โยมรอบวัดธาตุทองจี้ถอนรากถอนโคนมารเกาะวัด-ตรวจสอบเงิน 150 ล้านหายไปไหน

โยมรอบวัดธาตุทองจี้ถอนรากถอนโคนมารเกาะวัด-ตรวจสอบเงิน 150 ล้านหายไปไหน

วันพฤหัสบดี ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2565, 20.19 น.

โยมรอบวัดธาตุทองจี้หน่วยงานเกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบเงิน 150 ล้านของวัดธาตุทองที่ล่องหนให้เกิดความชัดเจน ยอมรับตกใจข่าวฉาวเงินวัดหาย คนในวัดยกตู้บริจาคไปนับเงินที่บ้าน พร้อมเรียกร้องให้วัดปลดไวยาวัจกรฉาวเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้แน่ชัด และตั้งคณะกรรมการสอบถอนรากถอนโคนมารเกาะวัดให้หมด

จากกรณีที่ญาติโยมที่มาทำบุญภายในวัดธาตุทอง พระอารามหลวง เขตวัฒนา กทม.และเจ้าหน้าที่วัดได้วิพาษณ์วิจารณ์ถึงความไม่โปร่งใสในการบริหารเงินบริจาคของวัดธาตุทองหลังพบมีคนภายในวัดขนตู้บริจาคขึ้นรถไปนับเงินที่บ้าน รวมทั้งความไม่โปร่งใสในการจัดงานช่วงวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษาระหว่างวันที่ 13-21 ก.ค.65 ที่บริเวณลานจอดรถของวัด ตลอดจนมีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงความร่ำรวยผิดปกติของเจ้าหน้าที่ภายในวัดบางคน จนล่าสุดเมื่อวันที่ 20 ก.ค.65 ที่ผ่านมา พระราชบัณฑิต รองเจ้าคณะภาค 1-2-3 (ธรรมยุต) ได้มีหนังสือถึงพระราชวรญาณโสภณ เจ้าอาวาสวัดธาตุทอง ขอให้ตรวจสอบคุณสมบัติไวยาวัจกรและหรือถอดถอนไวยาวัจกรคนหนึ่งออกจากตำแหน่งภายใน 15 วัน เนื่องจากขาดคุณสมบัติตามกฎมหาเถรสมาคม และมีมลทินมัวหมองในความผิดเกี่ยวกับการเงินตามที่ข่าวเสนอไปแล้วนั้น


ล่าสุดเมื่อวันนี้ (21 ก.ค.65) ทีมข่าวเฉพาะกิจแนวหน้าออนไลน์ ได้ลงพื้นที่บริเวณโดยรอบวัดธาตุทอง พระอารามหลวง เพื่อสอบถามชาวบ้านในชุมชนใกล้วัดถึงประเด็นดังกล่าว โดยนางรุจินันท์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 52 ปี แม่ค้าขายของหน้าวัด กล่าวว่า เรื่องการยักยอกเงินวัดของไวยาวัจกรคนหนึ่งนั้น ไม่ทราบจริงๆ เพราะตนเองมาตั้งร้านตั้งแต่ 6 โมงเช้า เพื่อขายนักเรียนและคนทำงาน จนถึง 10 โมง ก็กลับเข้าบ้านไปเตรียมของมาขายรอบเย็นจนถึง 4 ทุ่ม ซึ่งที่วัดธาตุทองมีรถเข้าออกตลอดทั้งวัน จึงไม่เคยสังเกตว่ามีการยกตู้บริจาคเงินทำบุญออกไปข้างนอกหรือไม่ รู้แค่เพียงว่าต่อวันมีผู้มีจิตศรัทธาเข้ามาทำบุญจำนวนมาก

ส่วนข่าวที่ออกมาเกี่ยวกับเรื่องของวัดธาตุทองนั้นพอรู้มาบ้าง ได้แต่สงสัยใจในกระทั่งวันนี้ที่ทราบข่าวว่ามีการปิดบัญชีของวัด โดยไม่ทราบว่าเงินจำนวน 150 ล้านบาทไปอยู่ที่ไหน ยิ่งทำให้รู้สึกว่า 1 ใน 150 ล้านบาทนั้นจะมีเงินที่ถวายวัดทำบุญของใครบ้าง คิดแล้วก็เสียใจแทนกับวัดที่ไว้ใจคนผิด ซึ่งถ้าเงินหายไปจริงๆ ก็อยากให้มีการตรวจสอบเหมือนกรณีวัดอื่นๆ ที่เป็นข่าวดัง อย่าให้ชาวบ้านเกิดความสงสัย หรือความแคลงใจแล้วไม่อยากมาทำบุญเข้าวัดอีก เพราะวัดธาตุทองเป็นวัดที่ตั้งอยู่ในย่านพื้นที่เศรษฐกิจ ก็ไม่แปลกที่จะมีคนหวังหาผลประโยชน์จากวัด 

ส่วนเรื่องของไวยาวัจกรที่เป็นประเด็นอยู่นั้นก็อยากให้ทางวัดและเจ้าอาวาสตรวจสอบให้กระจ่าง หากกระทำผิดจริงต้องเอาผิดให้ถึงที่สุด เบื้องต้นก็อยากให้สั่งปลดไวยาวัจกรคนดังกล่าวก่อน เพื่อรอตรวจสอบข้อเท็จจริง 

เช่นเดียวกับนางสาวกาญจนา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี พนักงานบริษัทเอกชน กล่าวว่า ตนมาทำบุญที่วัดธาตุทองเป็นประจำเพราะที่ทำงานอยู่ใกล้กับวัด โดยทุกวันตอนเที่ยงจะมาไหว้พระในโบสถ์เพราะสงบไม่ค่อยมีคน ที่ผ่านมาก็พอทราบข่าวของวัดอยู่บ้างเรื่องของการจัดงานรื่นเริง ซึ่งตนก็มองว่ายังไม่สมควรให้รวมกลุ่มกันเพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ที่แพร่พันธุ์ใหม่ไปเรื่อยๆ แต่ในเมื่อมีงานจัดขึ้นมาแล้วก็เลยมาเดินเล่นหลังเลิกงานทุกวันเพื่อหาอะไรกินก่อนกลับบ้าน และวันนี้ (21 ก.ค.) เป็นวันสุดท้ายแล้ว แต่ฝนตกลงมาเรื่อยๆ เลยตั้งใจว่าจะซื้อของกินกลับไปกินที่บ้านแทน ประกอบกับเป็นคนที่ชอบเข้าวัดทำบุญอยู่แล้วก่อนกลับก็ไม่ลืมที่จะทำบุญเหมือนทุกครั้ง 

นางสาวกาญจนา เล่าด้่วยว่า ในทุกวันจะมาหยอดเงินทำบุญด้านหน้าตู้ละ 10-20 บาท เพราะทำบุญตามกำลังมีน้อยมีมากแล้วแต่เราจะทำ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาก็ได้อ่านข่าวว่ามีไวยาวัจกรคนหนึ่งแอบนำตู้ทำบุญบริจาคกลับไปนับเงินที่บ้าน ก็รู้สึกตกใจและคิดติดตลกนิดหน่อยว่าจะใช่ตู้ที่เราหยอดหรือไม่ แต่เราหยอดทุกตู้ก็น่าจะตู้เราด้วย แรกๆ ที่อ่านก็รู้สึกโกรธ แต่คิดว่าเราทำบุญให้วัดไปแล้วใครคิดไม่ดีหรือยักยอกเงินวัดก็ขอให้รับกรรมของเขาไป เราเป็นพุทธก็เชื่อในกฎแห่งกรรมมาตลอด 

ล่าสุดวันนี้ได้อ่านข่าวบัญชีวัดถูกปิดโดยไวยาวัจกร ก็ยังคิดว่าเป็นคนเดียวกันหรือเปล่า ทำไมถึงกล้าทำผิดไม่รู้จักจบสิ้น ยิ่งทราบตัวเลขว่ามีเงินในบัญชี 150 ล้านบาทก็รู้สึกว่าเงินจำนวนมากขนาดนี้ ถ้าตรวจสอบจริงๆ ก็ไม่น่าจะยาก อยากให้ทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบเงินจำนวนนี้โดยเร็ว เพราะเห็นวัดอื่นๆ ยังตรวจสอบจับได้กับวัดธาตุทองที่มีผลประโยชน์มหาศาลก็คงตรวจสอบไม่ยาก ถ้าคิดจะทำจริงๆ ปัจจุบันคนเริ่มหมดศรัทธาในการเข้าวัด จึงเห็นว่าควรจัดระเบียบวัดแบบจริงจังสักที ไม่ใช่แค่จัดระเบียบวัดธาตุทองเพียงวัดเดียว แต่ควรจัดระเบียบทุกวัดทั่วประเทศ เพราะวัดไหนที่มีชื่อเสียงก็ยิ่งมีผลประโยชน์มาเกี่ยวข้องแทบทั้งสิ้น ส่วนใหญ่มักมีเรื่องเงินมากเกี่ยวข้อง

สำหรับตัวไวยาวัจกรที่เป็นข่าวฉาวก็อยากให้ส่วนกลางของวัดตั้งคณะกรรมการสอบถอนรากถอนโคนตั้งแต่ตัวเล็กไปยันตัวใหญ่ให้หมดสิ้น เพราะตนถือว่าเป็นมารเกาะวัด จึงอยากให้สั่งปลดเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้แน่ชัดเสียก่อน - 003

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top