สทนช. ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เห็นชอบใช้ช่วงฝนลดลงเพิ่มการระบายน้ำเขื่อนสิริกิติ์แบบขั้นบันได ถึง 25 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน ป้องกันน้ำล้นเขื่อนกระทบท้ายน้ำเพิ่มเติม แต่ต้องระบายน้ำรวมกับเขื่อนภูมิพลแล้วไม่เกิน 30 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน พร้อมมุ่งคุมเขื่อนเจ้าพระยาให้ระบายน้ำไม่เกิน 2,400 ลบ.ม. ต่อวินาที
วันที่ 2 ตุลาคม 2568 นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์น้ำ โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิและผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ณ อาคารจุฑามาศ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยเลขาธิการ สทนช. เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ในระยะนี้ประเทศไทยจะยังคงมีฝนตกเป็นระยะในบางแห่ง แต่ปริมาณฝนจะลดลงจากห้วงที่ผ่านมา จึงเป็นโอกาสที่จะใช้ช่วงเวลานี้ในการพร่องน้ำออกจากเขื่อนสิริกิติ์ที่สถานการณ์ยังคงน่ากังวล เนื่องจากปริมาณน้ำมีแนวโน้มใกล้เต็มความจุ เพื่อรักษาความมั่นคงแข็งแรงของเขื่อน ป้องกันความเสี่ยงน้ำล้นที่จะส่งผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายน้ำเพิ่มเติม รวมถึงกรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) (สสน.) คาดการณ์ว่า อิทธิพลของหย่อมความกดอากาศต่ำจะส่งผลให้ฝนกลับมาตกเพิ่มขึ้นอีกครั้งในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในช่วงวันที่ 5-7 ตุลาคมนี้ แม้ปริมาณฝนมีแนวโน้มอยู่ในระดับประมาณ 60-100 มิลลิเมตร ซึ่งน้อยกว่าฝนตกหนักระลอกก่อน แต่จะต้องเตรียมพร้อมช่องว่างในเขื่อนให้เพียงพอสำหรับรองรับน้ำโดยไม่ประมาท หากมีฝนตกมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ที่ประชุมจึงมีมติเห็นชอบให้ทยอยปรับเพิ่มการระบายน้ำเขื่อนสิริกิติ์แบบขั้นบันได จาก 15 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน จนถึง 25 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน ขณะเดียวกันเขื่อนภูมิพลที่แม้จะมีปริมาณน้ำมาก แต่ยังมีช่องว่างอยู่ประมาณ 2,000 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ให้ปรับลดการระบายน้ำจาก 10 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน เหลือ 5 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน
โดยต้องควบคุมการระบายน้ำของเขื่อนทั้งสองแห่งให้อยู่ในอัตรารวมกันไม่เกิน 30 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อลดผลกระทบต่อด้านท้ายน้ำให้ได้มากที่สุด สำหรับเขื่อนเจ้าพระยา ในวันนี้ได้ปรับเพิ่มการระบายน้ำขึ้นเป็น 2,400 ลบ.ม. ต่อวินาที โดยจะบริหารจัดการอย่างเต็มศักยภาพเพื่อคงการระบายน้ำให้อยู่ในอัตราดังกล่าว พร้อมทั้งควบคุมระดับน้ำหน้าเขื่อนให้ไม่เกิน +17.00 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ในส่วนของพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งขณะนี้ลำน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น กรมชลประทานและการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จะมีการหารือกันเกี่ยวกับแนวทางการบริหารจัดการน้ำเขื่อนอุบลรัตน์ เพื่อเร่งบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนโดยเร็ว
นอกจากนี้ สทนช. ได้ประสานงานร่วมกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัด หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมพร้อมรับมือในช่วงที่ฝนจะกลับมาตกเพิ่มขึ้นอย่างเต็มกำลัง โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือซึ่งมีความเสี่ยงสูง ตามข้อสั่งการของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ที่ให้ความสำคัญในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้อย่างทันท่วงที ทั้งนี้ คาดว่าฝนจะเริ่มลดลงตามลำดับในช่วงปลายเดือนตุลาคมนี้ และแม้ขณะนี้สถานการณ์น้ำท่วมยังอยู่ในระดับเฝ้าระวัง แต่จากการใช้แผนบูรณาการเต็มรูปแบบ และมีการพร่องน้ำล่วงหน้าอย่างต่อเนื่อง จึงขอยืนยันว่าสถานการณ์จะไม่รุนแรงเท่าอุทกภัยปี 2554 อย่างแน่นอน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี