‘คาสโนว่า’ฆ่าให้ตาย!เลิกมอง‘ขุนแผนยุค2000’เรื่องปกติ ตัดตอนก่อนลามคุกคามเพศ
26 พฤษภาคม 2565 ที่งานเสวนาวิชาการ เรื่อง “ปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศ : ปกป้อง คุ้มครองสิทธิผู้ตกเป็นเหยื่ออย่างไร?” ที่โรงแรมเดอะ สุโกศล ถ.ศรีอยุธยา กรุงเทพฯ จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 25 พ.ค.2565 ที่ผ่านมา
นายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวตอนหนึ่ง ว่า ถึงเวลาแล้วที่ต้องแก้ไขกฎหมายให้ครอบคลุมถึงการคุกคามทางเพศ ที่ลักษณะพฤติกรรมกว้างกว่าการถูกเนื้อต้องตัว เช่น การใช้คำพูด การใช้สายตา เพราะก่อนจะไปถึงพฤติกรรมที่รุนแรงขึ้น เช่น การข่มขืนกระทำชำเรา ก็มักจะเริ่มต้นที่พฤติกรรมเหล่านี้ อาทิ พูดจาทำนองหมาหยอกไก่ หรือมองด้วยสายตาเย้ายวน หรือตามตื๊อตามจีบไปจนถึงพื้นที่ออนไลน์ เป็นต้น ปัจจุบันมีเพียงกฎ ก.พ. และแนวปฏิบัติของบริษัทเอกชนข้ามชาติ ที่มีบทลงโทษทางวินัยตั้งแต่ตักเตือนจนถึงไล่ออก อย่างไรก็ตาม พบว่านับตั้งแต่เกิดกรณีอื้อฉาวของอดีตผู้บริหารพรรคการเมืองใหญ่พรรคหนึ่ง หลายองค์กรให้ความสนใจแนวปฏิบัตินี้มากขึ้น ไม่เว้นแม้แต่องค์กรพัฒนาเอกชน (NGO) ก็ต้องมีเช่นกัน เพราะไม่ใช่ว่าจะไม่มีปัญหา
“ถ้าเราไม่มีแล้วเกิดเคสขึ้นมา มันแก้ยาก ไม่รู้จะเอาผิดอย่างไร เหมือนกรณีของพรรคการเมืองพรรคหนึ่งที่มีปัญหาอยู่ตอนนี้ ต้องมานั่งรื้อระเบียบกัน แต่มีพรรคการเมืองที่น่าสนใจ พรรคก้าวไกลเขาพูดชัดเจนว่าเขาทำแล้วแต่ยังทำไม่ดี เขาก็แก้ใหม่เลย ทำให้เอาผิดที่มันลงลึกได้ ผมคิดว่าเรื่องนโยบายแบบนี้ไม่ใช่แค่พรรคการเมืองต้องทำ แต่องค์กรต่างๆ ต้องทำด้วย เป็นเรื่องจริงจังไม่ว่าองค์กรรัฐ องค์กรต่างๆ องค์กรอิสระอะไรพวกนี้ ควรจะต้องทำจริงจัง” นายจะเด็จ ระบุ
ผอ.มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ยังตอบข้อซักถามของสื่อมวลชน กรณีพฤติกรรมที่เข้าข่ายคุกคามทางเพศ แต่ยังไม่เข้าข่ายลวนลามหรือข่มขืนกระทำชำเรา อย่างการใช้คำพูด ใช้สายตา หรือตามตื๊อตามจีบ เป็นพฤติกรรมที่ผู้ชายเจ้าชู้มักนิยมทำกัน พบเห็นได้ทั่วไป เท่ากับว่าจำเป็นต้องยุติความคิดเรื่องความเจ้าชู้ของผู้ชายเป็นเรื่องปกติหรือเรื่องธรรมชาติหรือไม่ เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนพฤติกรรมในระยะยาว โดยให้ความเห็นว่า วัฒนธรรมชายเป็นใหญ่เป็นสิ่งที่ถูกบ่มเพาะกันมาตั้งแต่ครอบครัว การศึกษาและสื่อต่างๆ ทำให้เข้าใจว่าผู้ชายเจ้าชู้เป็นเรื่องปกติเห็นได้จากเวลาผู้ชายจับกลุ่มคุยกัน บางครั้งมีการพนันขันต่อว่าใครในกลุ่มจะสามารถจีบผู้หญิงสวยที่คนในกลุ่มต่างหมายปองได้สำเร็จ ดังนั้นเรื่องนี้ต้องชัดเจน หากเป็นชุดความคิดที่ไปตอกย้ำวัฒนธรรมชายเป็นใหญ่และนำไปสู่การคุกคามมากขึ้นก็ต้องเลิกชุดความคิดนั้น
“ถ้าผู้หญิงเป็นคนเจ้าชู้สังคมรับได้ไหม? ก็รับไมได้ อันนี้เป็นผู้หญิงไม่ดีไปเลย สังคมไทยมันบ่มเพาะว่าผู้ชายเป็นอย่างนี้ ผู้หญิงเป็นอย่างนี้ แล้วผู้หญิงส่วนใหญ่จะถูกสังคมตีตราว่าเป็นผู้หญิงไม่ดี คุณกินเหล้า คุณทำตัวไปหาเขาเอง ผมว่าชุดความคิดแบบนี้เราก็ต้องวิพากษ์กัน แล้วก็รื้อมันออกมาว่ามันมีปัญหา มันทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมกัน” นายจะเด็จ กล่าว
ด้าน น.ส.เสาวลักษณ์ ทองก๊วย นายกสมาคมส่งเสริมศักยภาพสตรีพิการ และกรรมการว่าด้วยสิทธิคนพิการแห่งสหประชาชาติ กล่าวเสริมว่า ขอให้ผู้ที่สงสัยกับชุดความคิดเรื่องความเจ้าชู้ของผู้ชาย ลองถามตนเองว่าหากมีแฟนแล้วแฟนไปคบหาผู้ชายหลายคนจะรู้สึกอย่างไร ในทางกลับกัน หากมีภรรยาแล้วยังไปจีบผู้หญิงอื่นอีกจะรู้สึกอย่างไร ซึ่งความเชื่อหรือวัฒนธรรมประเพณีที่มีมาแต่โบราณ หากยังคงทันสมัยและไมได้ไปกดทับลดทอนคุณค่าศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของใคร ก็ยังสามารถทำได้
“ทัศนคติแบบเจ้าชู้ประตูดิน มันได้สร้างคุณค่าอะไรให้กับสังคม แล้วมันได้ไปเชิดชูศักดิ์ศรีคุณค่าความเป็นมนุษย์ของใครบ้าง?” เสาวลักษณ์ กล่าว
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี