“ยูธ โคแล็บ (Youth Co:Lab)” โครงการที่เป็นความร่วมมือ ระหว่าง โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) กับ มูลนิธิซิตี้ (Citi Foundation) เป็นโครงการระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งเปิดโอกาสให้เยาวชนแต่ละประเทศได้มาแลกเปลี่ยนไอเดียธุรกิจ และนวัตกรรมเพื่อสังคม ควบคู่ไปกับการพัฒนาศักยภาพเยาวชน โดยมุ่งเน้นพัฒนา ให้ความรู้ ความเข้าใจ และให้คำปรึกษาแก่เยาวชนในด้านต่างๆ สู่การเป็นผู้ประกอบการธุรกิจเพื่อสังคม ที่จะเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาเรื้อรังที่เกิดขึ้นในสังคมโลก โดยในประเทศไทย เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2560
สำหรับโครงการ ยูธ โคแล็บ ครั้งล่าสุด ที่เกิดขึ้นในปี 2564 (Youth Co:Lab 2021) มี 2 ไอเดียที่น่าสนใจโดยได้รับรางวัลชนะเลิศ ได้แก่ “Carter” แพลตฟอร์มเพื่อหาบเร่ แผงลอย และผู้ค้ารายย่อย ของทีม “เดอะ โฮมิเนี่ยนส์ (The Hominians)” มีแรงบันดาลใจจากการมองเห็น “ปัญหาหนี้สิน” ของหาบเร่แผงลอยและผู้ค้าที่ดำเนินธุรกิจอยู่ในตลาดทั่วประเทศไทย เนื่องด้วยกลุ่มแรงงานเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มแรงงานนอกระบบที่ไม่ได้รับสวัสดิการ และความคุ้มครองตามกฎหมาย ทำให้ยังมีความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงทรัพยากร
เช่น การเข้าถึงต้นทุนในการดำเนินธุรกิจที่ปัจจุบัน “ส่วนใหญ่ต้องไปกู้เงินนอกระบบมาใช้ในการดำเนินชีวิต เนื่องจากไม่สามารถขอสินเชื่อถูกกฎหมายได้” รวมถึงการเข้าไม่ถึงความรู้ด้านการเงิน ขาดหลักฐานทางการเงินที่ถูกต้องและไม่สามารถทำบัญชีรายรับรายจ่ายได้ เป็นต้น ดังนั้นแพลตฟอร์ม Carter จะเข้ามาทำหน้าที่เชื่อมโยงและสนับสนุนให้เกิดระบบนิเวศ (Ecosystem) โดยมีจุดประสงค์หลักคือ แพลตฟอร์มที่ทำให้การทำธุรกรรมทั้งหมดอยู่ในรูปแบบออนไลน์ที่สื่อสารแบบสองทางประกอบไปด้วยผู้ค้ากับผู้ซื้อ
“แอปพลิเคชั่นฝั่งผู้ค้าจะมีระบบ POS ทำหน้าที่ช่วยจัดการร้านค้า ในการสร้างระบบทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายอัตโนมัติ ซึ่งมีการเชื่อมต่อกับแอปฯ ของธนาคาร รวมถึงการบันทึกรายรับรายจ่ายที่มาจากเงินสด โดยท้ายที่สุด แอปฯ จะรายงานผลธุรกรรมทางการเงิน (Transaction) ทั้งหมดออกมาในรูปแบบแผนภูมิ เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถดูและประมวลผลได้ง่าย อีกทั้งยังสามารถดูย้อนหลังได้แบบรายวัน รายสัปดาห์ และรายเดือน ซึ่งจะเป็นการยืนยันด้านการเงินที่ผู้ค้าสามารถนำไปใช้ยื่นขอสินเชื่อจากธนาคารได้”
ในขณะที่ฝั่งผู้ซื้อ (ผู้ซื้อทั่วไป หรือ นักท่องเที่ยว) เบื้องต้นแอปพลิเคชั่นจะมีระบบ Smart Map ที่จะแสดงร้านค้า
ทั้งหมดที่อยู่ในบริเวณโดยรอบเพื่อให้ผู้ซื้อหรือนักท่องเที่ยวสามารถค้นหาร้านค้าที่สนใจในบริเวณใกล้เคียงได้อย่างสะดวก ตลอดจนมีระบบ Countdown of Events ที่แสดงให้เห็นพื้นที่ที่มีการจัดกิจกรรม ภายในตลาด งานวัด รวมทั้งข้อมูลสำคัญของร้านต่างๆ เช่น ร้านไหนได้รับประกาศนียบัตรความสะอาด หรือความอร่อย อย่าง “Clean Food Good Taste - มาตรฐานสุขาภิบาลอาหาร” หรือ “Michellin Guide”
ตลอดจนในอนาคตจะพัฒนาระบบจ่ายเงินออนไลน์ให้กับนักท่องเที่ยว โดยมีฟีเจอร์ เช่น Buy Now, Pay Later ที่จะชักชวนให้นักท่องเที่ยวสามารถใช้จ่ายแบบไร้กังวลอีกด้วย ซึ่ง อัยรดา ส่งพัฒนายุทธ ซีอีโอ ทีมเดอะ โฮมิเนี่ยนส์ (The Hominians) ผู้พัฒนาแพลตฟอร์ม Carter กล่าวว่า ปัจจุบันภาพรวมของเศรษฐกิจไทยยังคงความเหลื่อมล้ำระหว่างนายทุนรายใหญ่กับผู้ค้ารายย่อยอย่างหาบเร่แผงลอย
“ในฐานะคนรุ่นใหม่ มองเห็นการแก้ปัญหาในโลกยุคใหม่คือการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนช่วยเพื่อลดช่องว่างที่เกิดขึ้น อีกทั้งยังช่วยสนับสนุนให้กลุ่มแรงงานที่ทำอาชีพเหล่านี้ยังดำเนินธุรกิจต่อไปด้วยการเชื่อมโยงทั้งแหล่งเงินทุนไปจนถึงกลุ่มผู้บริโภค ทั้งหมดล้วนส่งผลต่อกันไม่ว่าจะเป็นระบบเศรษฐกิจ การจัดการชุมชนเมือง หรือการพัฒนาอย่างยั่งยืน ในฐานะที่พวกเราเป็นส่วนหนึ่งของสังคม จึงมองว่าเป็นความรับผิดชอบที่ทุกคนในสังคมควรจะร่วมมือกันหาทางออกและไม่ปล่อยให้สังคมเหลื่อมล้ำไปมากกว่านี้” อัยรดา กล่าว
กับอีกผลงานหนึ่ง คือ แพลตฟอร์มระบบการจัดการซะกาตแห่งประเทศไทย (www.zakatthailand.com) โดย “ซะกาต” ถือเป็นส่วนหนึ่งของระบบสวัสดิการสังคมในศาสนาอิสลาม ที่มุ่งเน้นให้สวัสดิการในการดูแลปกป้องบุคคลในสังคมที่เข้าตามเกณฑ์และเงื่อนไขที่บัญญัติศาสนาอิสลามได้กำหนดไว้ เช่น คนขัดสน คนยากไร้ ผู้ที่เป็นหนี้สิน ฯลฯ เป็นต้น
“จากในอดีตที่ต้องประสบกับปัญหาการขอรับซะกาตของมุสลิมจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ยังมีรูปแบบการแจกจ่ายซะกาตส่วนใหญ่ที่ดำเนินการในลักษณะปัจเจกชน คือการแจกจ่ายแก่คนที่มีสิทธิรับในวงแคบและเป็นไปอย่างจำกัด” ทำให้ระบบการแจกจ่ายซะกาตยังไม่สามารถบรรลุผลสมจุดมุ่งหมายอย่างแท้จริง ความช่วยเหลือทางสังคมที่จะตกแก่คนยากจน ขัดสน ผู้ด้อยโอกาส จึงยังไม่เกิดประสิทธิผลอย่างที่ควรจะเป็น
“ดังนั้น แพลตฟอร์มระบบการจัดการซะกาตแห่งประเทศไทย ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสมาคมศิษย์เก่าเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยฟาฏอนี จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการเชื่อมระหว่างผู้จ่ายซะกาต องค์กรบริหารซะกาต และผู้ขอรับซะกาต แพลตฟอร์มดังกล่าวมีความสะดวกในการใช้งาน ทั้งฝั่งผู้จ่ายสามารถคำนวนซะกาตได้ทุกประเภทอย่างถูกต้อง แม่นยำและจ่ายได้หลายช่องทาง
องค์กรบริหารซะกาตอย่างโปร่งใสเพราะมีระบบบันทึกรายงานการเงินของกองทุนซะกาต และภาพกิจกรรมแจกจ่ายซะกาตแสดงบนหน้าเว็บไซต์ ส่วนผู้ขอรับซะกาตสามารถขอรับซะกาตผ่านแพลตฟอร์มได้โดยตรงและมีการติดตาม ตรวจสอบและประเมินผลโดยเจ้าหน้าที่หลังจากรับซะกาตเพื่อพัฒนาผู้รับซะกาตสู่การเป็นผู้จ่ายซะกาตหรือหลุดพ้นจากการเป็นผู้รับซะกาต สามารถพึ่งพาตนเองได้ และอยู่ได้อย่างยั่งยืน”
อาดีละห์ สาแม ตัวแทนผู้พัฒนาแพลตฟอร์มระบบการจัดการซะกาตแห่งประเทศไทย เผยว่า หลังจากการเปิดให้บริการแพลตฟอร์มระบบการจัดการซะกาตแห่งประเทศไทยมาเป็นระยะเวลากว่า 6 เดือน พบว่าได้รับความสนใจจากผู้ขอรับซะกาตเป็นอย่างมาก โดยแพลตฟอร์มสามารถช่วยให้ผู้ที่มาขอรับซะกาตได้รับความสะดวกสบายในการขอรับซะกาต เนื่องจากสามารถดำเนินการทางออนไลน์ได้ทำให้ไม่ต้องเดินทาง ในขณะที่ฝั่งผู้บริหารซะกาตก็สามารถดำเนินการได้อย่างเป็นระบบมากขึ้นเพราะมีข้อมูลบันทึกรายงาน
“อนาคตต่อจากนี้จะพัฒนาระบบให้มีประสิทธิภาพสามารถเชื่อมโยงระบบซะกาตได้หลากหลายขึ้น รวมถึงการพยายามเชิญชวนให้ผู้บริจาคซะกาตรวมถึงผู้มีสิทธิ์รับซะกาตเข้ามาใช้บริการให้มากขึ้นตามลำดับ อันเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยลดปัญหาความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นได้” อาดีละห์ กล่าว
สำหรับผู้สนใจโครงการ ยูธ โคแล็บ (Youth Co:Lab) สามารถติดตามรายละเอียดและข่าวสารต่างๆ ได้ที่เว็บไซต์ https://www.youthcolab.org/
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี