"...โดยมากสมัยครั้งพุทธกาลผู้ที่ฟังเทศน์พระพุทธองค์นั่งอยู่ในอาสนาะเดียว แต่ท่านก็มีสมาธิที่จะใคร่ครวญ รู้ไปด้วย เห็นไปด้วย แก้อาการของจิตไปด้วย จิตใจก็ค่อยละวางไปไม่ยึดมั่น เห็นโทษเห็นภัยในตัวเอง หนักเข้าก็เลยตัดกระแสภวังค์รู้แจ้งขึ้นเลย ท่านจึงว่าได้สำเร็จขั้นนั้นขั้นนี้ เป็นโสตะ เป็นผู้มีดวงตาเห็นธรรม ก็เนื่องมาจากมีสติ
แต่ว่าสมัยนี้โดยมากสติจะมีน้อยนิด แม้ฟังเทศน์ฟังธรรมก็ตาม ฟังคำบรรยายฟังปาฐกถาธรรม ไม่ค่อยได้ถึงจิตใจ เป็นเพียงแต่สัญญา มันไม่ลงถึงจิตใจ ฟังแล้วไม่ได้เรื่อง บางที่รู้เรื่อง แต่จิตแก้ไม่ได้ โดยมากมันมักหันไปทางโลก ดูความเพลิดเพลินทะเยอทะยานเห่อเหิมทางโลก มันจึงไม่ลงถึงจิต จิตก็เลยไม่สลดสังเวช ผลของการเห็นโทษเห็นภัยยกระดับจิตใจให้สูงขึ้นมันเลยไม่ไป เลยไม่ได้เรื่องได้ราว
ฟังแล้วก็ฟังอยู่เฉย ๆ คล้าย ๆ กับพวกนักศึกษาเล่าเรียน เรียนไป ก็จำได้อยู่แค่นั้น มันแก้จิตใจตัวเองไม่ได้ แก้คนอื่นก็ไม่ได้ นี่ปัญหามันอยู่ตรงนี้ พวกเราจึงต้องหาหนทางแก้อาการของจิตไม่อยากให้หลงทางเท่านั้นแหละ เพราะว่าจิตใจมันไม่รู้จักโทษ ไม่รู้จักให้อภัย..."
โอวาทธรรม หลวงปู่ศรี มหาวีโร วัดประชาคมวนาราม (วัดป่ากุง) ต.ศรีสมเด็จ อ.ศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ด (ขอบคุณลานธรรมจักร) - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี