ในยุคดิจิทัล และ โควิด-19 เริ่มคลี่คลายรัฐบาลมีการเปิดประเทศแล้วทำให้ยิ่งเห็นว่าคนไทยปรับตัวมาสู่วิถีเศรษฐกิจพอเพียง และ มีการน้อมนำพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่9) ซึ่งเน้นให้คนไทยใช้หลักปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” มาใช้ในชีวิตทำให้สามารถประคับประคองชีวิตให้อยู่รอดได้ท่ามกลางวิกฤต และ หลังการเปิดประเทศ ยิ่งทำให้คนไทยยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น
“แนวหน้า ออนไลน์” มีโอกาสสัมภาษณ์กับ “อทิตา สุธาดารัตน์” เจ้าของร้าน “AtitA Sweet Home” ซึ่งมีหน้าร้านทั้งในโลกออฟไลน์ และ ออนไลน์ โดยเธอเป็นอดีตนักเขียนให้กับนิตยสารต่างประเทศชื่อดังหลายแห่ง อย่างเช่นนิตยสารฟอร์บส์ไทยแลนด์ (ฉบับตีพิมพ์ ) ซึ่งในช่วงเวลาที่เป็น “นักเขียน” ก็มีมุมมองเกี่ยวกับธุรกิจออนไลน์ในไทยว่าจะต้องเติบโตถึง 100% เหมือนกับในต่างประเทศ แต่ในช่วงนั้นเธอคิดได้เร็วกว่าที่เมืองไทยจะก้าวทัน ทำให้ในก้าวแรกของการทำขนมไทยขายบนโลกออนไลน์ต้องเจอกับความยากลำบาก ทั้งส่งขนมเอง และ ซื้อวัตถุดิบเองทุกอย่าง
เมื่อทั่วโลกประสบกับภัยโควิด-19 คุณอทิตาบอกว่า แทบจะไม่ต้องปรับตัวอะไรมากนัก เพราะขายขนมออนไลน์มาล่วงหน้าก่อนโควิด-19 ระบาดมาประมาณ 5 ปี และ โควิด-19 ทำให้เกิดธุรกิจคนขับรถส่งอาหารในไทยมากขึ้น ทำให้เกิดความสะดวกสบาย ซึ่งในต่างประเทศนั้นมีการใช้ระบบส่งสินค้าออนไลน์กันมานานแล้ว แต่ในไทยเพิ่งจะเข้ามาให้บริการ และในช่วงแรกจะเห็นว่ายังไม่มีใครยอมจ่ายเงินกับบริการขนส่ง
“ไม่ได้มีการปรับตัว เพราะมีวิชั่นล่วงหน้าอยู่แล้ว เพราะมองว่า การขายออนไลน์เป็นแนวโน้มที่จะเป็นไปได้ในอนาคต เพราะมองว่า เป็นการใช้เทคโนโลยีเหมือนต่างประเทศ ตัวดิฉันเองมองว่า การมีหน้าร้าน การลงทุน ไม่ cover ค่าใช้จ่าย เพราะฉะนั้นต้องมีหน้าร้านเพจ ออนไลน์ ทุกคนสามารถกลายเป็นมาย โอน ออนไลน์ โมเดล ทุกคนสามารถตั้งหน้าร้านโดยไม่ต้องพึ่งห้างสรรพสินค้า เพราะธุรกิจออนไลน์ต้องโตถึง 100% แน่ๆ เมืองนอกเขาไปแล้ว แต่เมืองไทยยังต้องปรับตัวอยู่ ตอนแรกต้องขับรถส่งขนมเอง แกร๊บ ยังไม่เข้ามา ซึ่งยอมรับว่าผู้บริโภคก็น่ารักทุกๆท่าน เพราะเสียค่ารถ ค่าออกไป ก็เสียเวลา เขาก็ยอมจ่ายค่ารถซึ่งเวิร์กกว่า เพราะตรงนี้ในช่วงแรกทัศนคติคนไทยยังมองไม่เห็น ครึ่งต่อครึ่ง พอมีโควิด เข้าไป ก็เริ่มมองเห็น แต่ยังไม่ยอมจ่ายค่าขนส่ง ดิฉันเป็นคนทำมาค้าขายย่อมมองเห็นความลำบากของอาชีพขับมอเตอร์ไซต์ขนส่ง ซึ่งดิฉันคิดว่า เป็นการทำบุญ มองโลกเชิงบวก เพราะถ้าคุณทำอย่างนั้นทุกวัน เหมือนได้ทำบุญ และ ดิฉันทำเรื่องเดลิเวอร์รี่ ออนไลน์ ก่อนโควิด ด้วยเหตุผล ทำเพราะความสุขที่รู้สึกว่าขนมเป็นศิลปะ มีความสุข เหมือนเป็นฟู้ดส์ เทอราพีให้กับตนเอง” คุณอทิตาเล่าให้ฟังอย่างเป็นกันเอง
ขนมที่คุณอทิตาสร้างสรรค์ออกมานั้น เป็นขนมอาลัวดอกกุหลาบ มีกลิ่นอายความเป็นไทยแท้ ทำให้ได้รับความนิยมจากลูกค้าระดับองค์กร อย่างธนาคารของญี่ปุ่นสั่งอาลัวดอกกุหลาบเพื่อขอบคุณพนักงานที่กลับมาทำงานหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย และ แบรนด์เครื่องสำอางต่างประเทศนำอาลัวดอกกุหลาบไปใช้ต้อนรับแขกวีไอพีในงานอีเว้นท์พิเศษ ด้วยความโดดเด่นของขนมไทยสไตล์ “อทิตา” ทำให้วันนี้เป็นคุณครูสอนทำขนมไทย และ ได้มีโอกาสพบกับผู้คนที่เปลี่ยนอาชีพจากพนักงานประจำมาเป็นแม่ค้าขายขนมไทยออนไลน์ โดยเธอพบว่า มีผู้คนจำนวนหนึ่งที่เปลี่ยนอาชีพกระทันหัน ไม่สามารถก้าวต่อไปในอาชีพใหม่ได้ดั่งฝัน
“คนที่เปลี่ยนอาชีพในช่วงโควิดก็มีล้มพับไปเยอะ เพราะถ้าคุณหาจุดยืนตัวเองไม่ได้ก็ล้ม เช่น ถ้าคุณไม่สามารถหาโปรดักส์ก็อยู่ไม่ได้ ข้อที่สอง ความอึด ตื่นเช้า นอนเที่ยงคืน ลุยได้ไหม ไปเดินตลาด ถ้าคนที่อยู่ในตลาดไม่ได้ ก็ขายไม่ได้ ดิฉันลุยตลาดมาแล้ว ลุยน้ำท่วมมาแล้ว ตั้งแต่ตลาดบนยันตลาดล่าง ถ้าคนที่จะมาลุยตรงนี้ ไม่กล้าลุกจริง ก็ต้องล้มอีก” คุณอทิตาแนะนำทางรอดในการเปลี่ยนมาสู่อาชีพขายขนมไทยออนไลน์
ปัจจุบันคุณอทิตตามีอิสตาแกรมชื่อ atita_sweet_home มีผู้ติดตาม 4,097 คน มีคอร์สสอนขนมไทยออนไลน์ที่ปรับเข้าสถานการณ์โควิด-19 ในราคาเมนูละ 1,500 บาท และ ใช้ชีวิตในแบบฉบับเศรษฐกิจพอเพียง
ชีวิตของแต่ละคนในช่วงเข้าสู่วิกฤตโควิด-19 ระบาด นับเป็นการเปลี่ยนผ่านฉากบทละครครั้งใหญ่ของทุกๆคนที่จะต้องเผชิญไปด้วยกัน
เช่นเดียวกับ “รชตวัน สุวรรณดี” หรือ คุณนุ้ย เป็นพนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ที่ใช้จังหวะช่วงโควิด-19 กำลังถาโถมประเทศไทย ผลิตน้ำกระชายผสมน้ำผึ้งมะนาวขาย ในราคาขวดละ 35 บาท และ เน้นผลิตเพื่อนำไปให้บุคลากรทางการแพทย์ โดยก่อนหน้านี้ “คุณนุ้ย” ศึกษาและผลิตน้ำคั้นต้นอ่อนข้าวสาลี เพื่อผู้ป่วยโรคมะเร็ง ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากเพื่อนสนิทสมัยชั้นประถมศึกษาที่ป่วยเป็นมะเร็ง (เพื่อนคุณนุ้ยเป็นเจ้าของเพจเฟสบุ๊คชื่อ : แม่แพร น้องเพิร์ล) เมื่อมีสถานการณ์โควิด-19 เธอจึงมองว่า การทำกระชายผสมน้ำผึ้งมะนาวเป็น “อาชีพเสริม” จะมีเหมาะสมกับสถานการณ์ และ บรรเทาสถานการณ์โรคระบาดได้อีกทางหนึ่ง
“แนวหน้า ออนไลน์” ยังได้ทำการเดินย้อนเวลาไปยังถนน “บางลำพู” พบกับร้าน “ถั่วทอดร้านดั้งเดิมขายมา 50 ปี ตั้งแต่รุ่นคุณแม่ เรียกว่า อร่อยขึ้นชื่อระดับตำนาน ซึ่งในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ระบาดนั้น ทำให้ร้านถั่วทอดร้านนี้ ยิ่งเป็นที่คิดถึงของลูกค้าขาประจำที่นิยมถั่วทอดโบราณ เรียกว่า “ยิ่งปิด ยิ่งคิดถึง”
ถั่วทอด บางลำพู ร้านนี้ ต้องโทรศัพท์สั่งกันข้ามคืน และ ใช่ว่าจะได้ถั่วทอดอร่อยๆตามจำนวน เพราะบางวันลูกค้ามีมาก แต่แป้งหมดก่อนนอกจากนี้ เจ้าของร้านถั่วทอดบอกด้วยว่า ไม่นำสินค้าสู่โลกออนไลน์ เพราะวิธีใช้โทรศัพท์สั่งจองเป็นสไตล์ของร้าน และ เมื่อมาถึงร้านแล้วต้องยืนรอถั่วทอดสักช่วงเวลาหนึ่ง ตรงนี้เป็นจุดขายที่ทำให้ร้านถั่วทอดบางลำพู มีรายได้จนถึงขั้นส่งลูกหลานเรียนจบปริญญาตรีมาหลายรุ่น
เช่นเดียวกับ “ร้านขายขนมจีบ” ริมถนนซอยอารีย์ไปจนถึงอนุสาวรีย์ชัย มีร้าน “ขนมจีบพี่ญา” ซึ่งขายแบบรถเข็นดั้งเดิม ไม่มีหน้าร้านทั้งออฟไลน์ และ ออนไลน์ แต่พี่ญาใช้วิธีเข็นรถขนมจีบขายในช่วงเย็นๆถึงค่ำ และ ไสรถเข็นตั้งแต่ช่วงอนุสาวรีย์ชัย มาจอดที่บริเวณสหกรณ์พระนคร ใกล้ๆซอยอารีย์ โดยแต่ละวัน “ขนมจีบพี่ญา” มียอดขายถึง 600 ลูกต่อวัน เรียกว่า ใช้วิธีขายแบบคลาสสิค ดั้งเดิม แต่ได้ใจลูกค้า ซึ่งในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ระบาดนั้น “ขนมจีบพี่ญา” ก็ต้องหยุดไป และ ไม่มีรายได้ เพราะไม่มีหน้าร้านให้ไลน์แมนมารับ
เพราะฉะนั้นในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ระบาดรอบที่ 2 และ 3 นี้ คนไทยจะมีการปรับตัวรับมือได้มาก และ พนักงานประจำบางส่วนก็ไม่ประมาท หาอาชีพเสริมรองรับไว้ล่วงหน้า เป็นการพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ขณะที่การระบาดในรอบแรกนั้น มีพนักงานจำนวนมาก และ ในหลายอาชีพต้องตกงาน จนต้องเข้าสู่ภาวะการเป็นเจ้าของธุรกิจออนไลน์แบบฉับพลัน
ฉากชีวิตของแต่ละคนจึงมีทั้งเปลี่ยนไป และ ปรับตัวใหม่ในยุคดิจิทัล ซึ่งคาบเกี่ยวระหว่างการระบาดของโรคโควิด-19 นี่เป็นสิ่งที่คนไทยทั้งประเทศต้องเผชิญไปด้วยกัน ในการตั้งใจมั่นฝ่าฟันวิกฤตไปด้วยใจที่เข้มแข็งด้วยวิถีชีวิตเศรษฐกิจพอเพียง - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี