แม่เฒ่าวัย 73 ปีชาวอำเภอชะอวด เมืองคอน ยันเคยพบประพุทธรูปทองคำถ้ำเขาพระทอง เผยอาถรรพ์เร้นลับทำพ่อ - หลานเสียชีวิตปริศนา 3 ศพ
กรณีที่วัดเขาพระทอง ต.เขาพระทอง อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช เลื่อนกำหนดการจัดงานแห่ผ้าห่มหลวงพ่อองค์ใหญ่วางศิลาฤกษ์สร้างโบสถ์วัดเขาพระทอง โดยจะมีคณะบิณฑ์ - เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ เดินทางมาร่วมเป็นประธานพิธี เมื่อวันที่ 17 มี.ค.65 แต่มีหลายคณะที่ไม่ทราบการประกาศเลื่อนจึงเดินทางมาร่วมพิธี ทางวัดจึงจัดกิจกรรมสวดเจริญพระพุทธมนต์ทำบุญบ้าน ทำบุญเมือง ทำบุญประเทศ ไล่โรคร้ายโควิด บวงสรวงขอขมาหลวงพ่อองค์ใหญ่ เทพยดาฟ้าดิน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เจ้าป่าเจ้าเขา เจ้าที่เจ้าทาง เพื่อขออนุญาตนำคณะขึ้นยอดเขาพระทอง เพื่อค้นหาถ้ำที่เป็นตำนานเรื่องเล่าที่มาของ “เขาพระทอง และ วัดเขาพระทอง ” และตามที่เคยมีคนขึ้นไปพบจริง เมื่อหลายปีก่อน
อย่างไรก็ตามคณะตามหาถ้ำหาสมบัติเขาพระทอง พบว่า ปากถ้ำถูกหินหล่นลงมาปิดทับจนเหลือช่องแคบ ไม่สามารถลงไปจนถึงห้องโถงก้นถ้ำได้ จึงไม่พบมหาสมบัติและพระพุทธรูปทองคำ ตามที่ล่ำลือ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
วันนี้ (24 มี.ค.65) พระมหาอารยนันต์ อานันโท เจ้าอาวาสวัด กล่าวว่า กรณีสื่อมวลชนส่วนกลางติดตามทำข่าวการค้นหาถ้ำมหาสมบัติที่มีตำนานเรื่องเล่าว่ามีพระพุทธรูปทองคำปางยืนประทานพรขนาดเท่าคนจริงถูกล่ามโซ่ทองคำอยู่ในถ้ำ โดยมีชาวบ้านเคยไปพบมหาสมบัติและพระพุทธรูปทองคำในถ้ำ และก่อนหน้านี้ทางวัดและชาวบ้าน เคยขุดพบพระพุทธรูปขนาดต่างๆ ในถ้ำ คาดว่าอายุ 300 - 400 ปี ขึ้นไป
โดยล่าสุดขุดพบเมื่อปี พ.ศ.2558 จำนวน 3 องค์ จึงนำมาให้อาตมาเก็บรักษาเป็นสมบัติของพระพุทธศาสนา แต่สื่อมวลชนส่วนกลางนำเสนอข่าวคลาดเคลื่อนระบุ เอาเองว่าพระที่ขุดพบทั้ง 3 องค์ อายุกว่า 1,000 ปี ซึ่งอาตมาและทุกคนในวัด ไม่เคยมีใครระบุเรื่องอายุของพระที่ขุดพบ เพราะอาตมาไม่ได้มีความรู้เชี่ยวชาญ เรื่องพระ เครื่องรางหรือวัตถุมงคล อาตมาไม่ใช่เซียนพระ แต่ยันว่าพระทุกองค์ค้นพบในถ้ำเขาพระทองและมีพยานบุคคลที่เป็นพระและฆราวาสยืนยันได้
ล่าสุดสื่อมวลชนส่วนกลางนำภาพถ่ายไปให้ "ณัฐ แฟนพันธุ์แท้" ดูว่าพระที่พบอายุเป็น 1000 ปีจริงหรือไม่ และทาง ณัฐ แฟนพันธ์แท้ ระบุว่า 2 องค์เป็นพระสมัยอยุธยา และอีกองค์หนึ่งสมัยรัตนโกสินทร์ ราวสมัยรัชกาลที่ 6 พร้อมสรุปว่า ที่บอกว่าพระอายุพันปีจึงไม่เป็นความจริง ทางวัดหรือทีมงานอาจสร้างเรื่อง สร้างกระแสเพื่อผลประโยชน์บางอย่างหรือไม่ ซึ่งอาตมามองว่าเป็นการนำเสนอข่าวที่ไม่เป็นธรรมกับอาตมาและวัดเขาพระทอง เป็นอย่างมากและไม่สนใจที่จะนำเสนอเรื่องการค้นหาถ้ำมหาสมบัติ และพระพุทธรูปทองคำในถ้ำ ตามตำนานที่เล่าต่อ ๆ กันมาหลายชั่วอายุคน
พระมหาอารยนันต์ กล่าวอีกว่า ทีมข่าวเดินทางมาพบอาตมาขอให้อาตมาและลูกศิษย์วัดรวมทั้งชาวบ้าน ฝ่าพายุฝนขึ้นค้นหาถ้ำมหาสมบัติและพระพุทธรูปทองคำ เหนื่อยยากลำบากและสุ่มเสี่ยงอันตราย 3 - 4 วัน และพบว่ามีถ้ำอยู่จริง เพียงแต่เข้าไปไม่ได้ เพราะปากถ้ำถูกหินถล่มปิดทับ รวมทั้งมีคนที่เคยพบทรัพย์สมบัติ และพระพุทธรูปทองคำถูกล่ามโซ่ มายืนยันชี้จุดที่พบ แต่กลับมานำเสนอข่าวสรุปว่า พระพุทธรูปที่ทางวัดและชาวบ้านขุดพบเมื่อปี พ.ศ.2558 จำนวน 3 องค์นั้นอายุนับพันปีและนำภาพไปให้เซียนพระชื่อดังดูก่อนที่เซียนพระคนดังกล่าวจะระบุว่า พระพุทธรูปอายุไม่ถึงพันปี เป็นการหลอกลวงสร้างกระแส สร้างภาพไม่น่าจะถูกต้องนัก ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ และชื่อเสียงของอาตมา และวัดไม่น้อย
อย่างไรก็อาตมาไม่ได้โกรธสื่อฯช่องดังกล่าวและคิดว่าความจริงคือความจริง อะไรมันจะเกิดก็ต้องเกิด เพียงแต่อาตมา อยากให้เสนอข่าวรอบด้าน สรุปจบแบบนี้เหมือนจงใจทำลายวัดเขาพระทองให้เสียหาย
ขณะที่นางเอื้อน ยังแจ๊ก อายุ 73 ปี ชาวบ้านหมู่ 1 ต.เขาพระทอง อ.ชะอวด ยืนยันว่า เคยไปเห็นพระพุทธรูปปางยืนประทานพรสีเหลืองอร่าม ซึ่งเชื่อว่าเป็นทองคำจริง และถูกล่ามโล่สีเหลืองคล้ายทองคำที่ข้อเท้า เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนที่ตนอายุ 42 ปี และยังจำติดตามพร้อมเก็บเป็นความลับมานาน 31 ปี เพิ่งเปิดเผย ตอนสื่อมวลชนส่วนกลางสอบถาม และตนยังนำไปชี้จุดปากถ้ำเขาพระทอง ที่พบพระพุทธรูปทองคำอีกด้วย ตนจำเรื่องนี้ขึ้นใจมาตลอด
เพราะก่อนที่ตนไปพบพระพุทธรูปทองคำนั้น เมื่อ 5 - 6 ปีก่อนนั้นนายด้วง ยังแจ๊ก บิดาของตนเป็นคนไปพบพระพุทธรูปทองคำก่อนและเกิดความโลภเข้าไปยกดึงโซ่ทองคำที่ล่ามข้อเท้าพระพุทธรูป เพื่อนำออกจากถ้ำกลับบ้าน แต่ภูเขาเกิดสั่นสะเทือนก้อนหินน้อยใหญ่ถล่มลงมานายด้วง พ่อของตน จึงวิ่งหนีตายออกจากถ้ำ และมาเล่าให้ตนและชักชวนชาวบ้านจำนวนหนึ่งกลับไปค้นหาพระพุทธรูปทองคำในถ้ำอีกครั้ง แต่ไม่พบ
หลังจากนั้น 5 - 6 ปี พ่อของตนเสียชีวิตอย่างปริศนาตน และญาติเชื่อว่า เกิดจากอาถรรพ์พระทองคำที่พ่อตนไปลบหลู่ หลังจากนั้นตนนอนฝันเห็นทรัพย์สมบัติ และพระพุทธรูปทองคำ รวมทั้งพระพุทธรูปองค์เล็ก ๆ จำนวนมากในถ้ำ โดยคนที่เฝ้าถ้ำชวนให้ตนไปเอาพระพุทธรูป รุ่งเช้าตนชวนหลานอายุ 9 - 10 ปี จำนวน 2 คน ไปตรวจสอบโดยนำเทียนพรรษาเล่มใหญ่ติดมือไปด้วย และพบว่าปากถ้ำแคบ มีแสงสีเหลืองแดงสาดส่องออกมานอกถ้ำ จึงใช้เทียนพรรษาจุดส่องเข้าไปในถ้ำก็ต้องตกตลึงเมื่อพบพระพุทธรูปทองคำปางยืนพระทานพร ล้มตะแคงไปพิงกับผนังถ้ำ คาดว่าเป็นองค์เดียวกับที่นายด้วง พ่อของตนพบ และพยายามนำกลับบ้าน แต่ไม่สำเร็จ
นางเอื้อน กล่าวอีกว่า ขณะนั้นมีค้างคาวหลายร้อยตัวบินกรูออกจากถ้ำ จนหลานสองคนของตนเกิดความหวาดกลัว ขณะที่ตนไม่กล้าเข้าไปในถ้ำ และพบว่าใต้ต้นไม้หน้าถ้ำมีพระพุทธรูปองค์เล็ก และลูกดินกลม ๆ คล้ายลูกยิงหนังสติ๊กกระจายอยู่จำนวนมาก ทราบภายหลังว่า ลูกกลม ๆ คือ ลูกธนูคนธรรพ์ ตนจึงให้หลานทั้งสองคนหยิบเอาพระพุทธรูปขนาดเล็ก และลูกธนูคนธรรพ์ ติดมือมาอย่างละ 1 - 2 องค์/ลูก ก่อนพากันรีบเดินกลับบ้าน จากนั้นทราบว่าหลานของตนแอบมาขโมยพระพุทธรูปจากหน้าถ้ำไปอีกคนละ 2 องค์
กระทั่งหลานของตนถูกรถชนเสียชีวิตทั้งสองคน ตนและญาติ ๆ เชื่อว่าเกิดจากอาถรรพ์ที่ไปขโมยพระพุทธรูปหน้าถ้ำเขาพระทอง ตนเก็บเรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นความลับไม่เคยเปิดเผยที่ไหน กับใครมายาวนาน และยอมเปิดเผยกับสื่อมวลชนช่องยักษ์ใหญ่ เมื่อ 2 วันก่อนนี้ - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี