วันอาทิตย์ ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ข่าว Like สาระ
รายงานพิเศษ :  ‘ชุมชน-ประชาสังคม’  อีกกลไกสำคัญรับมือโควิด

รายงานพิเศษ : ‘ชุมชน-ประชาสังคม’ อีกกลไกสำคัญรับมือโควิด

วันพฤหัสบดี ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2564, 02.00 น.
Tag :
  •  

เมื่อเร็วๆ นี้ มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาระบบสุขภาพชุมชน (มสพช.) ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการสุุขภาพแห่งชาติ (สช.) จัดงาน (ออนไลน์) “ภาคีจัดการดูแลคนกรุงเทพฯ ในสถานการณ์โควิด-19” โดยช่วงหนึ่งภายในงานมีการกล่าวถึงบทบาทของ “ภาคประชาสังคม” ในการร่วมฝ่าวิกฤตโรครระบาดโควิด-19 โดยเฉพาะการดูแล “กลุ่มเปราะบาง” อันหมายถึงชุมชนแออัดและผู้มีรายได้น้อย ที่มีอยู่จำนวนมากในเมืองหลวงของไทยแห่งนี้

เพ็ญวดี แสงจันทร์ ผู้จัดการมูลนิธิดวงประทีป เล่าถึงการทำงานในพื้นที่ “ชุมชนคลองเตย” ว่า สถานการณ์โควิด-19 ที่คลองเตยเริ่มตั้งแต่เดือน เม.ย. 2564 ด้วยสภาพพื้นที่ที่ผู้คนอยู่กันอย่างแออัด “บ้านหลังหนึ่งอยู่กันเฉลี่ย 7-10 คนและไม่มีห้องส่วนตัว” จึงไม่ต้องแปลกใจที่เมื่อมีผู้ติดเชื้อแล้วจะเกิดการระบาดอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่“วัดสะพาน” มีการวางแผนทำศูนย์พักคอยมาตั้งแต่โควิด-19 ระบาดรอบแรกในปี 2563 แล้ว เพียงแต่เวลานั้นสถานการณ์ไม่รุนแรงจึงไม่ได้ใช้ เมื่อเกิดการระบาดระลอกนี้จึงดำเนินการได้


แต่เมื่อทำไประยะหนึ่ง ศูนย์พักคอยก็กลายเป็นพื้นที่รักษาเพราะโรงพยาบาลเตียงเต็มกันหมด หลายคนอยู่จนหายจากโควิด-19 จำนวนที่รับได้จาก 250 คน ต่อมาขยายเป็น 300 คน และปัจจุบันรับได้สูงสุด 500 คน ถึงกระนั้นก็เห็นว่าเริ่มแออัดแล้ว นอกจากนี้ ยังมี “กลุ่มคลองเตยดีจัง” ที่สมาชิกเป็นคนรุ่นใหม่ใช้เทคโนโลยีได้คล่อง เข้ามาทำระบบฐานข้อมูลระบบประสานส่งต่อโรงพยาบาล ระบบแพทย์ให้คำปรึกษาผู้ป่วย หรือ “ทีมกู้ภัยชุมชน” ที่ต้องปรับบทบาทมาดูแลเรื่องการให้ออกซิเจนผู้ป่วยในชุมชนที่ยังรอตรวจหรือรอเตียง

“มีการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น พอช. (สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน) สภาองค์กรชุมชน ก็มีการเข้ามาตรวจก่อนหน้านั้นก็จะมีการตรวจโดย กทม. ตอนหลังก็มีการประสาน พอช. เข้ามาตรวจ ตรวจไป 4 วัน พบผู้ติดเชื้อประมาณ 600 ราย ถ้าตรวจแล้วคนใดคนหนึ่งมีอาการ เข้าข่ายเหลืองเข้าข่ายส้มก็จะมีการให้ยาเลย มีการฉีดวัคซีนให้เป็น One Stop Serviceก็ปรากฏว่า เดือน ส.ค. 2564 เคสคนไข้สีส้ม-สีเหลือง (มีอาการสุ่มเสี่ยงไปทางรุนแรง) ก็เบาลงไปมาก ซึ่งเป็นผลมาจากการรักษาเร็ว ให้ยาเร็ว” เพ็ญวดี กล่าว

ด้าน นพพรรณ พรหมศรี เลขาธิการมูลนิธิพัฒนาที่อยู่อาศัย (มพศ.) กล่าวว่า มพศ. ได้เข้าไปทำงานกับชุมชนที่เข้าไม่ถึงการรักษา ในช่วงที่ทั้งโรงพยาบาลและโรงพยาบาลสนามเตียงเต็มและบุคลากรสาธารณสุขภาระล้นมือ การส่งต่อไม่สามารถทำได้ โดยการทำงานของ มพศ. ดำเนินการมาแล้ว “4 ระยะ” ประกอบด้วย 1.จัดตั้งศูนย์พักคอยในชุมชน เนื่องจากแต่ละชุมชนครัวเรือนค่อนข้างหนาแน่นจึงต้องหาพื้นที่ในชุมชน

เช่น ศูนย์ประชุมของชุมชน ทำเป็นศูนย์พักคอยสำหรับแยกผู้ติดเชื้อออกมาจากครัวเรือนเพื่อตัดวงจรการระบาด อีกทั้งต้องอบรมให้ความรู้กับแกนนำชุมชนเกี่ยวกับโรคโควิด-19 เช่น การประเมินอาการ การใช้อุปกรณ์ช่วยเหลือประคับประคองผู้ติดเชื้อระหว่างที่ยังอยู่ในศูนย์พักคอย โดยได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ ส่งวิทยากรมาช่วยอบรมให้

2.จัดระบบการรักษาที่บ้าน เนื่องจากเตียงโรงพยาบาลเต็มทั้งหมดไม่สามารถส่งต่อได้ จึงต้องประสานกับเครือข่าย เช่น สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) มูลนิธิเข้าถึงเอดส์ คลินิกพริบตา ทำความเข้าใจกับแกนนำชุมชนในรักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่บ้านจนครบ 14 วัน ซึ่งนอกจากการรักษาโรคทางกายแล้ว ยังให้ความสำคัญกับการพูดคุยให้กำลังใจเพื่อลดความเครียดด้วย

3.ตรวจเชิงรุกแบบปูพรมในชุมชน เป็นการทำงานร่วมกับ สปสช. ชมรมแพทย์ชนบท และมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ เพื่อแยกผู้ติดเชื้อออกจากชุมชนเพื่อเข้าสู่กระบวนการรักษา เนื่องจากคนในชุมชนจำนวนมากเข้าไม่ถึงการตรวจหาการติดเชื้อโควิด-19 โดย มพศ. ซึ่งดูแลอยู่ 30 ชุมชน เมื่อทราบว่ามีโครงการตรวจปูพรมก็เร่งรัดให้ได้รับการตรวจในทันที เพราะผู้ติดเชื้อจำนวนมากแม้ติดเชื้อแต่ไม่มีอาการ จึงไม่รู้ว่าตนเองติดเชื้อแต่สามารถแพร่เชื้อสู่ผู้อื่นได้

และ 4.ติดตามเฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยง เช่น มีผู้ติดเชื้อเพิ่มหรือไม่ มีใครมีอาการน่าสงสัยหรือไม่ เป็นรอบเก็บตกจากระยะที่ 3 โดยเน้นการใช้ชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK) เข้าไปตรวจถึงบ้าน มุ่งกลุ่มเป้าหมายคือผู้ที่ใช้ชีวิตร่วมกับผู้ติดเชื้อรายก่อนหน้า หากพบผู้ติดเชื้อก็จะมีการจ่ายยาและเข้าระบบการรักษา รวมถึงเตรียมความพร้อมด้านอาหารในช่วงที่ต้องกักตัว ซึ่งชุมชนที่มีความพร้อมจะได้รับงบประมาณไปบริหารจัดการเอง โดยทำงานร่วมกับร้านอาหารภายในชุมชน ซึ่งอีกทางหนึ่งก็เป็นการสร้างรายได้ให้ร้านเหล่านี้ด้วย

“เป้าหมายในการทำงานของเราคือการให้ชุมชนปลอดเชื้อเข้าถึงการรักษา ได้รับยาเร็วเมื่อเจ็บป่วย อยู่ร่วมในชุมชนและสังคมได้อย่างเข้าใจ ช่วยเหลือกัน และใช้ชีวิตปกติร่วมกับโควิดให้ได้ อันนี้คือเป้าหมายในการทำงานของเรา ทีนี้เราคิดว่างานต่อไปในระยะที่ 5 คือเราอยากให้ชุมชนและทุกคนในสังคม ใช้ชีวิตปกติร่วมกับโควิดให้ได้ แล้วก็เรียนรู้ว่าถ้าพบผู้ติดเชื้อและเจ็บป่วยก็สามารถเข้าถึงการรักษาได้ และได้รับยาได้เร็วก็จะหายได้

การทำแบบนี้แล้วให้กระจายไปทุกพื้นที่ ให้ชุมชนลดความกลัว-ความกังวลที่มากเกินไปกับผู้ติดเชื้อ มันจะช่วยให้คนในชุมชนและคนในสังคมลดการรังเกียจ แล้วอยู่กันอย่างเข้าใจว่าอยู่กันได้แต่อยู่แบบมีมาตรการป้องกันดูแลตัวเองอย่างเข้มงวดได้อย่างไร ซึ่งถ้าแบบนี้ทำได้ระบบเศรษฐกิจมันก็จะเริ่มเดินหน้าได้ มันก็จะไปช่วยลดปัญหาเศรษฐกิจรายได้ และลดปัญหาสังคมที่จะตามมา” นพพรรณ กล่าว

เลขาธิการ มพศ. สรุปบทเรียนการทำงานครั้งนี้ไว้ว่า “ชุมชนมีศักยภาพในการจัดการปัญหาและดูแลสุขภาพได้”ดังนั้นระยะยาวชุมชนสามารถแบ่งเบาภาระงานของหน่วยบริการด้านสาธารณสุข โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ อันเป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่น และมีชุมชนเกิดขึ้นจำนวนมากทั้งที่จดและไม่จดทะเบียน การสนับสนุนให้ชุมชนมีศักยภาพจะสามารถลดช่องว่างในการเข้าถึงการมีสุขภาพดีได้

ส่วนข้อเสนอในอนาคต หลังจากสถานการณ์โควิด-19 มีแนวโน้มดีขึ้น 1.อบรมให้ความรู้กับแกนนำชุมชน ทั้งที่เป็นและไม่เป็นอาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน (อสม.) เพื่อให้สามารถทำหน้าที่เฝ้าระวังสถานการณ์โควิด-19 ในชุมชนได้เอง ตั้งแต่การตรวจคัดกรองไปจนถึงการส่งตัวผู้ติดเชื้อเข้าระบบการรักษา 2.กระจายชุดตรวจลงสู่ชุมชน เพื่อให้แกนนำชุมชนมีเครื่องมือพร้อมใช้งานเมื่อพบคนในชุมชนมีอาการหรือประวัติเสี่ยง และ 3.แก้ไขกฎระเบียบให้ยืดหยุ่น ตอบโจทย์การรับมือสถานการณ์วิกฤต ซึ่งที่ผ่านมามีเสียงสะท้อนถึงปัญหาและข้อจำกัดในเรื่องนี้มาก

แต่ยังมีประเด็นท้าทาย “จะทำอย่างไรให้ชุดตรวจโควิดมีราคาที่ทุกคนเข้าถึงได้?” โดยเฉพาะชุมชนแออัดที่จำนวนมากเป็นผู้มีรายได้น้อย ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจที่ทำให้ไม่สามารถทำงานมีรายได้เท่าเดิมอย่างในอดีต อีกทั้งแต่ละครัวเรือนก็มีสมาชิกหลายคน รวมถึง “วัคซีน” ที่ต้องไปฉีดพร้อมกับการตรวจคัดกรอง!!!

SCOOP@NAEWNA.COM

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • สกู๊ปพิเศษ : สสส.จับมือเครือข่ายเนื่องในโอกาสวันเข้าพรรษา ชวนคนไทย‘วางแก้วเหล้า ตั้งสติ คิดดี สร้างชีวิตที่ดี’ สกู๊ปพิเศษ : สสส.จับมือเครือข่ายเนื่องในโอกาสวันเข้าพรรษา ชวนคนไทย‘วางแก้วเหล้า ตั้งสติ คิดดี สร้างชีวิตที่ดี’
  • รายงานพิเศษ : สัมพันธ์แน่นแฟ้น‘เสฉวน-สงขลา’ รายงานพิเศษ : สัมพันธ์แน่นแฟ้น‘เสฉวน-สงขลา’
  • \'รางจืด\' พืชมหัศจรรย์! ล้างพิษโลหะหนัก แก้พิษยาบ้า-สุรา-แมงดาทะเล \'อภัยภูเบศร\' ยกผลวิจัยหนุนชัด 'รางจืด' พืชมหัศจรรย์! ล้างพิษโลหะหนัก แก้พิษยาบ้า-สุรา-แมงดาทะเล 'อภัยภูเบศร' ยกผลวิจัยหนุนชัด
  • มีอยู่จริง..แม้รัฐบอกว่าไม่! ‘ขายบริการ’กฎหมายอย่างไรดี? มีอยู่จริง..แม้รัฐบอกว่าไม่! ‘ขายบริการ’กฎหมายอย่างไรดี?
  • มองข่าวพิพาท‘ไทย-กัมพูชา’ ‘แรงงานข้ามชาติ’มุมนี้น่าคิด มองข่าวพิพาท‘ไทย-กัมพูชา’ ‘แรงงานข้ามชาติ’มุมนี้น่าคิด
  • อย่าสับสน! ปลาหมอคางดำไม่ใช่มลพิษ อย่าสับสน! ปลาหมอคางดำไม่ใช่มลพิษ
  •  

Breaking News

'อดีต ส.ว.สมชาย'สรุปฟังไต่สวนพยานคดีชั้น 14 บอกพยานเท็จอาการหนักมาก!!!

น้ำใจทหารไทย! เปิดด่านฉุกเฉินส่ง'อดีตรองเสธ.กัมพูชา' ป่วยมะเร็ง กลับบ้านอย่างอบอุ่น

ครั้งแรกในรอบ102ปี! 'ฝรั่งเศส'เปิดให้พลเมืองเล่นน้ำในแม่น้ำแซน การันตีคุณภาพน้ำดีเยี่ยม

ไม่ใช่มีแค่ถนนพระราม 2 สะพานพระราม 4 เกิดเหตุป้ายเหล็กขนาดใหญ่ตกใส่รถพังเสียหาย

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved