วันเกิดเราก็คล้ายวันตายแม่
อุ้มท้องแก่กว่าจะคลอดรอดหลุดพ้น
จากเด็กน้อยจนเติบใหญ่ได้เป็นคน
เติบโตจนถึงวันนี้มีเพราะใคร
แม่เจ็บจวนขาดใจในวันนั้น
กลับเป็นวันลูกฉลองกันผ่องใส
ได้ชีวิตแล้วก็หลงเหลิงระเริงใจ
ลืมผู้ให้ชีวิตอนิจจา
ทำไมเราเข้าใจว่าเป็นวันเกิด
เปลี่ยนเป็นวันผู้ให้กำเนิดจะดีกว่า
สิ่งอวยพรที่สลอนหน้ากันมา
ควรจะมอบให้มารดาผู้มีคุณ
เลิกจัดงานวันเกิดกันเถิดเรา
ดีที่สุดควรคุกเข่ากราบเท้าแม่
รำลึกถึงผู้มีคุณอบอุ่นแด
อย่ามัวแต่จัดงานประจานตน
ท่านโปรดจำไว้วันเกิดของลูก คือวันตายของแม่ เพราะวันที่ลูกเกิดแม่อาจต้องเสียชีวิตการออกศึกสงครามเป็นการเสี่ยงชีวิต สำหรับคนเป็นพ่อฉันใดการคลอดลูกก็เป็นการเสี่ยงตายสำหรับคนเป็นแม่ฉันนั้น ในสมัยโบราณที่วิทยาการต่างๆ ยังไม่เจริญก้าวหน้าเหมือนสมัยนี้อัตราการตายเพราะคลอดลูกมีสูงมากคนโบราณเขาจึงกล่าวว่าวันเกิดของลูก คือวันตายของแม่
เมื่อคลอดลูกแล้ว “แม่” ก็ยังต้องประคบประหงมเลี้ยงดูให้ดื่มเลือดในอกเป็นอาหาร ยามที่ลูกเจ็บป่วยก็อมยาพ่นฝนยาทารักษากันไปตามมีตามเกิดแม่เฝ้ากล่อมเกลี้ยงเลี้ยงลูกจนเติบใหญ่กระทั่งลูกแต่งงานมีเหย้ามีเรือนไปแล้วแม่ก็ยังเฝ้าห่วงใยรักใคร่ไม่จืดจาง
ตั้งแต่อาตมาคอหัก หายใจทางสะดือได้พองหนอยุบหนอคิดถึงแม่ทุกลมหายใจอาตมาเห็นความทุกข์อย่างแสนสาหัสของคนเป็นแม่ก็ตอนที่เป็นหมอตำแยทำคลอดให้ผู้หญิงคนหนึ่งแม้ว่าเรื่องราวจะผ่านพ้นมาห้าสิบกว่าปีก็ยังจำภาพเหตุการณ์ครั้งนั้นได้ติดตาติดใจมากระทั่งทุกวันนี้
สมัยนั้นอาตมาอายุสิบหก แต่ยังไม่ประสีประสาอะไรยังเปลือยกายกระโดดน้ำตูมๆ กับเพื่อนอย่างสนุกสนานแต่เด็กสมัยนี้อายุสิบหกเป็นหนุ่มกันแล้วตอนนั้นอาศัยอยู่กับยาย ลำบากลำบนมาก ต้องหาเงินเรียนเองตื่นตั้งแต่ตีสามหาบของไปขายที่ตลาดบางขามห่างจากบ้านไป ๑๔ กิโลเมตร
ถึงตลาดตี ๔ กว่าๆ ก็นั่งขายของซึ่งเป็นพวกผักสวนครัวที่ช่วยกันปลูกกับยาย พอตีห้าก็ขายหมดบางวันขายไม่ค่อยดีก็ไปหมดเอา ๗ โมงเช้าจากนั้นก็หาบกระจาดเปล่ากลับบ้านหิวข้าวก็ต้องอดทนเพราะยายสั่งไม่ให้ซื้อเขากินให้กลับมากินบ้านเรา ยายว่าซื้อเขากินมันแพงจานละตั้งสามสตางค์ สู้กลับมากินข้าวที่บ้านไม่ได้อาตมาก็จำเป็นต้องเชื่อยาย บางทีกว่าจะถึงบ้านหิวแทบลมจับ
อยู่มาวันหนึ่งขณะที่อาตมาหาบกระจาดเปล่ากลับบ้านก็พบกับผู้หญิงคนหนึ่งกลางทางเขากำลังท้องแก่จะเดินทางไปคลอดลูกที่บ้านแม่ของเขาที่ต้องเดินทางไปคลอดบ้านแม่ เพราะเขาอยู่กับพ่อผัวแม่ผัวซึ่งรังเกียจว่าเขาจน และไม่ยอมช่วยเหลือเกื้อกูลแต่ประการใด
เดินทางไปได้ครึ่งทางก็เกิดปวดท้องนอนครวญครางอยู่ใต้ต้นไทรพอเห็นอาตมาเดินผ่านมา เขาก็ดีใจร้องบอกกับอาตมาให้ช่วยเขาด้วยเขาปวดท้องใจจะขาดอยู่แล้ว ช่วยเอาลูกออกให้ทีอาตมาถึงจะอายุสิบหก แต่ก็ยังไม่รู้ว่าเขาออกลูกกันอย่างไรผู้ใหญ่เขาเคยพูดให้ฟังว่าเขาออกลูกทางปากบางคนก็บอกออกทางสะดือ บางคนก็ว่าออกทางก้นอาตมาก็เชื่อนึกว่าเป็นอย่างนี้จริงๆ ที่แท้ก็ถูกผู้ใหญ่หลอกเพิ่งมารู้ความจริงตอนทำคลอดครั้งนี้นั่นแหละ
ผู้หญิงคนนั้นเขาก็ร้องใหญ่บอกปวดมาก แล้วก็เป็นลูกท้องแรกจึงยังไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องการคลอดลูกมาก่อนได้ยินเขาร้องโอยๆ อาตมาก็ทำอะไรไม่ถูกเลยถามว่าจะให้ช่วยอย่างไรเขาก็บอกช่วยดึงเด็กออกจากท้องให้เขาที มันกำลังจะออกแล้ว
อาตมาก็ยังงงอยู่เลย นึกถึงเทวดา ก็นึกตามประสาเด็กๆไม่รู้ว่าเทวดามีจริงหรือเปล่า แต่ยายเคยเล่าให้ฟังบ่อยๆก็คิดว่าคงจะมีมั้ง เลยประนมมือบอกรุกขเทวดาประจำต้นไทรให้ช่วยแล้วก็ร่ายคาถาชุมนุมเทวดาที่ยายเคยสอนจนจำได้ขึ้นใจ
พอว่าคาถาจบ เทวดาเข้าสิงอาตมาเลย ที่รู้ว่าเทวดาเข้าสิงเพราะท่านมากระซิบข้างหูว่า "ดึงเด็กออกมา ดึงเด็กออก" อาตมาถาม “ดึงยังไง เด็กอยู่ที่ไหน” เทวดาบอก “อยู่ในท้อง เอามือล้วงเข้าไปในผ้านุ่งก็จะเจอหัวเด็ก”
อาตมาก็ทำตามดึงพรวดสุดแรงเลยเสียงผู้หญิงร้องกรี๊ดและสลบเหมือดไปอาตมาก็ตกใจเพราะเห็นไส้ยาวๆ ติดตัวเด็กออกมาคิดว่า เราคงดึงไส้ผู้หญิงคนนั้นออกมาหมดท้องกระมังเขาคงต้องตายแน่ๆ จะทำยังไงดีหนอเสียงเทวดากระซิบข้างหูว่า “ไม่ตายหรอก แค่สลบไปเท่านั้น ไปจัดการตัดสายรกให้เด็กก่อนที่เธอเห็นนั้นแหละเรียกว่า สายรก ไม่ใช่ไส้เขาหรอก”
อาตมาก็ถามว่า “เอาอะไรตัดล่ะ มีดพร้าก็ไม่มี” เทวดาบอก “เอาเล็บของเธอนั่นแหละ จิกแน่นๆแล้วดึง มันจะขาดเอง”
สมัยนั้นหนุ่มรุ่นๆ เขานิยมไว้เล็บยาวกันเรียกว่า แฟชั่น อาตมาก็ไว้กับเขา คือ เขาจะไว้เล็บข้างละสองนิ้วนิ้วหัวแม่มือกับนิ้วก้อย อาตมาก็ทำตามที่เทวดาบอกพอรกขาดเลือดพุ่งเลย เด็กส่งเสียงร้องอุแว้ๆ ลั่นป่าเทวดาบอกอีกว่า “ไปเอาฝุ่นมาโรงตรงแผล”อาตมาก็กอบฝุ่นโรยลงไป ปรากฏว่าเลือดหยุดไหลแต่เด็กไม่หยุดร้อง
เทวดาก็กระซิบข้างหูอีกว่า “ดูดเลือดที่คั่งในปากออกมา”อาตมาก็เอามือง้างปากเด็ก ดูดเลือดและเสมหะออกแล้วบ้วนทิ้งไม่ได้นึกรังเกียจ เพราะกลัวเด็กจะตายเทวดาบอกอีกว่า “เอากระบอกไปตักน้ำมาหยอดปาก”พอดีมีกระบอกไม้ไผ่อันหนึ่งแขวนอยู่ที่กิ่งไทรไม่ทราบเหมือนกันว่าใครนำไปแขวนไว้
ข้างๆ ต้นไทรมีหนองน้ำอยู่แห่งหนึ่งอาตมาจึงหยิบกระบอกเดินไปตักน้ำมาหยอดใส่ปากเด็กเจ้าหนูหยุดร้องไห้เลยดูดหยดน้ำจากนิ้วมืออาตมาเสียงดับจุ๊บๆ เป็นภาพที่ซึ้งใจอาตมามาจนทุกวันนี้ได้เห็นสัญชาตญาณการดิ้นรนต่อสู้เพื่อความอยู่รอดของชีวิตก็ตอนที่เจ้าหนูดูดน้ำจากนิ้วมือนี่แหละ
พอได้น้ำเจ้าหนูก็หยุดร้อง ส่วนแม่นั้นสักพักเข้าก็ฟื้นถามว่า“ลูกเป็นหญิงหรือผู้ชาย” พอรู้ว่าได้ลูกชายเขาก็ดีใจอาตมาก็เลยช่วยพากลับบ้านทั้งแม่ทั้งลูกปัจจุบันผู้หญิงคนนั้นเป็นเจ้าของตลาดท่าแค ลพบุรี ร่ำรวยมาก
นี่แหละที่ทำให้อาตมาเห็นใจคนเป็นแม่แล้วก็รักแม่มาตั้งแต่บัดนั้น อาตมาสงสารลูกผู้หญิงมากเห็นคนท้องเดินมาก็จะแผ่เมตตาขอให้เขาคลอดง่ายเพราะเราเห็นว่า การคลอดลูกยากนั้นเป็นการเสี่ยงชีวิตเหมือนการออกศึกสงครามทีเดียว
พ่อแม่เลี้ยงลูกเปรียบเสมือนปลูกต้นไม้ปลูกอย่างมีระเบียบแบบแผนต้นไม้ก็จะขึ้นอย่างมีระเบียบสวยงามตามแบบตามแผนที่วางไว้ถ้าปลูกอย่างไม่มีระเบียบ ปลูกตรงโน้นต้นหนึ่ง ตรงนี้ต้นหนึ่งนึกจะปลูกตรงไหนก็ปลูกเกะกะเต็มไปหมดมองดูรกรุงรัง หาความสวยงามไม่ได้ถ้าเป็นอย่างนี้จะไปโทษต้นไม้ว่ามันขึ้นไม่เป็นระเบียบจะถูกหรือจะต้องโทษคนปลูก เพราะคนปลูกไม่มีระเบียบต้นไม้จึงขึ้นอย่างไม่มีระเบียบ
ความรักของแม่มีหลายรูปแบบ มีแม่คนหนึ่งมาบอก“หลวงพ่อ เจ้าคะ ดิฉันเลี้ยงลูกมานี่ลูกมันไม่เอาไหนเลยมาฝากบวช ๗ วัน” บอกเสร็จออกไปสักครู่กลับมาอีกกำชับอีกว่า “สอนลูกฉันให้ดีๆ นะ”ออกไปอีกกลับมาย้ำอีกทีว่า “ช่วยสอนลูกฉันให้ดีๆ นะ”อาตมาก็ต้องเรียกเข้ามานั่งๆ มาเดี๋ยวให้คติธรรม
“นี่โยมน่ะเป็นแม่เขาใช่ไหม”...“ใช่เจ้าค่ะ” “โยมสอนลูกมาตั้ง ๒๐ ปี เอาดีไม่ได้แล้วจะมาให้อาตมาสอน ๗ วัน จะดีหรือ”อย่างนี้ต้องเรียกว่า จะมากไป สอนลูกไม่เอาไหนไม่ใช่ลูกไม่ดีนะ ตัวแม่ไม่ดี ไม่เคยสอนลูกสวดมนต์ไหว้พระเลย
อยากให้ลูกดีต้องสอนให้ลูกสวดมนต์ลูกจะมีระเบียบวินัย โตขึ้นไม่เถียงพ่อเถียงแม่เมื่ออยู่วัยศึกษาก็รับผิดชอบสูงแม้ไปศึกษายังต่างประเทศลูกจะวางตัวดีพ่อแม่ไม่ต้องคอยติดตามทุกฝีก้าวทุกระยะ
อีกรายเป็นแม่ปริญญาโท มาให้อาตมาช่วยเป่าหัวให้ลูกชายหน่อยจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย อาตมาบอก “เจริญพร ขอตั้งสติสักนาที”คิดหนอ เห็นหนอ แม่คนนี้หนอเป่าให้ไม่ได้หนอเป่าแล้วเสียลมจากคอเราหนอ
เมื่อคืนนี้แม่เอาหนังมาดูถึงตอนตี ๒ นี่หรือจะให้เป่าหัวเป่าแทบตายก็ไม่ได้เรื่อง จึงบอกไปว่า “หนู...หลวงพ่อเป่าไม่ได้เมื่อคืนดูหนังอะไรกัน” ลูกชายบอก“จริงหลวงพ่อ ตี ๒ ผมง่วง ยังดึงผมหยิกผมให้ลุกมาดูด้วย”
นี่นะแม่นะแม่อย่างนี้จะให้สอบเข้าได้อย่างไรอย่างนี้พระเป่าหัวก็เป็นพระโง่ เพี้ยงดีๆ ยังไงเป่าแล้วดีเป่าแล้วรวย แต่ขี้เกียจสะบัด อย่างนี้ช่วยไม่ได้ถ้าไม่ช่วยตัวเองก่อน
ขอฝากไว้คนที่เป็น “แม่” นั้น ต้องทำให้ถูกต้องถูกบทหมดจดเหมาะเจาะอยู่ที่ “แม่”ส่วนพ่อมีความสำคัญไม่เท่าแม่พ่อเปรียบเสมือนพระอาทิตย์ที่ให้ความอบอุ่นส่วนแม่เปรียบเสมือนพระจันทร์หากพ่อเล่นการพนันไม่เอาไหนไม่เป็นไร
แม่นั้นสำคัญมาก แม่จะต้องรักษาลูกไว้ แม่ที่ดีต้องเป็นแม่แบบแม่แผน แม่แปลน แม่บันได แม่บ้านแม่เรือน แม่เคหศาสตร์แม่แผนผัง แม่กุญแจ อยู่ตรงนี้ลูกจะดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับแม่เป็นหลักให้ลูก ไม่ใช่พ่อ
ถึงพ่อแสนดี แม่ฉุยแฉกแตกราน สุรุ่ยสุร่ายไม่เอาไหนไม่รู้จักเก็บงำทำให้ดี ไม่เป็นแบบที่ดีของลูก รับรองบ้านเจ๊งแน่ๆถ้าพ่อดีแม่ดีเปรียบเสมือนอาคารแน่นลูกดีมีปัญญาเหมือนมีเฟอร์นิเจอร์ราคาแพงประดับบ้าน
ฉะนั้น พ่อแม่เท่านั้นที่ทำความดีให้กับลูกทำถูกให้กับหลานเป็นกฎแห่งกรรมจากการกระทำของพ่อแม่ทำให้ลูกชอบ พูดให้ลูกเชื่อ ตามใจในสิ่งที่ถูกทำตัวอย่างให้ลูกดู สร้างความดีให้ลูกเห็นโบราณท่านว่าไว้ อย่าอยู่ว่างอย่าห่างผู้ใหญ่ ลูกจะหลงทางได้ง่าย
อีกเรื่องต้องเรียกว่า “หนามแหลมใครเสี้ยม มะนาวกลมเกลี้ยงใครไปกลึง”
เรื่องมีอยู่ว่า มีเด็กประถม ๔ คนหนึ่งเดี๋ยวนี้เป็นด๊อกเตอร์อยู่สหรัฐอเมริกาพ่อกินเหล้า สูบกัญชายาฝิ่น ชอบเล่นการพนันตีไก่อยู่ที่บางระจัน สิงห์บุรี แม่ก็หาหวยตามวัดอาตมาดูหนูคนนี้แล้วบอก ต้องเป็นใหญ่เป็นโตแน่ๆจดไว้เป็นกฎแห่งกรรม ติดตามดูแลโดยต่อเนื่องอาตมาประสบมาเราก็ต้องจดต้องจำ
ก็จดชื่อไว้ถามวันเกิดวันอะไรบอกเด็กไปว่าหลวงพ่อจะสอนจะให้ตังค์ไป ๑๐๐ บาทถามว่าเขาเกิดวันอะไร เขาบอกวันเกิดวันอังคารหลวงพ่อสอนเด็กคนนี้ครั้งเดียวจำได้บอกวันเกิดหนูซื้อขนม ๒ ห่อเรียกพ่อแม่มาคู่กันแล้วกราบนะ ลูกนะพ่อก็เมา แม่ก็บอกเดี๋ยวจะรีบไปวัดลูกก็บอกเดี๋ยว ความผิดอันใดที่ลูกพลั้งเผลอด้วยกาย วาจา ใจ ที่คิดไม่ดีต่อคุณพ่อคุณแม่ขอให้คุณพ่อคุณแม่อโหสิกรรมให้แล้วล้างเท้าให้พ่อแม่ ลูกไม่มีสตางค์ลูกซื้อขนมมา ๒ ห่อ ให้แม่ก่อน ๑ ห่อเพราะแม่อุ้มท้องมาแล้วจึงให้พ่ออีก ๑ ห่อ
ลูกขอปฏิญาณตนว่า ลูกขอเป็นลูกที่ดีต่อพ่อแม่แล้วจะเป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ลูกจะไม่ทำให้พ่อแม่ผิดหวังแล้วลูกจะเรียนหนังสือให้เก่งให้ก้าวหน้าพ่อฟังแล้วน้ำตาร่วง สร่างเมาเลย ส่วนแม่ร้องไห้ลูกไปโรงเรียนแล้ว พ่อแม่ก็สำนึกได้บอกลูกมันปฏิญาณตนเป็นคนดีแล้วเรายังทำตัวอย่างไม่ดีให้ลูกดูอีกหรือ
ตกลงพ่อแม่ก็ปฏิญาณตนกันพ่อก็บอกข้าจะเลิกสูบกัญชา เลิกกินเหล้าและข้างฝ่ายแม่ก็เลิกหาหวยตามวัดลูกจบปริญญาโทที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยไปต่อด๊อกเตอร์ที่สหรัฐอเมริกาได้ดีแล้วเขาก็ไม่ลืมวัดอัมพวัน ไม่ลืมอาตมายังมาทำบุญถวายข้าวสารทีละ ๕๐ กระสอบ
อาตมาไม่สอนใครไปสู่สวรรค์ นิพพานแต่สอนพระกรรมฐานให้ระลึกชาติได้ ระลึกบุญคุณคนได้นึกถึงพ่อแม่ นึกถึงตัวเอง และสงสารตัวเองจะได้ทำแต่สิ่งดีๆ แค่นี้พอก่อนบางคนลืมพ่อลืมแม่ อย่าลืมนะการเถียงพ่อเถียงแม่ไม่ดีขอบิณฑบาตสอนลูกสอนหลานอย่าเถียงพ่อแม่อย่าคิดไม่ดีกับพ่อแม่ ไม่งั้นจะก้าวหน้าได้อย่างไรก้าวถอยหลังเลย ดำน้ำไม่โผล่
หนี้บุญคุณอันยิ่งใหญ่เหลือจะนับจะประมาณนั้นคือ หนี้พระคุณของบิดามารดาคำพังเพยเปรียบเทียบสั่งสอนมาสองพันกว่าปีแล้วว่าจะเอาท้องฟ้าหรือแผ่นดินมาเป็นกระดาษเอาเขาพระสุเมรุมาศมาเป็นปากกาจะเอาน้ำมหาสมุทรมาเป็นน้ำหมึกก็ไม่สามารถจะจารึกพระคุณของบิดามารดาไว้ได้เพราะน้ำในมหาสมุทรจะเหือดแห้งหมดก่อนที่จะจารึกพระคุณบิดามารดาได้จบสิ้น
คนอื่นที่เป็นเพื่อนที่รักหรือยอดหัวใจก็ยังมีโทษแก่ตัวเรารักเราไม่จริงเหมือนบิดามารดา เขาพึ่งเราได้ เขาจึงมารักเรา
นี่แหละท่านทั้งหลายเอ๋ย เป็นหนี้บุญคุณพ่อแม่มากมายยังจะไปทวงนาทวงไร่ ทวงตึกรามมาเป็นของเราอีกหรือตัวเองก็พึ่งตัวเองไม่ได้ ช่วยตัวเองไม่ได้สอนตัวเองไม่ได้แล้ว เป็นคนอัปรีย์จัญไรในโลกมนุษย์ไปทวงหนี้พ่อแม่ พ่อแม่ให้แล้วเรียนสำเร็จแล้วยังช่วยตัวเองไม่ได้มีหนี้ติดค้างรับรองทำมาหากินไม่ขึ้น
คนไม่ทำกิจวัตร ไม่ปฏิบัติหน้าที่ เล่นการพนันแปลว่า คนนั้นเกลียดตัวเอง กินเหล้าเมาสุรา เล่นการพนันเที่ยวสรวลเสเฮฮากันโต้รุ่ง พ่อแม่ก็เสียใจ ยังไปว่าพ่อแม่ไปทวงหนี้ เอาทรัพย์สมบัติพ่อแม่มาฉุยแฉกแตกรานนี่คือ ลูกสะสมหนี้ ไม่ยอมใช้หนี้
เดี๋ยวนี้ตัวเราไม่สงสารแล้วกินเหล้าเข้าไปทรัพย์สมบัติพ่อแม่ให้มาก็ขายแจกจ่ายไปหมด ไม่มีเหลือเลยตัวเองก็จะขายตัวกิน ขายตัวเองเขาก็ไม่เอาอีกเพราะขี้เกียจเช่นนี้ ขอฝากท่านเป็นข้อคิด
พ่อแม่นั้นมีบุญคุณต่อเรามาก ในมาตาปิตุคุณสูตรพระพุทธองค์แสดงไว้ว่า ลูกจะให้แม่นั่งบนบ่าขวาให้พ่อนั่งบนบ่าซ้าย ถ่ายอุจจาระปัสสาวะรดลงไปบนบ่าลูกลูกเป็นผู้เช็ดให้ หาอาหารมาป้อนให้กระทั่งจนท่านตายหรือกระทั่งลูกตายไปก็ไม่สามารถจะตอบแทนพระคุณค่าป้อนข้าวป้อนน้ำนมที่ท่านได้ถนอมกล่อมเกลี้ยงบำรุงเลี้ยงมาอย่างดีได้
ทำอย่างไรให้ได้ชื่อว่าได้ทดแทนบุญคุณพ่อแม่อย่างเลิศที่สุดสรุปคือ ถ้าพ่อแม่เป็นมิจฉาทิฏฐิแล้วลูกสามารถชักจูงพ่อแม่ให้กลับเป็นสัมมาทิฏฐิได้นั้นถือว่าได้ทดแทนบุญคุณอย่างเลิศเช่น พ่อแม่มีความเห็นผิด เป็นต้นว่าไม่เชื่อเรื่องบาปบุญคุณโทษแล้วลูกสามารถชักจูงชี้แจงให้ท่านมีความเห็นที่ถูกต้องเชื่อว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว บุญบาปมีจริงถ้าทำอย่างนี้ได้ถือว่าทดแทนบุญคุณอย่างเลิศที่สุด
วิธีใช้หนี้พ่อแม่ไม่ยากเลยลูกทั้งหลายเอ๋ยจงสร้างความดีให้กับตัวเองและก็เป็นการใช้หนี้ตัวเองนี่เป็นเรื่องสำคัญตัวเราพ่อให้หัวใจแม่ให้น้ำเลือดน้ำเหลืองแล้วอยู่ในตัวเราจะไปแสวงหาพ่อที่ไหนจะไปแสวงหาแม่ที่ไหนอีกเล่า
บางคนรังเกียจ “แม่” ว่าแก่เฒ่าไม่สวยไม่งามพอตัวเองแก่ก็เลยถูกลูกหลานรังเกียจจึงเป็นกงกรรมกงเกวียนยืดเยื้อกันต่อไปอีกใครที่คุณแม่ล่วงลับไปแล้วก็ให้หมั่นทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ท่านและถ้าจะทำบุญด้วยการมาเจริญพระกรรมฐานแล้วอุทิศส่วนกุศลไปการทำเช่นนี้ถือว่าได้บุญมากที่สุดทั้งฝ่ายผู้ให้และผู้รับ
ถ้าไม่มี “แม่” เราทุกคนก็ไม่ได้เกิดอันนี้เป็นความจริงที่ไม่ต้องพิสูจน์ผู้ใดก็ตามที่คุณแม่ยังมีชีวิตก็ให้กลับไปหาแม่ไปกราบเท้าขอศีลขอพรจากท่าน จะได้มั่งมีศรีสุขส่วนคนที่เคยทำไม่ดีไว้กับท่านก็นำเทียนแพไปกราบขออโหสิกรรมล้างเท้าให้ท่านด้วยเป็นการขอขมาลาโทษ
โอ้ผู้ใดใครเล่าจะเท่าแม่พระคุณแม่เหนือใครไปทุกสิ่งลูกนึกเทียบเปรียบสิ่งใดไม่ได้จริงช่างใหญ่ยิ่งยากแสนจะแทนคุณ
ขอบคุณลานธรรมจักร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี