ตลอดช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา หลายเรื่องที่ถูกว่า “สีเทา” แม้จะรู้ว่ามีอยู่จริงแต่ไม่ค่อยมีใครอยากพูดถึงอย่างตรงไปตรงมา ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นรณรงค์มากขึ้น ไล่ตั้งแต่ “เครื่องดื่มแอลกอฮอล์” ที่มีการล่ารายชื่อจนครบ 1 หมื่นชื่อตามที่รัฐธรรมนูญฉบับ 2560 “ยกเลิกกฎหมายห้ามโฆษณา” ใน มาตรา 32 ของ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 เนื่องจากส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการรายย่อยและทำให้รายใหญ่ได้ผูกขาดไปโดยปริยาย
“ภาพยนตร์สำหรับผู้ใหญ่” สืบเนื่องจากกรณี “น้องไข่เน่า” และแพลตฟอร์ม “โอนลี่แฟน (Onlyfans)” เป็นข่าวโด่งดัง นำไปสู่การเรียกร้องให้การทำสื่อแนวดังกล่าวถูกปลดพ้นอาชีพผิดกฎหมาย รวมถึง “บ่อนกาสิโน” ที่ 2 นักการเมืองซึ่งก่อนหน้านี้ดูจะเป็น “คู่ปรับ” มีวิวาทะกันอย่าง มงคลกิตติ์สุขสินธารานนท์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ กับสิระ เจนจาคะ สส.กรุงเทพฯ พรรคพลังประชารัฐ ในเรื่องดังกล่าวกลับมีความเห็นไปในทิศทางคล้ายกัน คือถึงเวลาแล้วที่ต้องหยิบยกขึ้นมาศึกษาหาความเป็นไปได้หากจะมีขึ้นจริงในสังคมไทย
“เซ็กซ์ เวิร์คเกอร์ (Sex Worker)” หรือผู้ขายบริการทางเพศ ซึ่งจะเรียกว่า “โสเภณี” บ้าง “พนักงานบริการ” บ้าง ก็เป็นอีกอาชีพหนึ่งที่มีความพยายามเรียกร้องให้ “ปลดล็อก” พ้นอาชีพผิดกฎหมาย ผ่านการยกเลิกความผิดตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 หากเป็นความสมัครใจและไม่ใช่เด็ก-เยาวชน แต่ก็ “ไม่ง่าย” เพราะคำว่า “ศีลธรรมอันดี” และ “เมืองพุทธ” คือด่านสำคัญที่ทำให้สังคมไทยกระอักกระอ่วนใจที่จะพูดถึง
เมื่อช่วงปลายเดือน พ.ย. 2564 ที่ผ่านมา เฟซบุ๊คแฟนเพจ “CARE คิด เคลื่อน ไทย” จัดเสวนา (ออนไลน์) หัวข้อ “Sex Worker ถูกกฎหมายจะเป็นไปได้ไหมในสังคมไทย”มีผู้ร่วมเสวนาหลายท่าน อาทิ อัญชณาภรณ์ พิลาสุตาอดีตพนักงานบริการ และ Ambassador of Swing Thailand(มูลนิธิเพื่อนพนักงานบริการ) เล่าว่า ตนเองเป็นสาวประเภทสองเดินทางไปเมืองพัทยา จ.ชลบุรี ตอนแรกว่าจะไปเป็นนางโชว์อันเป็นอาชีพที่สาวประเภทสองนิยมทำ แต่จับพลัดจับผลู มีพนักงานโรงแรมมาชวนไปเพราะมีลูกค้าให้หาพนักงานบริการให้
โดยเมื่อพบกับลูกค้าก็ได้รับการเสนอเงิน 3,000 บาทแลกกับการมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งจะว่าไปแล้ว ก่อนหน้านั้นเคยทำงานโรงงานได้เงินเดือน 6,000 บาท แต่มาทำงานนี้วันเดียวก็ได้เงินจำนวนเท่ากันแล้ว “ยอมรับว่าผลประโยชน์มันล่อใจ” นอกจากเงินแล้วหลายครั้งยังได้สิ่งตอบแทนเป็นสิ่งของอื่นๆ เช่น มีลูกค้าประจำที่พอจะมาหาก็จะซื้อกระเป๋าบ้าง น้ำหอมบ้างติดไม้ติดมือมาฝากด้วย
“อันดับแรกเราต้องทำความเข้าใจกับเขาก่อนว่าเราเลือกที่จะเดินทางสายนี้ เราเลือกที่จะดำเนินการแบบนี้ เราต้องยอมรับให้ได้ก่อน เนื้อตัวร่างกายฉัน ฉันจะทำอะไรก็ได้ อันดับสองเราก็ต้องเคลียร์กับครอบครัวก่อนว่าทำอาชีพอย่างนี้ไม่ได้ไปเบียดเบียนใคร ไม่ได้ไปปล้นไปฆ่าใครมา ซึ่งเราก็มีภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ เรากินก็ไม่ได้กินคนเดียว พ่อแม่เราก็ต้องอิ่มด้วย บุคคลที่อยู่ข้างหลัง มันไม่มี Sex Worker คนไหนหรอกที่จะมาทำงานแล้วทำเพื่อตัวเอง เขามีบุคคลที่อยู่ด้านหลังที่จะต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว” อัญชณาภรณ์ กล่าว
อัญชณาภรณ์ ยังกล่าวด้วยว่า “แม้วันหนึ่งการขายบริการทางเพศจะไม่ผิดกฎหมายอีกต่อไป แต่ก็ไม่เชื่อว่าจะทำให้คนแห่มาทำอาชีพนี้กันมากขึ้น” เพราะไม่ใช่งานง่ายๆ ต้องอาศัยทักษะเช่นกัน ไล่ตั้งแต่เมื่อลูกค้าเดินมาจะทำให้ลูกค้าหันมาสนใจได้อย่างไรท่ามกลางพนักงานบริการคนอื่นๆ ต่อมาคือการสนทนากับคนที่แตกต่างทั้งเชื้อชาติ ศาสนา วัฒนธรรม ต้องมีจิตวิทยาในการพูดคุยเพื่อให้ลูกค้าพึงพอใจ
มุมมองจากนักวิชาการ เคท ครั้งพิบูลย์ อาจารย์คณะสังคมสงเคราะห์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้ความเห็นว่า“Sex Worker ถูกทำให้กลายเป็นอาชีพต้องห้าม เนื่องจากสังคมตั้งบรรทัดฐานว่าความสัมพันธ์ทางเพศควรจะเป็นอย่างไร และการมีเพศสัมพันธ์โดยแลกกับเงินหรือผลประโยชน์อื่นๆ ถือว่าอยู่นอกบรรทัดฐานนั้น” แต่ละสังคมก็จะมีระดับที่แตกต่างกัน ตั้งแต่การที่สังคมมองว่าเป็นอาชีพไม่ดี ไปจนถึงสังคมที่กำหนดบทลงโทษไว้ในกฎหมาย
ทั้งนี้ รัฐสภาของไทยได้รับข้อเรียกร้องให้ยุติความผิดฐานค้าประเวณี ผ่านกลไกคณะกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ สภาผู้แทนราษฎร โดยมีการตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาพิจารณาเรื่องนี้โดยเฉพาะซึ่งตนเองก็อยู่ในอนุฯ ชุดนี้ด้วย ซึ่งอนุฯจะทำหน้าที่พูดคุยกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อหาทางออก เนื่องจากที่ผ่านมามีผู้ได้รับผลกระทบ เช่น ถูกตั้งข้อหาแปลกๆ เช่น เตร็ดเตร่ในที่สาธารณะ ทำลายทัศนียภาพ รวมถึงผู้ขายบริการถูกกระทำความรุนแรงแต่สังคมไม่เชื่อ เป็นต้น
“สิ่งที่น่าสนใจก็คือจะทำอย่างไรให้เวลาคนคิดกฎหมายนี้สามารถขจัดมายาคติและการผลิตซ้ำเรื่องของความเข้าใจผิดที่เกี่ยวข้องกับ Sex Work ออกไป เช่น งานนี้งานสบายรายได้ดีใครก็มาทำได้ คนกลุ่มนี้อาจจะมีความเสี่ยงกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต้องถูกขจัดให้หมดไปในเรื่องของมายาคติและการผลิตซ้ำ อย่างต่อมาคือองค์ประกอบของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ว่าอยู่ในไหน แล้วพยายามทำความเข้าใจว่ารูปแบบแต่ละอุตสาหกรรม รูปแบบแต่ละบริการ หรือรูปแบบของแต่ละสถานประกอบการ
อย่างต่อมาคือเรื่องการส่งเสริมสิทธิด้านสุขภาพ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก รวมไปถึงความเข้าใจ Sexuality (เพศวิถี) ที่เปลี่ยนไป ดังนั้นถ้าเอาบรรทัดฐานแบบรักต่างเพศ เพศสัมพันธ์เกิดขึ้นกับคนที่เพศสภาพหญิงกับเพศสภาพชายเท่านั้นอาจจะไม่เพียงพอกับการทำความเข้าใจ Sex Worker ที่มีความหลากหลายในการให้บริการทางเพศที่เกี่ยวข้องกับเพศวิถี” อาจารย์เคทยกตัวอย่างประเด็นที่ต้องสร้างความเข้าใจ
อีกด้านหนึ่ง “มิ้ว ณ ชมวิว” อดีตผู้ประกอบการธุรกิจอาบอบนวด เปิดประเด็นชวนคิดเรื่อง “ทางเลือกและความเสี่ยง”ระหว่าง “อยู่กับร้าน” ที่สามารถปฏิเสธกรณีลูกค้ามีรสนิยมวิตถาร หรือขอความช่วยเหลือหากถูกทำร้ายร่างกายได้ กับ “ออกไปรับงานเอง” ซึ่งต้องเสี่ยงกับการเจอลูกค้าที่ไม่ดีหรือถูกเบี้ยวค่าตัวก็ยังพบว่ามีจำนวนไม่น้อยเลือกอย่างหลังเพราะไม่อยากให้ใครรู้ว่าทำอาชีพนี้ ดังนั้นการทำให้ถูกกฎหมายโดยเน้นไปที่การตั้งสถานบริการอาจไม่ตอบโจทย์ เช่น คนที่รับงานเองอาจคิดว่าหาเงินพอซื้อประกันสุขภาพชั้นดีได้ จึงไม่ต้องการสวัสดิการจากรัฐ
ปิดท้ายด้วย ชานันท์ ยอดหงษ์ นักกิจกรรมผู้เรียกร้องสิทธิเสรีภาพ LGBTQ และผู้หญิง กล่าวว่า ในอดีตไทยเคยมีกฎหมายที่เปิดช่องให้กับอาชีพ Sex Worker ไล่ตั้งแต่ พ.ร.บ.ป้องกันสัญจรโรค ร.ศ.127 (พ.ศ.2451) เปิดให้ตั้งสถานบริการได้ ต่อมาจึงเปลี่ยนเป็น พ.ร.บ.ปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2503 แม้จะห้ามตั้งสถานบริการแต่ยังทำเองแบบส่วนบุคคลได้ กระทั่งมี พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 จึงห้ามในทุกรูปแบบ ขณะที่ในต่างประเทศกฎหมายก็แตกต่าง เช่น บางประเทศให้ตั้งสถานบริการได้ แต่บางประเทศก็ให้เฉพาะทำเองส่วนบุคคล
ดังนั้นสำหรับประเทศไทยหลังจากนี้ควรเป็นอย่างไร..คงต้องให้ผู้เกี่ยวข้องมาพูดคุยกัน!!!
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี