพื้นที่ วางแผนงาน กางตำราเรียนที่เคยทำงานกลุ่มเสนออาจารย์เพื่อใช้เป็น model ในการแก้ปัญหา และ ศึกษาต้นแบบการดำเนินธุรกิจของคุณย่าที่ฉลาดรอบคอบ จริงใจ คำไหนคำนั้น ท่านเป็นที่นับหน้าถือตาและได้รับความไว้วางใจจากผู้เช่าด้วยความมีน้ำใจและการช่วยเหลือสังคมอยู่เสมอ เราเปลี่ยนตลาดที่เงียบเหงาร้างผู้คนให้เป็นตลาดกลางคืนที่คึกคักและกลับมามีชีวิตอีกครั้ง” การค้นพบความถนัดของตัวเองตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษาบวกกับทัศนคติที่เข้าใจในความเปลี่ยนแปลงของสิ่งต่างๆรอบตัวทำให้แพทนำความรู้ที่ได้จากสิ่งที่เรียนกับประสบการณ์จากการฝึกงาน มาวางแผน พัฒนา และแก้ปัญหาที่สะสมทับถมมานานหลายปีจนแทบสิ้นหวังให้กลายเป็นโอกาสทางธุรกิจอีกครั้งอย่างน่าภาคภูมิใจ
“เมื่อธุรกิจของครอบครัวได้รับการจัดการเรียบร้อยแล้ว เราจึงย้อนกลับมาทำตามฝันคือการไปเรียนต่อตามแผนการศึกษาที่ได้วางไว้โดยเลือกเรียน Business and Hotel Management School ที่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ที่ที่เราพบว่าสิ่งที่อาจารย์เคยสอนและประสบการณ์ที่ได้รับจากการฝึกงานตอนปี 4 มันเกิดขึ้นจริงและได้นำกลับมาใช้ตลอดเวลาที่เรียนหนังสือ ตั้งแต่การปรับตัวให้เข้ากับนักศึกษาต่างชาติ ทักษะภาษาอังกฤษที่มีความจำเป็นขั้นสุด ชั่วโมงเรียนที่ยาวนานตั้งแต่ 09.00 ถึง 17.00 และ ต่อด้วยการทำงานกลุ่มหลังเลิกเรียน” แพทถ่ายทอด DNA ของธุรกิจบัณฑิตย์ออกมาทางความคิด การใช้ชีวิตและการทำงานได้เห็นภาพอย่างชัดเจนเป็นข้อพิสูจน์ว่าการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นให้นักศึกษามี sense of survival ตั้งแต่เริ่มเข้ามาเรียนจนจบการศึกษาคือความสำเร็จของมหาวิทยาลัยอย่างแท้จริง
“ตำแหน่งหัวหน้าทีมในวิชาการวางแผนธุรกิจให้อะไรมากกว่าที่คิดเยอะมาก การลงมือปฏิบัติจริงในการทำ Project การเสนองานต่อหน้าคณะกรรมการและธนาคาร คือ จุดแข็งของมหาวิทยาลัยที่มีส่วนสำคัญทำให้เราทำงานร่วมกับนักศึกษาต่างชาติที่มีความใส่ใจและจริงจังต่องานกลุ่มได้อย่างลงตัว ส่วนทักษะด้านงานบริการที่ได้จากคณะทำให้เรามีความอดทน มุ่งมั่นและรู้จักปรับตัว ทำให้เราจบการศึกษาระดับปริญญาโทตามเป้าหมาย” แพทกล่าวถึงจุดแข็งของการเรียนที่มหาวิทยาลัยธุรกิจอีกครั้งอย่างชื่นชม
“เราเริ่มเรียนได้เพียง 3 เดือน COVID ระบาดอย่างหนักที่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 1 หมื่นถึง 2 หมื่นคนต่อวัน การปรับตัว การดูแลตัวเอง และ การแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมเป็นสิ่งสำคัญที่สุดและเป็นหน้าที่ของทุกคน ความร่วมมือของทุกฝ่ายทำให้สถานการณ์ดีขึ้นตามลำดับ”
วิกฤตการณ์และปัญหาคือความท้าทายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในชีวิตการทำงาน การไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคและความมุ่งมั่นเพื่อจุดมุ่งหมายที่ได้ตั้งใจไว้ของแพททำให้วันนี้แพทเรียนจบและกลับมาสานต่อกิจการของครอบครัวด้วยมุมมองที่กว้างและไกลขึ้นท่ามกลางสภาวะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ในประเทศไทย
แพทบริหารจัดการงานที่ตลาดบนมาตรฐานความปลอดภัย เรียนรู้ที่จะปรับตัว และ รับผิดชอบต่อสังคมอย่างจริงจังตามที่ได้เรียนรู้มาจากทั้งการเรียนที่ธุรกิจบัณฑิตย์และสวิสเซอร์แลนด์ ทำให้ตลาดกลางเมืองพะเยาของแพทได้รับความไว้วางใจจากผู้เช่าและได้รับความนิยมจากชาวบ้านอีกครั้ง เช่นเดียวกับคณะการท่องเที่ยวและการโรงแรมเองก็ได้ปรับหลักสูตรให้มีความทันสมัยต่อสถานการณ์ของโลกและความนิยมในปัจจุบันคือ สาขาการท่องเที่ยวและธุรกิจอีเวนต์ รวมทั้งสาขาการโรงแรมและธุรกิจอาหาร
ครั้งนี้ผมยกเรื่องของแพท ศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์มาถ่ายทอดให้ทุกท่านได้สัมผัสถึงพลังบวกและมุมมองในการตัดสินใจในวันที่ยากที่สุดของชีวิตสำหรับบัณฑิตจบใหม่ ที่ก้าวข้ามความกลัวด้วยความกล้า ก้าวข้ามอุปสรรคด้วยการแก้ปัญหา และ นำสิ่งที่ได้เรียนรู้มาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง จนทำให้ผมนึกถึงคำ 4 คำที่ไม่จำเป็นต้องใช้สันธานมาเชื่อมระหว่างคำ แต่เมื่อนำมาวางเรียงกันแล้วเราจะเข้าใจความหมายได้จากความรู้สึกแบบไม่รู้จบ “ธุรกิจ- บัณฑิตย์- ศิษย์- ครู”
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังประสบปัญหาหรือมีเรื่องที่ต้องตัดสินใจ ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเรื่องราวของแพทจะเป็นแรงผลักดันให้คุณก้าวผ่านเหตุการณ์ต่างๆไปได้อย่างเข้มแข็ง ราบรื่น และ ปลอดภัย และหากคุณต้องการปรึกษาหรือมองหาใครสักคนในวันที่ยากที่สุด ใครคนนั้นอาจเป็น “ครู” ที่ไม่เคยจบกับคุณเลยก็ได้
เรียบเรียงโดย : นายตีรศักดิ์ เติมทรัพย์สาร อาจารย์ประจำคณะการท่องเที่ยวและการโรงแรม มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี