ผมใช้เวลาในช่วงสุดสัปดาห์ (15-18 ตุลาคม 2564) ที่ผ่านมา อยู่ที่จังหวัดหนองคาย เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองสำหรับการทำงานในโครงการ “จังหวัดโมเดล”กับทีมงานทั้ง 9 จังหวัด และร่วมด้วยช่วยกันออกแบบทิศทางการนำนวัตกรรมทางการเกษตรมาใช้ในกลุ่มเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน สู่คุณภาพชีวิตที่ดีของชาวบ้าน และอนาคตที่มั่นคงของประเทศไทย
นอกเหนือไปจากการพาทีมงานทั้งหมดลงพื้นที่ใน อ.เมือง อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย เพื่อรับฟังปัญหาในการดำเนินโครงการของชาวบ้านในแต่ละสายงานย่อย รวมไปถึงความเดือดร้อนอื่นๆ ที่มีความเกี่ยวเนื่องกับเศรษฐกิจในระดับชุมชนแล้ว ทีมงานทั้งหมดของโครงการจังหวัดโมเดล ก็จะช่วยกันระดมสมอง แบ่งปันประสบการณ์การทำงานในพื้นที่ของจังหวัดอื่นๆ สู่การหาทางออกจากประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นในกลุ่มเศรษฐกิจฐานรากของจังหวัดหนองคาย
แน่นอนว่า ความตั้งใจหนึ่งของกิจกรรมนี้คือ การสร้างพฤติกรรมการทำงานแบบทีม รวมกระบวนการและความเชี่ยวชาญทั้ง 9 จังหวัดให้เป็นหนึ่งเดียว เพื่อชุดข้อมูล และศักยภาพที่มากยิ่งขึ้นในการดำเนินการตามแต่ละโครงการ เพราะนอกจากรูปแบบของ “การพาชาวบ้านทำ” ของอาจารย์จากมหาวิทยาลัยต่างๆ ในพื้นที่ และผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการเชิญชวนมาร่วมกันทำงานแล้ว ผมมองว่า“การช่วยกันทำ” ในระดับหัวหน้าโครงการ หรือทีมงานในแต่ละโครงการ จะเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้พวกเราเดินหน้าไปถึงเป้าหมาย และต่อยอดความสำเร็จได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งเท่าที่รับทราบความเคลื่อนไหวตลอด 3-4 วันที่ผ่านมา ความตั้งใจดังกล่าวนี้ มีแนวโน้มไปในทางที่น่าชื่นชม
อีกประเด็นที่ “ทีมงานโครงการจังหวัดโมเดล” พยายาม “เพิ่มเติม” ให้กับหัวหน้าของโครงการย่อยต่างๆ ก็คือ “เรื่องการบริหารจัดการด้านการตลาด” ซึ่งในโครงการนำร่อง 3 จังหวัดแรก คือ สกลนคร กระบี่ และ จันทบุรี พวกเรามองเห็นว่ายังขาดส่วนของสายงานให้ความรู้ด้านการตลาดตรงนี้ไปและในส่วนอีก 6 จังหวัดที่เพิ่มเติมเข้ามาในปีนี้ คือ นครราชสีมา สมุทรปราการ เชียงใหม่ สงขลา กาฬสินธุ์ และหนองคาย แม้ว่าจะมีโครงการย่อยเกี่ยวกับการบริหารจัดการการตลาด แต่ก็อาจยังไม่ครอบคลุมครบถ้วนต่อความต้องการที่ควรจะเป็น คือ การสร้างช่องทางการขายที่มีประสิทธิภาพ และศักยภาพในการเพิ่มความต้องการทางการตลาดให้กับผลผลิต อันจะต้องอิงกับรูปแบบเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยเฉพาะในแต่ละพื้นที่ 9 จังหวัด
พวกเราจึงเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ มาให้ความรู้ และข้อมูลที่น่าสนใจผ่านการบรรยายในหัวข้อ “ระบบการตลาดและการขาย” และ “ระบบการค้าขายกับประเทศลาว โอกาสทางการค้าจากโครงการพัฒนารถไฟความเร็วสูงของประเทศจีน และแผนการรองรับด้านการค้าและบริการแก่นักท่องเที่ยวต่างประเทศ (ชาวจีน)” รวมไปถึงการเยี่ยมชมพื้นที่ค้าขายชายแดน เพื่อศึกษาระบบขนส่ง และกระบวนการทางศุลกากรต่างๆ ทั้งหมดนี้ เพื่อเติมเต็มช่องทางด้านการตลาดให้กับหัวหน้าโครงการในแต่ละพื้นที่ สำหรับนำไปปรับใช้กับแนวทางการเกษตรมูลค่าสูงของตน และการนำเสนอข้อมูลด้านการตลาดที่เพิ่มเข้าไปในกระบวนการสำหรับชาวบ้านในกลุ่มเป้าหมายของโครงการ
สำหรับ “โครงการจังหวัดโมเดล” ในหลายพื้นที่เห็นผลแล้ว และกำลังต่อยอดความสำเร็จ และอีกหลายพื้นที่กำลังเดินหน้าขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายอย่างเต็มกำลัง แต่สิ่งสำคัญนอกเหนือไปจากคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และรายได้อันเพิ่มขึ้นของชาวบ้าน คือ ศักยภาพของอาจารย์ และผู้เชี่ยวชาญในแต่ละโครงการ ที่ต้องมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง ทั้งทางด้านสายงานที่ดำเนินการ และความสัมพันธ์ ทั้งต่อชาวบ้าน และเพื่อนๆ ร่วมโครงการด้วยกัน
ผมมองว่า ทรัพยากรบุคคลเหล่านี้ คือ เพื่อนร่วมงาน และเป็นความหวังของผม ในการมาช่วยกันสร้างรอยยิ้มให้แก่ชาวบ้าน และก่อร่างสร้างประเทศไทยไปสู่อนาคต จึงขอขอบคุณความพากเพียรอุตสาหะของทุกคนเอาไว้ ณ ตรงนี้ และเป็นความยินดียิ่งที่ได้มาร่วมด้วยช่วยกันทำงาน
ทั้งหมดที่ผมเล่ามานั้น ถ้ามองเป็นส่วนประกอบหนึ่งของทิศทางสำหรับการเดินหน้าประเทศไทย ก็จะเห็นว่า เป็นเรื่องที่มีความละเอียดซับซ้อนมาก เพราะนอกจากเรื่องของงบประมาณ นโยบาย และองค์ความรู้ต่างๆ ที่มีพร้อมครบครันแล้ว การสร้างศักยภาพของทีม ความเป็นหนึ่งเดียวกัน รวมไปถึงเรื่องการมีวิสัยทัศน์ทั้งต่อการก้าวข้ามอุปสรรค และการต่อยอดความสำเร็จ คือ องค์ประกอบที่ขาดไม่ได้ในการสร้างประสิทธิภาพของงานให้เกิดขึ้น
ดังนั้น ถ้าเป็นไปได้ เรื่องเล่าถึงสุดสัปดาห์ดังกล่าวนี้ ผมหวังว่า จะสะท้อนรูปแบบกระบวนการทำงานในภาพรวมต่อการบริหารจัดการประเทศไทยให้มีความเด่นชัดขึ้นในสายตาผู้ที่เกี่ยวข้อง หรืออาจเป็นประโยชน์ต่อการประกอบธุรกิจ และกิจกรรมใดๆ ในระดับท้องถิ่นสำหรับผู้นำ และทีมบริหารงาน เพื่อให้เข้าใจเกี่ยวกับความต่อเนื่องเชื่อมโยง ทั้งในเรื่อง
ของคน ความสัมพันธ์ และการจัดการกระบวนความคิดอย่างเป็นระบบ
ลองนึกดูว่า ถ้าเราบริหารจัดการอย่างครบถ้วนเกี่ยวกับการพัฒนาตามแนวทางนี้ แม้อาจเป็นจุดเล็กๆ แต่จุดเล็กๆ ที่มีประสิทธิภาพเหล่านี้ก็จะเป็นตัวอย่างในการสร้างแรงบันดาลใจให้กับจุดเล็กๆ ในพื้นที่อื่นๆ อย่างต่อเนื่องต่อไป จนกลายเป็นจุดเล็กๆ กระจายเต็มทั่วประเทศไทย เมื่อนั้นความอุดมสมบูรณ์ และคุณภาพชีวิตที่ดี ก็จะครอบคลุมในทุกพื้นที่อย่างที่ตั้งใจ ดังนั้น ทำให้ตรง ทำให้ครบ ทำให้ได้ ไม่ต้องทำให้ใหญ่ เดี๋ยวมันก็ใหญ่ด้วยความสำเร็จของตัวมันเองครับ
กนก วงษ์ตระหง่าน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี