23 ต.ค. 2564 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองและนักธุรกิจกลางคืนชื่อดัง เขียนบทความ “EP.3 ชื่ออาบอบนวดนั้นสำคัญไฉน?” เผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เนื้อหาดังนี้
ใครเคยสังเกตุไหมว่า สถานอโคจร สถานอบายมุขอย่างอาบอบนวดไม่ว่าที่ใด จะต้องตั้งชื่อเป็นผู้หญิง หรือไม่ก็ต้องเกี่ยวข้องกับน้ำทั้งสิ้น ไม่ว่าในยุคถนนเพชรบุรีรุ่นเก่า เมรี บีวา ฮูหยิน แนนซี่ โมนาลิซ่า จนถึงรุ่นใหม่ย่านถนนรัชดา เอ็มมานูเอล วิคตอเรีย แคทเธอรีน จูเลียน่า โคปาคาบาน่า ฮอนโนลูลู โพไซดอน หรือย่านสุขุมวิทที่อยู่ยงคงกระพันมานาน เพิ่งปิดไปสัก 7-8 ปีก่อน ชื่อ “ดาร์ลิง” ที่แปลว่า ที่รัก
หากไปเปิดเป็นชื่อผู้ชายเมื่อไหร่ มันได้เจ๊งให้เห็นกันซึ่งๆ หน้า เช่น “ซีซาร์” ที่เปิดวันแรกผู้ชายวัยกลางคนไปเที่ยวแล้วหัวใจวายช็อคตายคาอกหมอนวด หรือแม้แต่เมื่อไม่นานมานี้ ชื่อ “เดอะลอร์ด” ของ “เสี่ยกำพล” ที่ถูกตำรวจ ดีเอสไอ บุกจับ เพราะค้าเด็กต่ำกว่า 15 ปี เป็นข่าวโด่งดังยังหนีหมายจับอยู่ทุกวันนี้ บ้านช่อง เงินทอง ทรัพย์สินถูกยึด ถูกอายัด มีคดีพ่วงยาวเป็นหางว่าว อาบอบนวดในเครือปิดตาย รวมทั้งอาบอบนวดที่ใหญ่โตหรูหราแพงระยับ มีเงินต่ำกว่าหมื่นเข้าไม่ได้ ต้องปิดตัวถาวร ก็ดันไปตั้งชื่ออาบอบนวดว่า “เดอะลอร์ด” ได้ไง มันชื่อผู้ชายชัดๆ โต้งๆ
อ่านแล้วอาจจะไม่เชื่อ แต่ลองไล่เรียงดู พังทุกราย อาถรรพ์นี้คนในวงการต่างรู้ดี อาบอบนวดจึงต้องตั้งชื่อเป็นผู้หญิง หรือไม่ก็ต้องเกี่ยวข้องกับน้ำเท่านั้น อย่าง “เจ้าพระยา” ที่อยู่ยาวนานคงทนมา 30-40 ปี หรือที่เล็กๆ แต่อยู่มานมนาน เช่น “สายฝน” อีกที่ โด่งดังยาวนานเหมือนกัน ชายไทยสมัยก่อนรู้จักดี คือ “ชวาลา” ก็เกี่ยวข้องกับน้ำเต็มๆ เพราะตั้งชื่อคล้ายคำประสม จากคำว่า “ชวา” เปิดพจนานุกรมบอกเป็นชื่อเกาะ ล้อมรอบไปด้วยมหาสมุทร
แถมที่ ชวาลา ยังมีลูกเล่นว่า ห้ามหมอนวดยุ่งกับแขกจริงๆ จังๆ แต่พาไปสนามหลวงได้ แล้วใช้ท่าซอกอก หรือท่าขาหนีบ เอาเบบี้ออยราดก่อนจะได้ไม่แสบ สมัยก่อนโน้นใช้น้ำยาใส่ผม “ไบรครีม” ช่วย ลีลาเด็ดสะระตี่ขนาดไหน ชายไทยที่อายุ 60-80 ปีในวันนี้คงจดจำได้ดี
สถานที่อาบอบนวดเป็นศูนย์รวมชีวิตผู้หญิงเป็นร้อยๆ คน หมอนวดจึงเปรียบเสมือนเป็น “นางเอก” ชั่วคราว บรรดาแขกผู้ชายที่มาเที่ยวสวมบทเป็น “พระเอก” มาโปรด เพราะเอาเงินมาให้ เชียร์แขก มาม่าซัง ถือเป็น “ตัวตลก” ที่เสริมละครบทนี้ให้มีชีวิตชีวา บรรยายสรรพคุณนางเอกให้พระเอกฟัง ส่วน “หมาต๋า” จะเป็นอะไรได้เล่า นอกจาก “ตัวร้าย” ของเรื่อง ก็เล่นเที่ยวแล้วไม่จ่าย ขอลดครึ่งราคาบ้าง แหม…ทั้งสนุกทั้งมันเหมือนกัน แต่ไม่จ่าย ไม่ทิป นี่จะเรียกว่าพระเอกคงไม่ใช่แล้วคุณพี่
แต่ถึงอย่างไร นางเอกก็ต้องมีเคล็ดลับ แม้ว่าบางคนหน้าตาทรวดทรงองค์เอวจะดูดีเข้าขั้น แต่หามีแขกเรียกไม่ เชียร์ยังไงก็ไม่มีแขกติด ไม่มีขาประจำ ก็เพราะไม่บูชา “ปลัดขิก” ด้านในตู้กระจกที่เหล่าหมอนวดสาวนั่งเรียงรายให้แขกเลือกนั้น จะไม่มีหิ้งพระ หลวงพ่อ หรือแม้แต่นางกวักใดๆ แต่จะมีสารพัดท่านปลัดขิก (ของขลังรูปอวัยวะเพศชาย ทำด้วยไม้ลงอักขระยันต์) ขนาดต่างๆ ตั้งแต่เล็กยันใหญ่โตวางเรียงรายไว้พร้อมพวงมาลัยบูชา และมีเงินเหรียญวางไว้เต็มไปหมด อันหมายถึง ได้เงินทองไหลมาเทมา เพราะบูชาท่านปลัดขิกนี่เอง
ปลัดขิกของผมนั้นได้จาก หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ จังหวัดนครปฐม ที่โด่งดังที่สุดแห่งยุคขณะนั้น หลวงพ่อเปิ่นเป็นที่นับถือของคนกลางคืน ขนาดว่าทุกปีขณะท่านยังมีชีวิต ต้องนิมนต์จองตัวท่านมาถึงสถานอาบอบนวดของผมทุกที่ด้วย ทำบุญแล้วแจกปลัดขิก วัตถุมงคล ของดีต่างๆ ให้กับมือทุกปี บรรดาสาวบริการนั่งพรมมือแต้ ฟังธรรมโปรดสัตว์ที่มีกรรม แล้วทำบุญทำทานได้เงินเข้าวัดรวมกันเป็นหลายแสนบาทในแต่ละครั้ง
หมอนวดล้วนตั้งอธิษฐานว่า เงินที่ได้จะเอาไว้ให้พ่อแม่ สร้างบ้าน สร้างตัว และเหลือเผื่อแผ่ทำบุญทำกุศล อันเนื่องมาจากเวรกรรมแต่ชาติปางก่อนที่ทำไว้ จึงต้องให้มาชดใช้ในชาตินี้ บางคนมีรายได้ดี ปีๆ หนึ่งเก็บเงินได้มากกว่า 1 หรือ 2 ล้านบาท นำเงินไปปลูกบ้านให้พ่อแม่ที่ต่างจังหวัด ถึงขนาดแข่งขันกันสร้างบ้านอวด จนตั้งชื่อว่า “หมู่บ้านสวิส” เลียนแบบเปรียบเทียบจากประเทศสวิสเซอร์แลนด์โน่น เข้าไปในหมู่บ้านต่างจังหวัดไกลกรุงแล้วต้องตกใจ เพราะพบกับบ้านหรู สองชั้น เรียงกันให้เห็นเป็นตับ อย่างกับหมู่บ้านสวิสจริงๆ
ที่เล่าให้ฟังไม่ได้ไปเชิญชวนให้ทำ เพราะอาชีพ “หมอนวด” สงวนไว้ให้คนมีเวรมีกรรม ต้องเปลืองเนื้อเปลืองตัว ทอดกายให้ชายเชยชม ชีวิตเหมือนดั่งกับบทเพลงดัง “นางงามตู้กระจก” เป็น “นางเอก” แต่อาภัพเสียก็มาก ถูกเสี่ยเอาไปเลี้ยงดู แล้วเฉดหัวส่งน้ำตาตกกลับมาเป็นหมอนวดเฝ้าตู้ก็เยอะ จนลาโรงอายุ 40-50 ปี ผมต้องโปรโมทเลื่อนชั้นเป็น “ครูฝึก” เลี้ยงไว้สั่งสอนลูกเล่นประสบการณ์แพรวพราวให้รุ่นน้องแทน
หลังๆ บูชากันถึง “พระพิฆเนศ” เจ้าแห่งการละครร้องรำ เพราะถือว่าสถานอาบอบนวดเป็นเหมือนโรงละครโรงใหญ่ ที่บรรดาหมอนวดต้องแสดงบทบาทแข่งขันกัน ใครแสดงได้ดีก็มีแขกติดมากมาย ขนาดต้องเข้าคิวรอ วันๆ หนึ่งไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวัน ไม่มีแม้เวลากินข้าว เพราะแขกนั่งรอเข้าคิวยาวเหยียด จึงมักเห็นหมอนวดบูชาพระพิฆเนศให้ช่วยเรื่องดวง เล่นละครเอาใจแขกให้ติด หรือพบแขกที่ใจดีเงินหนาเอาไปชุบเลี้ยง
บางคนได้ขยับชั้นเป็นคุณนาย นั่งรถเบนซ์มีคนขับให้ กลายเป็นเมียเสี่ยใหญ่ได้ออกหน้าออกตา เพราะ “อยู่เป็น เย็นพอ รอได้” บางคนชีวิตเป็นเหมือนฝัน ตกถังข้าวสารไปอยู่ต่างแดน มีชีวิตครอบครัวใหม่กับ ญี่ปุ่น จีน ฝรั่ง สารพัดชาติทั่วโลก แต่ขณะเดียวกันก็มีคนตกอับ เดินเร่ร่อนไปทั่วเจ็ดย่านน้ำ ขนาดวันก่อนผมไปวิ่งที่หาดพัทยา ยังเจอศิษย์เก่ารุ่นเดอะทำงานแถวนั้น บอกผมว่า อดอยาก ฝรั่งหายหัวหมด ชีวิตจริงจึงยิ่งกว่านิยาย
ส่วนบางคนดันไปคิดว่าแขกเขาหลง เลยทำตัวเหมือนนางเอกจริง ร้องเอารถ เอาบ้าน แถมเงินก้อนในบัญชีเป็นประกันก่อน ขนญาติพี่น้องพ่อแม่มาอยู่ด้วย โถ เดี๋ยวนี้หาผู้ชายคุณสมบัติ “รวยแต่โง่” ไม่ค่อยมี มันหายาก ผู้ชายลองมาเที่ยวแล้วติดใจเป็นแขกประจำความสัมพันธ์ค่อยๆ พัฒนา แสดงว่าคนที่บ้านอาจบกพร่องเรื่องบนเตียง จึงต้องบริการสุดฤทธิ์สุดเดช ชายมักมีนิสัยชอบซุกซน หากลองได้มาเที่ยวแล้วติดใจก็ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปเรื่อย จะหาคนที่ตั้งหลักปักฐานมันยาก
อันด้วยมนตร์ขลังบูชาปลัดขิก ก็อาจช่วยได้แค่ครั้งคราว พอมนตร์เสื่อมก็หายหน้าจากไป แต่ช่วงของขึ้น ถึงขนาดหมอนวดหมดเวลาลงมา มีแขกรอขึ้นต่อทันที บางคนวันๆ หนึ่งได้ 5-6 รอบ สถิติมีสูงถึง 10 รอบก็มี (อย่าไปนับชั่วโมง เพราะแขกบางคนแค่ 30-40 นาทีก็รีบลง เรียกว่า “ช่วงหลบเมีย” ได้แก่เวลา 4-5 โมงเย็น แขกจะรีบขึ้นรีบลงแล้วเผ่นกลับบ้าน ทันเวลาเลิกงานรับหน้าเมียพอดิบพอดี)
อันบรรดาสาวกลางคืน เห็นทำอาชีพแบบนี้ ร้อยทั้งร้อยจึงมักมีใจบุญสุนทาน ทั้งๆ ที่เลิกงานกินเหล้าเมากับแขก แต่ยังนั่งรอพระตักบาตรตอนเช้าแล้วค่อยเข้านอนก็ยังมี หรือเวลาทำบุญทอดกฐิน ทอดผ้าป่า สร้างวัด สร้างโบสถ์ มาร่วมกันบริจาคจริงจังคับคั่ง ช่างเป็นภาพที่ย้อนแย้ง และหากไม่ใช่คนวงในคงไม่ทราบ คนโบร่ำโบราณที่ทำอาชีพนี้ร่ำรวยแล้วคิดถึงบาปกรรม ยังนำเงินที่ได้ไปสร้างวัด ชื่อ “วัดคณิกาผล” อยู่ตรงข้ามโรงพักพลับพลาไชย ชื่อก็บอกชัดว่า ผลจากโสเภณี ชื่อเก่า “วัดใหม่ยายแฟง” เดี๋ยวนี้ยังเห็นคนกลางคืนไปกราบไหว้บูชากันแยะ
EP.4 ตอนจบของอาบอบนวด อันเป็นตอนสุดท้าย อาบอบนวดก็เช่นเดียวกันกับธุรกิจอื่นๆ ที่เริ่มล้มหายตายจากหลังโควิด อบายมุขไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่ได้พัฒนารูปแบบเป็น “ออนไลน์” ไปเสียแล้ว อาบอบนวดกลายเป็นสถานที่เที่ยวของคนยุคเก่า แขกที่นับปีอายุมากขึ้นร่วงโรยหายไป และไม่ทันยุคทันสมัยของคนรุ่นใหม่ แถมสาวไทยรุ่นใหม่ ไม่ต้องการมานั่งในตู้ให้เป็น “ผู้ถูกเลือก” อีก
แต่กลับกลายเป็น “ผู้เลือก” แทน!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ‘ชูวิทย์’เผยหมดเปลือก‘อาบอบนวด’ตลกร้ายกฎหมายไทย ห้ามค้าประเวณีแต่เปิดได้แค่กล้าจ่าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี