วันที่ 23 ส.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับกรณีเกิดเหตุต่อหัวเสือรุมต่อยนางสาวนันทิดา หรืออ้อย (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี ชาวบ้านหมู่ 9 บ้านบุ่งเวียน ต.ท่าค้อ อ.เมือง จ.นครพนม จนเสียชีวิตโดยเหตุเกิดหลังบ้านญาติคือนางสิริลักษณ์ อายุ 58 ปี ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านผู้เสียชีวิตประมาณ 100 เมตร เหตุเกิดเมื่อวันที่ 21 ส.ค.65 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ น.ส.อ้อย ผู้เสียชีวิตป่วยเป็นโรคโปลิโอขาลีบทั้งสองข้างและแขนขวาลีบตั้งแต่กำเนิด ก่อนเกิดเหตุสลดมีหลานชายชื่อน้องเก้า อายุ 12 ขวบ และน้องบุญรอด อายุ 10 ขวบ พาผู้เสียชีวิตขึ้นรถเข็นไปนั่งเล่นที่กระท่อมหลังบ้านนางสิริลักษณ์ ที่มีตัวต่อหัวเสือทำรังโคนต้นกล้วย และทางเจ้าของบ้านรู้มาก่อนว่ามีรังต่อที่เกิดจากธรรมชาติ แต่เก็บรักษาไว้กินเป็นอาหาร พอมีขนาดรังโตเต็มที่ แต่มาเกิดเหตุร้ายเสียก่อน
ขณะนั่งเล่นหลานชายทั้ง 2 คนคือน้องเก้า อายุ 12 ขวบ ได้โยนกิ่งไม้ไผ่ทิ้งไปในป่าต้นกล้วย ซึ่งห่างจากกระท่อมประมาณ 10 เมตร ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์และไปโดนรังต่อทำให้แตกรังยกทัพมารุมต่อย น.ส.อ้อย สาวพิการที่นั่งเล่นเกือบยกรัง ร้องครวญครางขอความช่วยเหลือ เพราะวิ่งหนีไม่ได้ เนื่องจากแขนขาพิการ
โดยน้องบุญรอด ตกใจวิ่งหนี แต่ขณะที่ทางด้านน้องเก้า ฮึดสู้กองทัพตัวต่อ ทั้งที่ตัวเองถูกรุมต่อยด้วย เข้าไปช่วยลากสาวพิการออกมาจากกระท่อมส่วนน้องบุญรอดวิ่งไปเจอชาวบ้านจึงบอกให้มาช่วย กระทั่งมีชาวบ้านมาช่วยนำน้ำฉีดหาทางช่วยเหลือ กว่าตัวต่อจะสลาย น.ส.อ้อยก็อยู่ในสภาพบอบช้ำถูกกองทัพต่อหัวเสือรุมต่อยทั้งตัว จึงช่วยกันนำส่งโรงพยาบาลนครพนม ทั้งสาวพิการรวมถึงน้องเก้าหลานชายที่ถูกตัวต่อต่อยกว่า 20 ตัว ระบมทั้งตัว
ต่อมาในวันเดียวกัน น.ส.อ้อยได้ออกจาก รพ.นครพนม เพื่อมาสังเกตอาการที่บ้าน กระทั่งกลางดึกของวันที่ 22 สิงหาคม 2565 น.ส.อ้อย มีอาการไม่ดี ญาติจึงนำส่ง รพ.นครพนมอีกครั้ง แต่สาวพิการเหยื่อต่อหัวเสือได้เสียชีวิตจากอาการแพ้พิษต่อรุนแรง ซึ่งญาตินำศพทำการฌาปนกิจศพในวันนี้ท่ามกลางความสลดของญาติพี่น้อง
ทั้งนี้ ต่อหัวเสือ ถือเป็นสัตว์ปีกมีพิษที่อันตราย ในช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนตุลาคม เป็นฤดูกาลของต่อหัวเสือทำรัง และมีชาวบ้านบางส่วนนิยมนำมาเลี้ยง รวมถึงเกิดเองตามธรรมชาติ ถือว่าเสี่ยงอันตรายมาก ต้องระมัดระวัง เพราะหากพลาดถูกต่อยอันตรายถึงชีวิต ทั้งนี้เตือนเป็นอุทาหรณ์สำหรับอันตรายจากต่อหัวเสือ
ด้านน้องเก้า อายุ 12 ปี ผู้รอดชีวิตจากต่อหัวเสือ เล่านาทีชีวิตว่า ขณะนั่งเล่นในกระท่อมหลังบ้านป้าและมีรังต่อทำรังตรงโคนต้นกล้วย ซึ่งเห็นมานานแล้ว แต่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ว่าจะมารุมต่อยทำร้าย โดยนั่งเล่นกันทั้งหมด 3 คน มีผู้เสียชีวิตกับตนและน้องชาย คือ น้องบุญรอด จากนั้นตนได้โยนไม้ไผ่ที่นำมาเล่นทิ้งเข้าไปในป่ากล้วย บังเอิญไปถูกรังต่อ และแตกรังยกทัพมารุมต่อย ผู้ตายจนดำไปทั้งตัว แต่ตนตัดสินใจฮึดสู้ เพราะสงสารน้าสาวที่ถูกต่อย พยายามเข้าไปช่วยชีวิต ทั้งที่ตนถูกรุมต่อยด้วยไม่ต่ำกว่า 20 ตัว ซึ่งยังมีบาดแผลระบมไปทั้งร่าง โชคดีปลอดภัยไม่อันตรายถึงชีวิต เพราะมีชาวบ้านได้ยินเสียงตะโกนขอความช่วยเหลือ เข้ามาหาทางช่วยไว้ได้ทัน ส่วนน้องบุญรอดโดนต่อยแค่ 1 ตัว หลังเห็นท่าไม่ดีรีบวิ่งไปเรียกญาติ และชาวบ้านมาช่วย
ส่วนนายชะพร (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 55 ปี ญาติผู้ตาย เล่าช่วงนาทีชีวิตที่เข้าไปช่วยผู้ตายอีกคนว่า ตนเลี้ยงวัวอยู่ใกล้จุดเกิดเหตุไม่ไกลมากนัก ได้ยินเสียง หลานชาย หลานสาว ตะโกนร้องไห้ และร้องขอความช่วยเหลือว่าถูกต่อต่อย จึงรีบวิ่งมาดู หาทางช่วย พบเห็นกองทัพต่อ ยกทัพออกมารุมต่อยหลานสาวที่เสียชีวิต รวมถึงหลานชาย คือ น้องเก้า ที่พยายามเข้าไปช่วย และนำสายยางน้ำประปามาฉีดไล่ตัวต่อช่วยชีวิตชุลมุน โดยไม่คิดชีวิต เพราะสงสารหลานสาวที่พิการ วิ่งไม่ได้ถูกรุมต่อย
จนกระทั่งแม่ต่อสลายตัว บินกลับรัง จึงพยายามลากตัวออกมาจากกระท่อมจุดเกิดเหตุ เร่งประสานไปยังรถกู้ชีพ มาช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลนครพนม สุดท้ายไม่รอดชีวิต เพราะถูกแม่ต่อรุมต่อยเกือบยกรัง ทำให้ทนพิษแม่ต่อไม่ไหว เชื่อว่าส่วนหนึ่งร่างกายไม่แข็งแรงแพ้พิษต่อ จนเสียชีวิตสลด นึกถึงสภาพยังน่ากลัวมาก - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี