ไม่สนเสียงต่อต้าน! "พระเล็ก" เจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์(ธ)รูปใหม่ พร้อมคณะเข้ากราบ "หลวงปู่หา" ไดโนเสาร์ วัดป่าสักกะวัน พร้อมแนะนำตัวได้รับมอบหมายให้มานั่งบริหารสงฆ์ในตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดธรรมยุตินิกาย ขณะที่เจ้าคุณหลวงปู่หา ถามกลับว่า "ท่านคือใคร" ล่าสุดยังหาวัดลงปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ ขณะที่กลุ่มต้านจับตาดูความเคลื่อนไหวใกล้ชิด

วันที่ 20 พ.ย.64 ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดกาฬสินธุ์ว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 19 พ.ย.64 ที่ผ่านมา ขณะที่ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ทำข่าวกิจกรรมวันลอยกระทงที่วัดป่าสักกะวัน (ภูกุ้มข้าว) ต.โนนบุรี อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ โดยได้ไปที่ปั้มน้ำมันแห่งหนึ่งและได้พบกับขบวนรถเกือบ 10 คันที่มีชายแต่งกายคล้ายทหารลงมาจากรถตู้สีขาวและปรากฏพระสงฆ์รูปหนึ่งที่หน้าคล้ายกับพระครูสุทธิญาณโสภณ (เล็ก สุทธิญาโณ) เจ้าคณะอำเภอสังคม จ.หนองคาย เจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ (ธ) รูปใหม่ เดินลงมาเข้าห้องน้ำภายในปั้มน้ำมัน จากนั้นคณะของพระเล็กได้เดินทางขึ้นไปที่วัดป่าสักกะวัน เพื่อเข้ากราบพระเทพมงคลมุนี หรือ เจ้าคุณหลวงปู่หา ไดโนเสาร์ เจ้าอาวาสวัดป่าสักกะวัน อายุ 97 ปี

ในระหว่างที่ผู้สื่อข่าวติดตามไปเพื่อทำข่าวได้มีชายที่ติดตามพระเล็ก เข้ามาสอบถามว่าเป็นนักข่าวจริงหรือไม่และพยายามห้ามไม่ให้ทำข่าว และพระครูเล็ก ได้เดินเข้าไปรอที่หน้ากุฏิหลวงปู่หา จนเวลา 15.30 น. หลวงปู่หา ที่มีภารกิจประเพณีลอยกระทง ได้ปรากฏตัวออกมาในสภาพนั่งรถเข็ญและได้อนุญาตให้พระครูเล็ก เข้ามากราบ โดยพระครูเล็ก ได้อธิบายถึงการเข้ามากราบหลวงปู่หาว่า ตนได้รับพระราชโองการให้มาดำรงตำแหน่งบริหารคณะสงฆ์สายป่าที่กาฬสินธุ์และไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้ เพราะไม่ได้ร้องขอไม่ได้ดิ้นรน แต่ได้มาเอง จึงต้องการให้เจ้าคุณหลวงปู่หา เมตตา เพราะขณะนี้มีกระแสต่อต้าน ซึ่งบทสนทนาดังกล่าว เจ้าคุณหลวงปู่หา ไม่ได้ตอบอะไร แต่ได้ถามกลับไปว่า ท่านคือใคร เพราะเจ้าคุณหลวงปู่หาไม่รู้จักพระเล็ก เมื่อหลวงปู่หาทราบว่าเป็นพระเล็ก ก็ตอบกลับไปว่า "ผมไม่รู้เรื่องมากราบก็ดีแล้ว" จากนั้นก็เป็นการจบบทสนทนา

ทั้งนี้ ในระหว่างที่สนทนากับหลวงปู่หา พระครูเล็ก หันมากล่าวกับผู้สื่อข่าวโดยบอกว่า ไม่ต้องการให้ถ่ายภาพ แต่ถ่ายแล้วก็ให้เขียนข่าวดีๆ เพราะจะทำให้เกิดปัญหาสงฆ์แตกแยกเป็นการสร้างข่าวที่จะทำให้เกิดปัญหาสังฆเภทในหมู่สงฆ์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการปรากฎตัวของพระเล็กครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่พระครูเล็ก ปรากฏตัวในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ และไปพบกับผู้สื่อข่าวโดยบังเอิญ ซึ่งผู้สื่อข่าวพยามที่จะขอสัมภาษณ์เกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้น แต่พระครูเล็กปฏิเสธ ไม่ยอมพูดถึง แต่อย่างไรก็ตาม ยังไม่ปรากฎแน่ชัดว่าพระเล็กที่เข้ามาในพื้นที่จังหวัดกฬสินธุ์ครั้งนี้จะไปอยู่ในวัดหรือสำนักสงฆ์ใดในจังหวัดกาฬสินธุ์ ทั้งนี้ เนื่องจากตามกฏมหาเถรสมาคม รวมไปถึง พ.ร.บ.สงฆ์ฯ เกี่ยวกับการบริหารคณะสงฆ์ซึ่งตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัด ถือเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ หากไม่สามารถเข้ามาในพื้นที่ได้ภายใน 30 วันก็ถือว่าเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ที่จะมีความผิดด้วยเช่นกัน จึงทำให้พระเล็กมีการเคลื่อนไหวเข้ามาในพื้นที่แม้จะมีการกระแสต่อต้านอยู่ก็ตาม

สำหรับการเคลื่อนไหวของชาวพุทธที่ต่อต้านพระเล็ก ยิ่งคงมีการเฝ้ารอและตรวจสอบไปยังสำนักสงฆ์หรือวัดป่าหรือวัดร้างต่างๆ เพื่อทราบความเคลื่อนไหวของพระครูเล็กว่าจะเข้าไปอยู่วัดใด หรือมีวัดใดเปิดรับพระครูเล็กบ้าง