เผยคนรุ่นใหม่มอง‘ขายบริการ’มุมสิทธิมากขึ้น ชี้ช่องทบทวนกฎหมายความผิดค้าประเวณี

เผยคนรุ่นใหม่มอง‘ขายบริการ’มุมสิทธิมากขึ้น ชี้ช่องทบทวนกฎหมายความผิดค้าประเวณี

วันอังคาร ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2564, 07.56 น.

ช่วงค่ำของวันที่ 13 ก.ย. 2564 เฟซบุ๊กแฟนเพจ “ไทยแอ็ค” จัดเสวนา (ออนไลน์) เรื่อง “เมื่อเราต่างต้องการ Sex worker มืออาชีพ แต่ละเลยคุณภาพชีวิตของคนทำงาน” โดย น.ส.ชัชลาวัณย์ เมืองจันทร์ ตัวแทนมูลนิธิเอ็มพาวเวอร์ (Empower Foundation) องค์กรภาคประชาสังคม (NGO) ที่ทำงานด้านสิทธิผู้ขายบริการทางเพศและพนักงานในสถานบันเทิง เปิดเผยว่า จากประสบการณ์ที่ตนทำงานขับเคลื่อนประเด็นนี้มา 12 ปี พบว่าในช่วง 5 ปีล่าสุดพบความเปลี่ยนแปลง จากมุมมอของคนรุ่นใหม่ที่งแตกต่างไปจากเดิม

“สมัยก่อนอาจจะมองเรื่องศักดิ์ศรี เรื่องความเป็นผู้หญิง เรื่องเนื้อตัวร่างกาย อะไรพวกนี้ แบบศีลธรรมจะค่อนข้างสูงกว่า แต่ตอนนี้เหมือนคนรุ่นใหม่มองเรื่องสิทธิ การเคารพสิทธิมนุษยชน การเคารพการตัดสินใจ เริ่มมาสู้ไล่ๆ กัน เราก็เลยเห็นภาพที่คนรุ่นใหม่ตามพื้นที่ทางการเมือง หรือตรงที่ม็อบอะไรต่างๆ ที่เราจะเห็นว่า มีนักศึกษา น้องๆ สนใจประเด็นเรื่องคนทำงานบริการเยอะขึ้น ให้ความสำคัญมากขึ้น เห็นชัดเจนมากขึ้นในช่วง 5 ปีหลัง คนมองเรื่องสิทธิเนื้อตัวร่างกาย การเคารพการตัดสินใจ การเลือกเข้ามาทำงาน มากขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก” น.ส.ชัชลาวัณย์ กล่าว


น.ส.ชัชลาวัณย์ กล่าวต่อไปว่า ส่วน พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 ที่ยังบังคับใช้อยู่นั้น แม้กระทั่งเจ้าหน้าที่บางส่วนก็ยอมรับว่าไม่ได้อยากจะจับกุมผู้ขายบริการทางเพศ เพราะรู้ว่าจับไปเสียค่าปรับ ปล่อยออกมาเดี๋ยวก็กลับมาขายบริการอีก แต่เมื่อมีกฎหมายกำหนดไว้และมีผู้ร้องเรียนเข้าไปก็ต้องทำ ไม่เช่นนั้นเจ้าหน้าที่เองก็จะมีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

ขณะที่ความเคลื่อนไหวของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ที่ต้องการแก้ไขกฎหมายนี้เช่นกัน และมีการทำงานวิจัยเพื่อยกร่างกฎหมายฉบับใหม่ ตนรู้สึกกังวลเพราะเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นรวดเร็วมาก ประชาชนทั่วไปโดยเฉพาะผู้ประกอบอาชีพนี้แทบไม่มีส่วนร่วม จึงนำมาสู่ความพยายามผลักดันร่างกฎหมายฉบับประชาชนในเรื่องเดียวกันบ้าง 

“รัฐเขามีโมเดลจดทะเบียน คุณต้องจดทะเบียนถึงจะถูกกฎหมาย ถ้าไม่จดทะเบียนคุณก็ยังผิดกฎหมาย ซึ่งเราพยายามสะท้อนปัญหาว่าไม่มีใครไปจดหรอก ดังนั้นมันก็จะยังผิดกฎหมายเหมือนเดิม ซึ่งสิ่งที่เราต้องการคือแค่ต้องการให้คุณยกเลิก เอาความผิดออกไปก่อน แล้วเรื่องของการจำกัด ควบคุม หรือแม้แต่การควบคุมดูแล ป้องกันอะไรต่างๆ มันมีกฎหมายอีกหลายฉบับที่มารองรับ อันนี้คือสิ่งที่เราพยายามสะท้อน เราเลยพยายามทำทั้งรายงาน ล่ารายชื่อคู่ขนาน แล้วก็ติดตามกระบวนการทำงานภาครัฐ” น.ส.ชัชลาวัณย์ ระบุ

น.ส.ชัชลาวัณย์ ยังกล่าวอีกว่า ปัจจุบันได้มาถึงจุดสำคัญ คือมีการเปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็นตามกลไกรัฐธรรมนูญฉบับ 2560 มาตรา 77 ว่าด้วยการทบทวนกฎหมายเดิมที่ใช้มานานว่าสมควรยกเลิกหรือแก้ไขหรือไม่อย่างไร ซึ่งรวมถึง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 ที่ กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เปิดให้ร่วมแสดงความคิดเห็น 

เช่นเดียวกับ นายนพนัย ฤทธิวงศ์ นักกิจกรรมผู้หญิงข้ามเพศ มูลนิธิเพื่อนพนักงงานบริการ (SWING)  ซึ่งขับเคลื่อนในประเด็นเดียวกันโดยมีพื้นที่ปฏิบัติงานในกรุงเทพฯ และเมืองพัทยา จ.ชลบุรี กล่าวว่า ช่วงหลังๆ ตนก็เห็นเช่นกันว่าคนรุ่นใหม่ให้ความสนใจมากขึ้น เช่น มีกลุ่มนักศึกษาแพทย์เข้ามาดูงาน ได้พูดคุยทำความเข้าใจกับคนทำงานบริการทางเพศจริงๆ จากเดิมที่คนอาชีพนี้จะถูกตีตราเพราะไม่ได้พูดคุยกันมาก่อน

ซึ่งแม้ประเทศไทยจะมีกฎหมาย พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 แต่จนถึงปัจจุบัน การขายบริการทางเพศก็ยังคงเป็นที่รับรู้ว่ามีอยู่จริงในสังคมไทย และหลายคนก็ไม่ได้ดูแลเพียงตนเอง แต่ยังมีพ่อแม่ มีลูกต้องดูแล แต่เมื่ออาชีพนี้ไม่ได้รับการรับรองและคุ้มครองตามกฎหมาย ผู้ที่จะเข้ามาทำงานนี้ก็ต้องเรียนรู้วิธีการดูแลตนเองให้รอดพ้นจากความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น เช่น ต้องใช้บริการโรงแรมที่ตนเองรู้จักกับพนักงาน เป็นต้น

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปแสดงความคดิเห็นได้ที่เว็บไซต์ www.law.go.th ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ร่วมกับสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล จัดทำขึ้นเพื่อเป็นฐานข้อมูลกลางสำหรับรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับกฎหมายต่างๆ ทั้งที่มีอยู่เดิมและกำลังจะร่างขึ้นใหม่ โดยค้นหาหัวข้อ “โครงการการประเมินผลสัมฤทธิ์ของพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ. ๒๕๓๙” ซึ่งจะพบ 2 ส่วน คือสำหรับเจ้าหน้าที่ (เช่น ตำรวจ) กับสำหรับประชาชนทั่วไป เนื่องจากระบบได้จัดทำแยกไว้สำหรับผู้เกี่ยวข้องหรือมีส่วนได้-เสียทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งนี้ สามารถแสดงความคิดเห็นได้จนถึงวันที่ 5 ต.ค. 2564
 

.

(010)

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top