แพทย์ห่วงชาวกรุง ‘อ้วนอมโรค’ สูงสุดในไทย เผยปชช.ไม่ตระหนัก-บุคลากรสาธารณสุขยังเน้นตั้งรับ
3 มี.ค. 2565 ผศ.พญ.ศานิต วิชานศวกุล อาจารย์ประจำหน่วยโภชนศาสตร์ ภาควิชาอายุรศาสตร์โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ กล่าวในงานวันอ้วนโลก ประจำปี 2565 ณ รร.โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น ถ.วิภาวดีรังสิต ย่านหลักสี่ กรุงเทพฯ ว่า อุบัติการณ์โรคอ้วนในประเทศไทยเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 30 หรือมีผู้ป่วยด้วยโรคอ้วนกว่า 20 ล้านคนจากประชากรทั้งหมด โดยผลการสำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย ครั้งที่ 6 พ.ศ. 2562 – 2563 พบคนไทยอายุ 15 ปี ขึ้นไป มีภาวะอ้วน ร้อยละ 42.2 และอ้วนลงพุง ร้อยละ 39.4
“คนกรุงเทพฯ มีความชุกของภาวะอ้วนสูงที่สุด ร้อยละ 47 และผู้หญิงในกรุงเทพฯ มีความชุกภาวะอ้วนลงพุงสูงสุดถึงร้อยละ 65.3 นำมาซึ่งความเสี่ยงกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NDCs) ได้แก่ โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง โรคระบบหัวใจและหลอดเลือด และมะเร็ง ภาพรวมทั้งประเทศมีแนวโน้มสูงขึ้น และมีมูลค่าค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลสูงขึ้น” ผศ.พญ.ศานิต ระบุ
ผศ.พญ.ศานิต กล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตาม วิธีการแก้ปัญหาในปัจจุบันยังเป็นลักษณะการตั้งรับ ผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่มีความรู้ว่า อ้วนเป็นโรค หรือต้องรักษา และให้ความสำคัญกับการลดน้ำหนักเพื่อความงาม ขณะเดียวกันบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขไทยยังไม่ตระหนัก เพราะเห็นว่าประชาชนสามารถลดน้ำหนัก ควบคุมอาหารได้เอง โดยไม่ต้องพบแพทย์
ดังนั้น จึงไม่มีใครมารักษาโรคอ้วน แม้ว่าจะยังไม่เกิดโรค และไม่มีการส่งตัวหรือให้สิทธิในการรักษาพยาบาล ทั้งๆ ที่ถ้าลดน้ำหนักได้ จะลดภาวะแทรกซ้อนได้มากมาย และลดค่าใช้จ่ายมวลในการรักษาเมื่อเกิดโรค ซึ่งอ้วนเป็นโรคที่ป้องกันได้ และควรได้รับการรักษาก่อนจะมีภาวะแทรกซ้อนจากโรคต่างๆ ไม่เฉพาะคนไข้ ครอบครัว ระบบสาธารณสุขต้องเข้ามาช่วยเหลือ รักษาตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะการรักษาต้องใช้เวลานาน
“ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน อยู่ ไม่รับประทานอาหารที่มีพลังงานสูงแต่คุณค่าสารอาหารต่ำ หรือ อาหารขยะ เลือกรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูง และทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงอาหารที่มีคุณภาพและเข้าถึงได้ ราคาไม่แพงเกินไป ขณะเดียวกันทุกโรงพยาบาลควรให้ความสำคัญกับโรคอ้วน ให้ความรู้ที่ถูกต้องในการลดน้ำหนัก ไม่หักโหมหรือรับประทานอาหารเสริมโดยไม่มีผลทางคลินิกรองรับซึ่งทำให้เสียเงินโดยเปล่าประโยชน์” ผศ.พญ.ศานิต กล่าว
สำหรับวันอ้วนโลกนั้น สมาพันธ์อ้วนโลก (World Obesity Federation) องค์กรภาคประชาสังคมระดับสากล ที่ทำงานร่วมกับ องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้กำหนดให้วันที่ 4 มีนาคม ของทุกปี เป็นวันอ้วนโลก เพื่อกระตุ้นให้ประชาคมโลกเห็นความสำคัญของการแก้ไขปัญหาโรคอ้วน ส่วนการจัดงานวันอ้วนโลกประจำปี 2565 เป็นความร่วมมือกันของ กองโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค ร่วมกับ สมาคมเครือข่ายโรคไม่ติดต่อไทย ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี