เสียงจาก‘แม่กลอง’!ทุกข์ใหญ่ๆของสองแถว‘รถเมล์เล็ก’ ภาวะสุ่มเสี่ยง‘ลด-เลิก’
24 สิงหาคม 2565 นายเล็ก ดาวโด่ง อายุ 69 ปี อาชีพขับรถเมล์เล็กสองแถวสายแม่กลอง-คลองกก ลาดเป้ง-บังปืน-สุนัขหอน ร้องทุกข์กับผู้สื่อข่าว จ.สมุทรสงคราม ว่า ชีวิตคนขับรถเมล์เล็กสองแถวกำลังได้รับความเดือดร้อนมาก เนื่องจากผลกระทบจากโรคโควิด-19 รอบแรกๆพอทนได้ พอรอบ 2 ถึงรอบ 4 ของการแพร่ระบาด ถือว่าไม่เผาหลอก แต่เผาจริง ถ้าภาครัฐไม่ช่วยมีหวังแย่งข้าวสุนัขกินแน่นอน
นายเล็ก กล่าวว่า คนขับรถเมล์สองแถวรับส่งผู้โดยสารใน จ.สมุทรสงคราม มีด้วยกันกว่า 10 สาย กำลังได้รับความเดือดร้อนหนักจากการขาดรายได้ จากเดิมเหลือเก็บประมาณวันละ 500 กว่าบาท หากมีรายการเหมาเช่าจะเหลือเงินประมาณวันละ 1,000-1,500 บาท มีเงินเหลือเก็บไว้ซ่อมรถได้สบายมาก แต่ปัจจุบันไม่เหลือเก็บไว้ซ่อมรถ ไม่เหลือเงินเข้าบ้าน ไม่เหลือเงินให้ครอบครัว รวมทั้งกินใช้และให้ลูกเรียนหนังสือ ในที่สุดต้องหยุดวิ่งรับคนโดยสาร บางสายเคยมีรถรับส่งผู้โดยสารกว่า 20 คัน ตอนนี้เหลือไม่ถึง 4 คันที่วิ่งกันได้ เพราะเหมือนการทำหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบผู้โดยสาร หากรถเมล์หยุดวิ่งทั้ง จ.สมุทรสงคราม ชาวบ้านระดับรากหญ้าจะลำบาก บางคนทนวิ่งไม่มีค่าเติมน้ำมันรถ ก็ต้องไปกู้เงินนอกระบบมาใช้ กลายเป็นวัวพันหลัก หรือดินพอกหางหมู ยิ่งดิ้นยิ่งอาการหนัก จะบอกขายรถพร้อมคิว ก็ไม่มีใครกล้าซื้อ
“รถเมล์เล็กสองแถวในตลาดแม่กลองที่วิ่งรับส่งผู้โดยสารประมาณ 15 สาย ตอนนี้เหลือไม่ถึง 10 สาย บางสายเลิกกิจการไปเลย แขวนป้ายแจ้งขนส่งเลิกกิจการ สายที่ยังวิ่งอยู่จากสายละ 10-20 คัน เหลือสายละ 2-3 คัน นอกนั้นแจกหยุด แจ้งเลิก เพราะทนภาวะขาดทุนไม่ไหว ยิ่งมาโดนค่าน้ำมันขึ้นราคาแบบควบคุมไม่ได้ ราคาน้ำมันสูงขึ้นทุกวัน จึงไม่ใครเอารถออกมาวิ่งรับส่งผู้โดยสาร ถ้าออกมาวิ่งก็ขาดทุนอย่างน้อยก็วันละ 200-500 บาท ขาดทุนเกือบทุกวัน หนักเข้าไม่ไหวต้องแจ้งเลิก แจ้งหยุด ในแม่กลองน่าจะถึง 500 กว่าคัน ที่แจ้งเลิก แจ้งหยุดชั่วคราว แต่ส่วนใหญ่ แจ้งเลิกกิจการไปเลย” นายเล็ก กล่าว
คนขับรถเมล์สองแถวรายนี้ กล่าวอีกว่า ที่อยู่ได้ในขณะนี้ คือ ได้ผู้โดยสารที่เป็นนักเรียนมาโรงเรียน ถ้าไม่ได้เด็กนักเรียน มีแต่ผู้โดยสารตามปกติ กิจการรถเมล์เล็กสองแถวแจ้งเลิกได้เลย ตอนที่โควิดระบาดหนักๆ โรงเรียนปิด เด็กเรียนทางออนไลน์ ครูสอนทางออนไลน์ ไม่มีเด็กมาโรงเรียน ไม่มีครูเดินทางมาสอน มีแต่ผู้โดยสารตามปกติ รถเมล์แทบอยู่ไม่ได้ ที่อยู่ได้เพราะหน้าที่ต้องรับผิดชอบ และสงสารผู้โดยสาร หากรถเมล์หยุดวิ่งรับส่งผู้โดยสาร ชาวบ้านจะได้รับความเดือดร้อนอย่างสาหัส
นายเล็ก ระบุว่า ที่อยู่กันได้ในขณะนี้เพราะได้เด็กนักเรียนช่วย และกรมขนส่งอนุมัติให้ขึ้นค่าโดยสารระยะ 2 บาท เช่น เคยเสียค่าโดยสาร 18 บาท ปรับราคาเป็น 20 บาท ที่ขาดผู้โดยสารเพราะผู้ปกครองก็ไม่ออกมาตัวเมือง กลัวเชื้อโรคโควิดที่ระบาดเต็มเมืองในขณะนั้น แม้แต่การสั่งอาหาร ของกินของใช้ ก็สั่งทางออนไลน์ ทางโทรศัพท์ จึงไม่จำเป็นต้องเข้าในตัวเมือง แถมยังมีตลาดนัดในชุมชนเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ไม่ต้องออกมาจ่ายของที่ตลาด
“ช่วงนั้นรถเมล์เหลือสายละ 3 คัน บางวันเหลือ 1-2 คัน บางครั้งต้องผลัดกันวิ่งคันละ 2 วัน ตอนนี้โรงเรียนเริ่มเปิดเรียนก็ดีขึ้นบ้าง แต่ยังเดือดร้อนอยู่ดี ช่วงบ่ายจะต้องหยุดวิ่ง วิ่งช่วงเช้ากับเย็น จะมีรถเมล์อยู่ตลอดเพราะมีผู้โดยสารคือเด็กนักเรียน และผู้ปกครอง ที่ออกมาทำงาน และกลับมาจากที่ทำงาน กลับบ้านในช่วงเย็น หลายสายหยุดวิ่งช่วงบ่ายๆ เดี๋ยวนี้ผู้โดยสารส่วนใหญ่จะมีรถยนต์ หรือจักรยานยนต์ (จยย.) ส่วนตัว ซื้อให้ลูกหลานไปโรงเรียน ไม่ต้องขึ้นรถเมล์ หรือโดยสารมากับพ่อกับแม่ และญาติ ๆตลอดจน เพื่อนบ้านติดรถออกมาไม่ต้องรอขึ้นรถเมล์ ทำให้กิจการรถเมล์ขาดรายได้ประจำเป็นจำนวนมาก เราก็ทำใจปลงให้ตก” นายเล็ก กล่าว
อย่างไรก็ตามมีเจ้าของบริษัทเดินรถ คือ บริษัท ดำรงกุล การโยธาและขนส่ง จำกัด ซื้อสัมปทานเดินรถเมล์มาจาก บริษัท แม่กลองขนส่ง จำกัด เข้ามาบริหารงานขนส่งในช่วงวิกฤต ยอมขาดทุนในช่วงโควิดระบาด ลดค่าคิวให้ทุกสาย คอยเยียวยาตลอดในช่วงที่คนขับรถเมล์เดือดร้อนมากที่สุด เหมือนคนจะจมน้ำตาย มีคนใจบุญใจดี โยนต้นกล้วยมาให้เกาะ พร้อมว่ายเข้าหาฝั่งได้อย่างปลอดภัย และยังมีความหวังเพิ่มขึ้นเมื่อทราบว่ารัฐบาลกำลังหาแนวทางช่วยผู้กอบการเดินรถเมล์ทั่วประเทศที่ได้รับความเดือดร้อน
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี