เป็นเหตุสลดที่ไม่มีใครอยากให้เกิด กับกรณีเพลิงไหม้สถานบันเทิง “เมาน์เท่น บี” อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เมื่อวันที่5 ส.ค. 2565 เบื้องต้นรายงานผู้เสียชีวิตแล้ว 15 ราย และบาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ครั้งนี้ถูกเปรียบเทียบกับ “ซานติก้าผับ” เหตุเพลิงไหม้สถานบันเทิง มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากเช่นเดียวกัน ในคืนส่งท้ายปีเก่า 2551-ต้อนรับปีใหม่ 2552 จนดูเหมือนว่า “ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย” ความสูญเสียในอดีตไม่ได้ถูกถอดบทเรียนเพื่อป้องกันเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้นได้อีกในอนาคต
บทความ “ถอดรหัสร้อน...ไฟไหม้ผับชลบุรี และ 10 เสนอแนะแก้ปัญหา-ป้องกันเกิดซ้ำรอย” ซึ่งเขียนโดย สุพรรณ ทิพย์ทิพากร หัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุความเสี่ยงของสถานบันเทิง เมาน์เท่น บี ไว้ดังนี้ 1.ด้านหน้ามีทางออกทางเดียว ซึ่งตามกฎหมายสำหรับสถานบริการที่จุคนได้สูงสุด 400 คนจะต้องมีทางหนีไฟ (Fire Exit) ไม่น้อยกว่า 3 แห่ง
ซึ่งหากมีเวทีแสดงก็จะต้องมีประตูหนีไฟเพิ่มอีก 1 จุด ด้านหลังเวทีโดยผลักออกได้ทางเดียว แต่ในที่เกิดเหตุมีประตูหลักด้านหน้าเป็นบานกระจกคู่ ด้านข้างมีอีก 1 ประตู แต่ตกแต่งสีกลมกลืนกับผนังในอาคาร มีเพียงพนักงานที่ทราบ ส่วนด้านหลังเป็นประตูธรรมดาบานเดียว 2.มีถังดับเพลิงเพียง 2 ชุดเท่านั้น สถานบริการประเภท ค ซึ่งมีพื้นที่มากกว่า 500 ตารางเมตร จะต้องมีระบบดับเพลิงอัตโนมัติที่มีประสิทธิภาพ เพียงพอและเหมาะสม
3.การบุผนังและเพดานด้วยแผ่นซับเสียงซึ่งทำมาจากโพลีสไตรีน หรือโพลียูรีเทน หรือ โพลีโพรพิลีน ทนไฟได้เพียง 200 กว่าองศาเซลเซียส สามารถลุกติดไฟได้ ซึ่งขัดกับกฎกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการก่อสร้างโรงมหรสพ ที่ระบุให้ต้องใช้แผ่นซับเสียงหรืออุปกรณ์ที่ทนไฟได้เกิน 750 องศาเซลเซียส แม้ราคาจะสูงกว่าแต่มีความปลอดภัย และ 4.การขาดระบบไฟฉุกเฉินหรือจ่ายไฟฟ้าสำรอง เมื่อเกิดเหตุไฟไหม้หรือไฟฟ้าดับ ภายในสถานบริการต้องมีเครื่องหมายแสดงเส้นทางฉุกเฉิน ระบบสัญญาณเตือนเพลิงไหม้และไฟส่องสว่าง
เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยในครั้งต่อๆ ไปอีก อาจารย์สุพรรณ เสนอแนะข้อควรปฏิบัติไว้ 10 ประการ 1.การออกแบบอาคารและก่อสร้างต้องคำนึงถึงมาตรฐานทางวิศวกรรมความปลอดภัย รวมทั้งการระบายควันจากอัคคีภัย และปฏิบัติตามกฎหมายควบคุมอาคาร “ราชกิจจานุเบกษา กฎกระทรวง กำหนดประเภทและระบบความปลอดภัยของอาคารที่ใช้เพื่อประกอบกิจการเป็นสถานบริการ พ.ศ. 2555” เช่น มีจำนวนทางหนีไฟ (Fire Exit) ตามที่กำหนด มีระบบดับเพลิงอัตโนมัติที่มีประสิทธิภาพ เพียงพอและเหมาะสมกับจำนวนพื้นที่และผู้มาใช้บริการ
การเดินสายไฟฟ้า ระบบเสียงและระบบสัญญาณต่างๆ ให้เดินในรางหรือร้อยท่อสายไฟซึ่งทำด้วยโลหะ ต้องฝึกซ้อมแผนฉุกเฉิน เป็นต้น 2.ต้องมีระบบสายไฟฟ้าที่มีมาตรฐานที่ออกแบบวางแผนตามหลักวิศวกรรม พร้อมอุปกรณ์ตัดไฟและติดตั้งโดยผู้เชี่ยวชาญทางวิชาชีพ 3.ควรติดตั้งแบบแปลนแผนผังอาคาร ซึ่งแสดงตำแหน่งที่ติดตั้งอุปกรณ์ดับเพลิง ทางหนีไฟ ทางออก และประตูทางออก ไว้ในตำแหน่งที่ผู้มาใช้บริการเห็นได้ชัดเจน 4.จัดให้มีระบบไฟฟ้าสำรอง สำหรับระบบสัญญาณเตือนเพลิงไหม้ ไฟฉุกเฉิน ป้ายบอกทางหนีไฟชนิดเรืองแสง
5.ควบคุมความจุคนของผู้ใช้บริการหรือผู้ที่เข้าร่วมงานที่มีความเหมาะสม เพื่อความปลอดภัย ในการใช้อาคาร 6.ควรฝึกซ้อมแผนฉุกเฉินแก่พนักงาน เพื่อเป็นผู้นำแก่ลูกค้าในยามเกิดเหตุ โดยกำหนดบุคคลและบทบาทหน้าที่ชัดเจนในระบบดูแลความปลอดภัยและการป้องกันอันตรายจากอัคคีภัยตลอดเวลาที่เปิดบริการ และเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ใครต้องทำอะไร 7.ก่อนเปิดบริการหรือจัดงานอีเว้นท์ ควรจัดให้มีการตรวจสอบเครื่องดับเพลิง หรืออุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในการดับเพลิงให้มีความพร้อมใช้งานได้ตลอดเวลาที่มีการเปิดบริการ
8.ระหว่างจัดงานหรือเปิดบริการ ควรประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใช้บริการและผู้เข้าร่วมงานทราบ ถึงทางเข้าออกและทางหนีไฟรวมทั้งข้อควรปฏิบัติกรณีเหตุฉุกเฉิน 9.วัสดุโฟมซับเสียงหลีกเลี่ยงการตกแต่งอาคารสถานที่ด้วยวัสดุตกแต่งที่ติดไฟง่ายหรือลามไฟเร็ว และงดการใช้อุปกรณ์เอฟเฟกท์ ของเล่น ที่ทำให้เกิดประกายไฟในสถานที่จัดงานหรือสถานบริการโดยเด็ดขาด และ 10.ควรพิจารณาทำประกันภัย เพื่อคุ้มครองเหตุที่อาจเกิดโดยไม่คาดคิด
อาจารย์สุพรรณ ยังให้ความเห็นกับผู้สื่อข่าวเพิ่มเติมใน 3 เรื่อง 1.ประตูหนีไฟที่ไม่ควรถูกล็อกหรือปิดกั้น โดยกรณีของ เมาน์เท่น บี ที่พนักงานอ้างว่าต้องล็อกไว้เพราะเคยมีนักดนตรีแอบพาเพื่อน แฟน หรือเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้ามาจริงๆ แล้วสามารถติดตั้งระบบสัญญาณเตือนกับประตูหนีไฟได้ โดยหากมีผู้ไปเปิดประตูก็จะมีเสียงเตือน ไม่จำเป็นต้องปิดล็อกหรือหาอะไรไปกั้นไว้ และหากจะใช้ประตูเพื่อขนย้ายสิ่งของก็สามารถปิดสัญญาณเตือนเฉพาะเวลานั้นก็ได้ อีกทั้งยังสามารถติดตั้งกล้องวงจรปิดเพื่อตรวจสอบได้ด้วยหากมีผู้แอบเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต
2.เรื่องของสายไฟและปัญหาไฟฟ้าลัดวงจร จากกรณีที่มีผู้ให้ข้อมูลว่า วันก่อนเกิดเหตุเพลิงไหม้ เมาน์เท่น บี
พบปัญหาไฟฟ้าติดๆ ดับๆ จึงมีการเรียกช่างไปซ่อมแซม ประเด็นนี้ตนมองว่าอาจเกิดไฟฟ้าลัดวงจรขึ้นจริงๆ ก็ได้ หากการคำนวณการติดตั้งสายไฟกับเบรกเกอร์ไม่สอดคล้องกัน เช่น สมมุติสายไฟทนกระแสไฟฟ้าได้ 20 แอมป์ แต่เบรกเกอร์จะตัดกระแสไฟฟ้าที่ 50 แอมป์ เมื่อมีการใช้กระแสไฟฟ้าระดับ 30 แอมป์
ซึ่งเกินความทนทานของสายไฟ แม้สายไฟจะเริ่มค่อยๆ หลอมละลาย แต่เบรกเกอร์ก็จะยังไม่ตัดไฟ ทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร
โดยเมื่อพบปัญหาไฟฟ้าติดๆ ดับๆ ช่างบางรายอาจแก้ปัญหาแบบเอาง่ายเข้าว่า ด้วยการไปเปลี่ยนเบรกเกอร์ให้มีขนาดใหญ่ขึ้นโดยไม่ได้ตรวจสอบว่าสายไฟที่ใช้รองรับการใช้กระแสไฟฟ้าในสถานที่นั้นได้หรือไม่ ทั้งนี้ โคมไฟโดยเฉพาะสปอตไลท์นั้นใช้กระแสไฟฟ้ามาก เมื่อกระแสไฟฟ้ามีมากกว่าที่สายไฟทนได้
กระแสไฟฟ้ายังไหลอยู่ แต่ก็จะเกิดอาการร้อนจนสังเกตเห็นการปะทุซึ่งอาจลุกลามไปยังวัสดุอื่นๆ ที่เป็นเชื้อเพลิงได้
สุดท้ายคือ 3.แผ่นกันเสียง แม้ตามข่าวจะเห็นเจ้าของบริษัทที่รับฉีดพ่นน้ำยาโฟมซับเสียง ได้ทดลองจุดไฟให้สื่อมวลชนดูซึ่งพบว่าไฟไม่ลุกลาม เรื่องนี้เป็นด้านหนึ่ง แต่อีกด้านหนึ่งภายในร้านก็พบการใช้ฟองน้ำรังไข่สำหรับป้องกันเสียงซึ่งเป็นวัสดุที่ไม่ทนความร้อน ทำให้เมื่อเกิดเพลิงไหม้จึงลุกลามอย่างรวดเร็ว ดังนั้นในเมื่อกฎหมายกำหนดให้สถานที่ใดต้องใช้วัสดุทนความร้อนสูง ก็ควรปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดจะดีกว่า
“ถ้าผู้ประกอบการนึกสักหน่อยว่าคนที่มาเที่ยว ถ้าเป็นคนที่เขารักเขาจะทำอย่างนี้หรือเปล่า ลูกหลานเขามาเที่ยวมาเล่นต้องมาเสี่ยง แล้วประวัติศาสตร์มันไม่ใช่ไม่เคยมีนะซานติก้าที่ไหม้เมื่อปี 2551 ก่อนหน้านี้ที่อเมริกามันมีที่โรดไอส์แลนด์ มีนักดนตรี เอาไฟไปเล่นที่เวที มันเคยเกิดขึ้นมาแล้วก็ตายกันมาตั้งเยอะแล้ว เมืองไทยทำไมไม่เอาบทเรียนตรงนี้มาเรียนรู้” อาจารย์สุพรรณ ฝากทิ้งท้าย
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี