ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษกลับมาเปิดฤดูกาลแล้วครับ คนดูเข้ามานั่งเชียร์ยืนเชียร์ได้เต็มสนาม เหมือนก่อนวิกฤติโควิด-19 ระบาด
น่าอิจฉานะครับ
จากประเทศที่ติดโควิดระบาดต้นๆ ของยุโรป ขนาดนายกรัฐมนตรี บอริส จอห์นสัน ยังเอาตัวไม่รอด เข้าโรงพยาบาลให้ผู้คนได้เอาใจช่วยอย่างใจหายใจคว่ำ
จำได้ว่าอังกฤษเป็นประเทศแรกๆ ที่เชื่อใน Herd Immunity ให้คนติดกันแยะๆ เดี๋ยวก็มีภูมิต้านทานหมู่กันเอง (ตอนต้นๆ คนไม่แข็งแรงต้องตายไปบ้างก็ยอม)
ความที่ระบบสาธารณสุขของอังกฤษ คนเจ็บไข้ได้ป่วยเข้าโรงพยาบาลยาก คนไข้โรคหัวใจมีคิวผ่าก็ต้องรอเป็นปี
ตอนโควิดระบาดรอบแรก ลูกสาวเพื่อนหมอของผม ไอเป็นเลือดอยู่บ้านลอนดอน โทรไป รพ.ก็ได้รับการบอกให้อยู่กับบ้านรักษาตัวเถิด
ก็โชคดีที่เธอหาย รักษาตัวอยู่กับบ้าน
กว่าคนอังกฤษจะมาถึง “จุดลั้ลลา” วันนี้ได้ แน่นอนทางการเขาทำงานหนัก ด้วยสติปัญญาและความเข้มแข็ง
ที่อังกฤษเทศบาลเมืองต่างๆ ยืนแจกชุดตรวจ Rapid Antigen Test ฟรี
การฉีดวัคซีนคุณภาพในหมู่ประชากรมีเปอร์เซ็นต์สูง คนของเขา(อังกฤษ) ได้เข็มสองหลายสิบล้านคน ขณะที่คนส่วนใหญ่ของเราแม้แต่เข็มหนึ่งยังไม่ได้ใกล้
ต้นกรกฎาคมปีนี้ คนอังกฤษได้เข็มแรก 45,274,497 คนเข็มสอง 33,614,952 คน
การจะได้ภูมิต้านทานหมู่ Herd Immunity ทางแพทย์คำนวณกันว่า ต้องฉีด 70% ของประชากร
การ Lock Down ของอังกฤษเข้มงวดมีประสิทธิภาพ ฯลฯ
ไหนๆ อิจฉาคนอังกฤษแล้ว คนอเมริกันก็มีความสุขไม่แพ้กัน เพื่อนนักธุรกิจเมืองซานฟรานซิสโก ของผม หลังได้วัคซีนวิเศษ Pfizer 2 เข็ม ก็บินไปลาสเวกัสทุกสัปดาห์ (ฮา)
แฟนกีฬาอเมริกันได้กลับมามีความสุขอีกครั้งเช่นกัน
การกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ หมายถึงการทำมาค้าขาย การทำมาหากินของพ่อค้าตัวเล็กๆ ได้ลืมตาอ้าปากมีอะไรยาไส้ ผู้คนได้มีงานทำ ไม่ต้องรอเงินแจกไม่ต้องรออาหาร “ปันสุข”
ที่ผ่านมา รัฐบาลไทยลองผิดลองถูกกับการจัดหาวัคซีน การฉีดวัคซีน ฯลฯ
ตอนนี้ “คงหูตาสว่าง” สำนึกถึงคุณประโยชน์ของ “วัคซีนวิเศษ” ที่นอกจาก ลดจำนวนผู้ติดเชื้อ ลดการเสียชีวิต
ยังเปิดทางให้ “ธุรกิจ” ฟื้นตัว ค่อยๆ กลับมาเหมือนเดิม ปัญหาเศรษฐกิจไทยที่ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยรายงาน น่าจะทำให้ “รัฐบาล” “ตื่น” (ได้บ้าง)
ปัญหา “หลุมรายได้” รายได้หายไปเกือบ 2 ล้านล้านบาท
สำหรับข้าราชการที่ทุกวันนี้ ยังไม่รู้เลยว่า “เงินเดือนและสวัสดิการ” ที่ท่านทั้งหลายรับอยู่ได้มาจาก “ภาษี”
และ “ภาษี” ก็คือเงินที่เก็บมาจาก “รายได้” ของธุรกิจ
หากธุรกิจ “ล่มล้มหาย” จะหา“เงิน” มาจ่าย “เงินเดือน” ได้อย่างไร
ปัญหา “การจ้างงาน” คนตกงานคนที่มีงานทำก็ได้ทำน้อยลง
ที่น่าเป็นห่วงมากคือ “เยาวชน” ที่จบใหม่ ไม่มีงานทำ เราคงจะเห็น “เด็กรุ่นใหม่” ก้าวร้าว เลื่อนลอย อยู่อย่างไม่มีอนาคตมากขึ้น
ปัญหา “การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ”ไม่เท่าเทียม การส่งออกที่เราหวังพึ่งตลอดมา สร้างงานแค่ 8%
ขณะที่การบริการ จ้างงานถึง 52% การท่องเที่ยวและธุรกิจต่อเนื่อง ควรได้รับการพิจารณาหา มาตรการ “ฟื้นฟู” ให้กลับมาปกติโดยพลัน
เชื่อว่า “รัฐบาล” ได้พยายามสร้างภูเก็ต Sand Box สมุย Sand Box ฯลฯ แต่มันควรจะเป็นทั้งประเทศ Sand Box ปัญหาสุดท้ายที่เราชอบห่วงกันว่า เราแพ้เวียดนามและกำลังจะแพ้พม่า เขมร ลาว คือ เราถูกพิษโควิด-19 กระทบ “หนัก” กว่า
และแน่นอน “โดน” หนัก แถมได้ทีมงานที่เป๋ไปเป๋มา โอกาส “ฟื้นตัว” ของเรา จะช้ากว่าเพื่อนบ้าน
วิกฤติเป็นโอกาส
โรคระบาดพิสูจน์ความเป็น “ผู้นำ”
กฤษณ์ ศิรประภาศิริ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี