“การเล่น” สำหรับ “เด็ก” แล้วเป็นมากกว่าความสนุกสนาน เพราะเป็นกลไกพัฒนาทั้งร่างกาย จิตใจและสถิติปัญญา ซึ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีความพยายามรณรงค์ให้เด็กได้เล่นตามวัยทดแทนการเรียนหนังสือแบบอัดวิชาการเร่งให้อ่านออกเขียนได้คิดเลขเร็วตั้งแต่อายุน้อยๆ และผู้ปกครองควรหลีกเลี่ยงการให้บุตรหลานใช้เวลากับหน้าจอ ไม่ว่าโทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ และโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนเป็นเวลานาน
แต่แล้วโลกก็ต้องเผชิญสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบไปไม่ว่าจะเป็นสุขภาพ เศรษฐกิจ แม้แต่พัฒนาการของเด็กด้วย เพราะทั้งการเรียนและการเล่นไม่สามารถทำได้ตามปกติจากมาตรการล็อกดาวน์ เด็กต้องอยู่กับบ้านและต้องเรียนออนไลน์ไม่ต่างจากผู้ใหญ่ที่ต้องอยู่บ้านทำงานแบบเวิร์ก ฟรอม โฮม ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ มีการเสวนา (ออนไลน์) เรื่อง “เล่นกลางโรค”เพื่อสะท้อนปัญหาดังกล่าว
ผศ.ดร.ปิยวัฒน์ เกตุวงศา หัวหน้าศูนย์พัฒนาองค์ความรู้ด้านกิจกรรมทางกายในประเทศไทย กล่าวว่า การเล่นของเด็กๆ นั้นเป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงน้อยมาก แต่สถานการณ์ของการเล่นในปัจจุบันเริ่มเป็นปัญหาที่ลุกลามมากขึ้น ซึ่งมีงานวิจัยโดยพบว่าสถานการณ์การเล่นและการเรียนรู้ของเด็กทั่วโลกจำนวน 1.5 พันล้านคน ได้รับผลกระทบจากการที่โรงเรียนปิดเทอม แต่ผลกระทบที่ถูกพูดถึงส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการที่จะเรียนหนังสือไม่ทัน แต่ไม่ได้พูดถึงการเรียนรู้ที่ล่าช้าลง ซึ่งจะช้าลงประมาณ 1.5 ปี เช่น เด็กมีอายุ 9 ปี แต่ระดับการเรียนรู้จะอยู่ประมาณ 7.5 ปี เป็นต้น
ซึ่งผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ต่อเด็กคือ 1.วิถีชีวิตบิดเบี้ยวไปจากเดิม ผิดเพี้ยนตั้งแต่ตื่นนอนจนไปถึงเข้านอน ทำให้ขาดวินัยเชิงบวก 2.การรับประทานอาหารเช้า ซึ่งมีความสำคัญต่อสมองเป็นอย่างมาก แต่พอไม่มีกรอบระเบียบจากการเรียนออนไลน์ จึงทำให้เด็กไม่รับประทานอาหารเช้า และ 3.ปัญหาสุขภาพเพิ่มขึ้น การนั่งเรียนออนไลน์เป็นเวลานาน ทำให้เกิดอาการปวดตาและปวดหลัง คล้ายกับอาการ “ออฟฟิศซินโดรม” ในผู้ใหญ่วัยทำงาน ซึ่งเด็กร้อยละ 79 เกิดอาหารเหล่านี้ขึ้น อีกทั้งปัญหาสุขภาพจิต เนื่องจากความเครียดและวิตกกังวล
“เมื่อพูดถึงเรื่องการเล่น ให้นึกถึงตอนที่ผู้ปกครองยังเป็นเด็ก ซึ่งเป็นเรื่องธรรมชาติของเด็กที่ต้องทำ เด็กๆ มีกิจกรรมที่ทำไม่กี่เรื่อง ได้แก่ 1.เรื่องกิน เพื่อให้พลังในการเล่นและทำให้ร่างกายแข็งแรง 2.เรื่องนอน เด็กต้องนอนให้เพียงพอ หากนอนไม่พอทำให้ไม่โต สมองไม่พัฒนา และ 3.เรื่องเล่น เด็กจะเรียนรู้จากการเล่น แต่จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้การเล่นเปลี่ยนแปลงไป จากวิถีชีวิตที่บิดเบี้ยวของเด็ก สิ่งที่จะเข้ามาช่วยได้คือการเล่น จากการวิจัยของสหรัฐอเมริกา พบว่า เมื่อพาเด็กออกไปเดินเล่นประมาณ 20 นาที ทำให้สมองของเด็กเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน มีความพร้อมในการเรียนรู้ในสิ่งต่างๆ ฉะนั้นผู้ปกครองควรให้ความสำคัญกับเล่นของเด็ก” ผศ.ดร.ปิยวัฒน์ กล่าว
ขณะที่ พงศ์ปณต ดีคง ผู้ก่อตั้ง เพจ leeway การเรียนรู้ผ่านการเล่น เปิดเผยว่า จากการทำงานในช่วงโควิด-19 พบว่า “ผู้ปกครองซึ่งอยู่กับลูกที่บ้านยังไม่มีองค์ความรู้เกี่ยวกับการเล่นที่เพียงพอ” โดยปกติโรงเรียนจะเป็นผู้ดูแลเด็กมากกว่าผู้ปกครอง อย่างไรก็ตาม การเล่นของเด็กที่น้อยลงไม่ได้เกิดแค่ช่วงโควิด-19 แต่เป็นมานานแล้ว เนื่องจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ทั้งนี้ ในระยะยาวผู้ปกครองควรสนับสนุนการเล่นกับลูก ไม่ใช่เฉพาะช่วงโควิด-19 เท่านั้น แต่ควรทำทุกวัน อีกทั้งครูและผู้ปกครองควรพูดคุยกันบ่อยๆ เพื่อให้การเรียนรู้ของเด็กมีประสิทธิภาพดีขึ้น
ด้าน สืบศักดิ์ น้อยดัด โครงการครูหัวใจใหม่ สถาบันอาศรมศิลป์ เสนอแนะว่า จากการที่เด็กเรียนออนไลน์ในปัจจุบัน ผู้ปกครองควรสร้างตารางกิจวัตรประจำวันของตนเองให้กับเด็กว่าในแต่ละเวลาควรจะทำอะไรบ้าง ซึ่งเป็นการฝึกให้เด็กมีวินัย “การเล่นต้องควบคู่กับการเรียนรู้ที่บ้าน” ซึ่งจะทำให้เกิดการสะสมความมีวินัย โดยเป็นวินัยที่ผู้ปกครองร่วมสร้างกับเด็ก
“เรื่องของการเรียนรู้ถ้าโฟกัสแค่เรื่องเรียน อาจจะทำให้ศักยภาพบางอย่างของเด็กลดลง ซึ่งบ้านและโรงเรียนเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้เด็กยังคงเบิกบานพร้อมที่จะเรียนรู้
ผู้ปกครองควรหนุนเสริมเชิงบวก แต่เรื่องที่เด็กทำผิดต้องเตือน เรื่องที่ไม่ถูกต้องสร้างข้อตกลงให้กัน ซึ่งเป็นการเลี้ยงดูเด็กสมัยใหม่ที่ควบคู่กับสถานการณ์โควิด-19
โดยสภาวะเด็กจะไม่เกิดการกดดันจากการจากการเรียนรู้เพราะการเรียนมากๆ ถึงจะได้องค์ความรู้ แต่คุณภาพจิตใจของเด็กไม่ค่อยดี” สืบศักดิ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ปัญญา ชูเลิศ หัวหน้ากลุ่มงานวิจัยและพัฒนา ศูนย์พัฒนาองค์ความรู้ด้านกิจกรรมทางกายประเทศไทย (TPAK) ฝากเตือนว่าการฟื้นเรื่องกิจกรรมทางกายของเด็กนั้น จะต้องนึกถึงความปลอดภัยของเด็กในสถานการณ์โควิด-19 ด้วย โดยจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ทำให้ “Active learning online” เป็นเครื่องมือในการเพิ่มกิจกรรมทางกาย ซึ่งครูสามารถประยุกต์นำกิจกรรมทางกาย หรือกิจกรรมการเล่น เข้าไปสอดแทรกในการจัดการเรียนการสอน โดยเฉพาะก่อนเรียนที่สำคัญเป็นอย่างมาก ซึ่งจะทำให้สมองของเด็กมีความพร้อมในการเรียนรู้
ในขณะเดียวกัน ผู้ปกครองมีบทบาทในการให้เด็กได้พักจากการเรียนออนไลน์เช่นกัน ซึ่งการให้เด็กเล่นในขณะเรียนนั้น จากงานวิจัยพบว่าการส่งเสริมการเล่น ทำให้เด็กมีสมาธิในการเรียนมากยิ่งขึ้น แต่เรื่องของระดับหนักเบาของการเล่นก็สำคัญเช่นกัน เมื่อครูนำกิจกรรมการเล่นเข้ามาใช้ในการเรียน เด็กจะรู้สึกว่าพื้นที่นั้นเป็นพื้นที่สนุกสนาน จึงทำให้อยากไปเรียน อยู่กับการเรียนมากยิ่งขึ้น และมีความสุขกับการเรียนการสอน ซึ่งจำเป็นต่อสถานการณ์ที่เด็กต้องเรียนออนไลน์ขณะนี้
ยังมีตัวแทนของคนทำงานกับ “เด็กกลุ่มเปราะบาง”รวมให้มุมมอง โดย ปุณยนุช พัธโนทัย ผู้อำนวยการประจำประเทศ มูลนิธิไร้ท์ ทู เพลย์ ประเทศไทย กล่าวว่าเด็กกลุ่มเปราะบางไม่มีพื้นที่เล่น ฉะนั้นผลกระทบจากโควิด-19 จะหนักมาก ซึ่งเมื่อผู้ปกครองหลายครอบครัวตกงาน จึงทำให้ส่วนใหญ่ไม่ได้คิดถึงการเล่นของเด็ก โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ไม่มีอินเตอร์เนต ทำให้การช่วยเหลือของมูลนิธิฯ นอกจากให้ถุงยังชีพแล้ว ยังมี“ถุงยังเล่น” เพื่อลดความเครียดของเด็ก โดยข้างในถุงยังเล่นจะมีกิจกรรมระบายสี เป็นต้น
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี