หลังจาก เพจเฟซบุ๊ก หมอแล็บแพนด้า ได้โพสต์ภาพการทำนา โดยใช้สูตรกำจัดแมลงที่มีส่วนผสมของน้ำยาล้างห้องน้ำ เพื่อฉีดต้นข้าวกำจัดศัตรูพืช ทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างดุเดือด บ้างก็บอกว่าเคยมีการใช้น้ำยาล้างห้องน้ำเป็นส่วนผสมจริง และบางกลุ่มก็บอกว่าไม่เคยใช้ เพราะปลูกไว้กินเองด้วย อาทิ สารก่อมะเร็งดีๆนี่เอง , เห็นลุงแถวบ้านทำนานละ ผสมอะไรไม่รู้เยอะแยะ สารเคมีในครัวเรือนขนมาหมด แต่ข้าวแกงามกว่าเพื่อน เสียที่นาแกแทบไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่เลย ไปใส่เบ็ดก็ไม่ได้อะไร แถมกลับมาผื่นเต็มขา แล้วแกก็จากไปด้วยวัณโรคกินปอดไปทั้ง 2 ข้าง ตอนนั้นน่าจะราวๆ ปี 47-48 ก่อนปฏิวัติอยู่ , อันนี้เราดูแล้วเฉยๆ เคยอ่านผ่านๆมานานแล้วว่าชาวนาเขาประยุคใช้กำจัดเชื้อราในนา แต่ถ้าเรื่องสารเคมีกับการเกษตรเราว่าทุเรียนน่าจะหนักสุด , ส่วนผสมหลักของน้ำยาล้างห้องน้ำคือกรด HCl เข้มข้น กรด HCl เข้มข้นถ้าไม่ได้สัมผัสโดยตรงน่าจะไม่อันตรายนะครับ เพราะเวลาเค้าใช้ขริงคงเอาไปผสมหลายอย่างจน pH มันดรอปแล้ว เพราะยังไงข้าวกว่าจะผ่านการสี การขัดมัน(ด้วยน้ำ) ไหนจะต้องซาวข้าวอีกไม่รู้กี่น้ำ กรดพวกนี้คงเจืองจางจน pH เป็นกลางแล้ว น่าจะอันตรายน้อยกว่ายาฆ่าแมลงที่ใช้ปกติที่มันเกินปริมาณตกค้างด้วยซ้ำ เพราะที่คนไทยกินๆกันอยู่ทุกวันทั้งผัก ผลไม้ นี่ควรจะต้องกลัวพวกยาฆ่าแมลงที่มันตกค้างมากกว่าอีก เป็นเพจวิชาการก็น่าจะให้ความรู้ลูกเพจเบื้องต้นบ้างนะครับไม่ใช่เอามาลงให้คนตกใจเล่นๆ , ที่บ้านนอกจากไม่ฉีดยาแล้วปุ๋ยยังใช้ขี้วัวขี้ควายหญ้าขึ้นเยอะก็จ้างคนมาถอน ปลูกกินเองสบายใจ , ทีบ้านไม่เคยทำเด้อ และแถวบ้านก็ไม่เห็นมีคนทำ เป็นต้น
โดยข้อความระบุว่า "วงการทำนาต้องสั่นสะเทือน ใช้น้ำยาล้างห้องน้ำผสมฉีดข้าวครับ"
ล่าสุด เพจเฟซบุ๊ก อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ ได้ชี้แจงเกี่ยวกับการใช้น้ำยาล้างหน้องน้ำในการฉีดข้าว โดยระบุข้อความว่า
"ไม่น่าเอาน้ำยาล้างห้องน้ำ ไปฉีดพ่นนาข้าว นะครับ"
เช้านี้ เห็นโพสต์ภาพเหล่านี้ ในเพจของ หมอแล็บแพนด้า ที่หมอแล็บระบุว่า "วงการทำนาต้องสั่นสะเทือน ใช้น้ำยาล้างห้องน้ำผสมฉีดข้าวครับ" ... ก็ยังงงว่า เค้าทำกันแบบนี้จริงเหรอ ที่เอาน้ำยาล้างห้องน้ำไปฉีดพ่นในนาข้าว เค้าจะทำไปทำไมกัน ?
ซึ่งดูตามคำบรรยายในภาพ ก็เหมือนกับเกษตรกรเค้าจะคิดว่าใส่ไปแล้ว นาจะได้ผลผลิตดีแตกต่างออกไป... หรือเท่าที่อ่านในคอมเม้นต์ บางคนก็อธิบายว่า เกษตรกรคงเข้าใจผิดว่าน้ำยาล้างห้องน้ำ จะไปช่วยฆ่าเชื้อโรค ฆ่าเชื้อรา ให้กับแปลงนาได้
ถ้าดูในเรื่ององค์ประกอบของน้ำยาล้างห้องน้ำนั้น จะพบว่ามีหลายสูตรมากๆ ได้แก่
- สูตรกรดเกลือ (Hydrochloric acid ) และสารลดแรงตึงผิว (Surfactant) ชนิดต่างๆ เช่น Ethoxylate Alcohol ; Ethoxylate Alcohol ; Linear Alkylbenzene Sulfonate , Sodium Salt ; Lauryl Dimethyl Amine Oxide ; Alkyl Dimethyl Benzyl Ammonium chloride ; Alkyl Dimethyl Ethylbenzyl Ammonium chloride
- สูตรกรดเกลือ , กรดมะนาว (Citric acid) และสารลดแรงตึงผิว
- สูตรกรดมะนาว และ สารลดแรงตึงผิว
- สูตรใช้ตัวทำละลายอินทรีย์ (Organic Solvent) กับสารลดแรงตึงผิว
- สูตรสารลดแรงตึงผิว หลายชนิด ผสมกัน
- สูตรโซเดียมไฮโปคลอไรท์ (Sodium hypochlorite) และสารลดแรงตึงผิว
- สูตรสารลดแรงตึงผิว ผสมกับ Trichloroisocyanuric acid (TCCA) และ ผงหินปูน (Calcium carbonate )
ถ้าดูตามรายชื่อของสารเคมีที่ปรากฏนี้แล้ว ก็ไม่น่าจะมีตัวไหนที่จะมีประสิทธิภาพดี ในการช่วยเพิ่มผลผลิต หรือช่วยฆ่าเชื้อโรคเชื้อราได้ประสิทธิภาพดีด้วย เมื่อเทียบกับการใช้สารเคมีทางการเกษตรที่เหมาะสมโดยตรง ไม่ว่าจะเริ่มเพิ่มผลผลิตด้วยปุ๋ยด้วยฮอร์โมน หรือแก้ไขป้องกันเรื่องโรคพืชด้วยยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ยาฆ่าเชื้อรา ยากำจัดศัตรูพืช ฯลฯ (ถึงน้ำยาล้างห้องน้ำ จะเคลมบนขวดว่าฆ่าเชื้อโรคได้ 99.9% แต่ก็ต้องมีความเข้มข้นมากเพียงพอ สำหรับพื้นที่แคบๆ อย่างห้องน้ำ)
ที่พอจะคิดว่า อาจจะช่วยได้ทางอ้อม คือการที่น้ำยาล้างห้องน้ำมีการผสมสารลดแรงตึงผิว (surfactants) ลงไปด้วย อันนี้ ก็พอจะกลายเป็นสารเสริมประสิทธิภาพ (Adjuvants) ช่วยให้สารเคมีการเกษตรอื่นๆ ที่ผสมฉีดพ่นไปพร้อมกันนั้น จับกับใบพืชได้ดีขึ้น โดยไปปรับสภาพทางกายภาพของตัวสารออกฤทธิ์ ให้ละลายหรือแผ่กระจายในน้ำ มีผลให้สารเคมีเคลื่อนที่เข้าสู่ปากใบและเนื้อเยื่อหรือเซลพืชได้ง่าย โดยเฉพาะสารกำจัดวัชพืช หรือสารควบคุมการเจริญเติบโตของพืช
ในทางกลับกัน จะเห็นได้ว่าในน้ำยาล้างห้องน้ำนั้น อาจจะมีส่วนผสมหลายตัวที่เป็นอันตรายต่อใบและต้นพืชได้ โดยเฉพาะพวกกรด และพวกด่าง ที่ใช้กำจัดคราบสกปรก จึงไม่น่าจะนำมาฉีดพ่นพืชที่ปลูกไว้ อย่างที่เชื่อตามกัน
อ่อ .. สำหรับหลายคนที่กังวลเรื่องสารเคมีตกค้าง อันตรายมาถึงผู้บริโภคนั้น เข้าใจว่า น่าจะไม่ต้องกังวลนัก เพราะสารส่วนใหญ่ที่เป็นส่วนผสมของน้ำยาล้างห้องน้ำสามารถสลายได้ในธรรมชาติ
ข้อมูลเรื่องน้ำยาล้างห้องน้ำ จาก http://www.chemtrack.org/Board-Detail.asp?TID=0&ID=2101-
ปล. เอาคำเตือนและคำอธิบายเพิ่มเติม จากเพจ ควายดำทำเกษตร มาให้อ่านด้วยนะครับ (จาก https://www.facebook.com/blackbuffalofarmer/posts/1737321829951377)
"ชาวนาบางคน บางกลุ่ม ได้เอาน้ำยาล้างห้องน้ำมาฉีดข้าว โดยหลักๆเลยเพื่อรักษา โรคแบคทีเรีย ใบส้ม โรคที่มาจากความชื้น ซึ่งเอาจริงๆ เชื่อว่าชาวนาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในน้ำยาล้างห้องน้ำนั้นมีส่วนประกอบของสารอะไร เหมือนที่หนอนข้าวโพดระบาดก็มีชาวไร่ข้าวโพดเอาผงซักฟอกไปหยอดตามยอดข้าวโพดนั่นแหละ
คือใช้น้ำยาล้างห้องน้ำจังหวะดีพ่นไปอาจจะหายเลยทำให้ชาวนาเชื่อว่าใช้น้ำยาล้างห้องน้ำพ่นทำให้รักษาโรคข้าวได้ ข้าวกลับมาเขียวเลยเอามาโพสอวดโซเชียลว่าใช้น้ำยาล้างห้องน้ำทำให้ข้าวเขียว โรคหาย แต่ไม่พูดถึง ปุ๋ย ยา ฮอร์โมน ต่างๆที่ผสมรวมไปฉีดว่าพวกนี้ก็ทำให้ข้าวเขียว ไม่ใช่แค่ใช้น้ำยาล้างห้องน้ำแต่เพียงอย่างเดียว
ทีนี้หากเรามองในมุมผู้บริโภค ถ้าเห็นชาวนาเอาน้ำยาล้างห้องน้ำไปฉีดข้าว ถ้าไม่ตกใจ ไม่ดรามาก็แปลกละ เพราะเราใช้น้ำยาล้างห้องน้ำ เราเห็นคราบสกปรกหลุดออกมาจนพื้นสะอาด เรายังกลัวเลย แล้วนี่เห็นชาวนาเอาไปฉีดต้นข้าว ไม่กลัวก็ใจแข็งไปหน่อย
และขออธิบายเพิ่มว่าการใช้น้ำยาล้างห้องน้ำของชาวนาผสมฉีดลงไปในนาข้าว จะมีการผสมน้ำเจือจางลงมาอีก ไม่ใช่เทราดโดยตรงเหมือนเราใช้ขัดพื้นห้องน้ำ บางคนอาจจะใช้อัตรา 200-300 ซีซี ผสมน้ำ 200 ลิตร พ่นในนาข้าวเป็น 5-10 ไร่ แถมลงไปในนาเจอน้ำในนาจางลงไปอีก บางทีพ่นไปแทบจะไม่ได้ผลอะไรเลย แต่ถามว่ามันรักษาโรคข้าวได้ไหม จังหวะดีตรงโรคก็หาย แต่ใช้แล้วไม่หายก็มีเยอะแยะ
สิ่งสำคัญคือ น้ำยาล้างห้องน้ำ ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในทางการเกษตร ต่างจากสารเคมีที่ใช้ในการเกษตร จะมีค่าต่างๆที่วิเคราะห์มาแล้ว เช่น ค่าการสลายตัว ค่าการตกค้างในผลผลิต ซึ่งการใช้จะมีความปลอดภัยกับผู้บริโภคมากกว่า" .-008
"
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก : หมอแล็บแพนด้า , อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี