วันที่ 27 ส.ค.65 ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก พ.ต.อ.ยุทธนา ศิริสมบัติ ผกก.บ่อผุด อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้รับแจ้งจาก ร.ต.อ.ระวิ ณ บุญโณ รองสารวัตรสอบสวน ว่ามีนักท่องเที่ยวชื่อนายฮานีฟี เมอร์ท ( Hanifi Mert) อายุ 25 ปี สัญชาติเนเธอร์แลนด์ ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ว่าโทรศัพท์ยี่ห้อไอโฟน 13 โปร พร้อมด้วยเงินสด 15,000 บาท ได้หายไปจากการถูกล้วงกระเป๋าในสถานบันเทิงแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่บริเวณถนนเลียบชายหาดเฉวงเมื่อวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมา ขณะกำลังเต้นตามจังหวะเสียงเพลงภายในสถานบันเทิงดังกล่าว
จึงได้ประสานไปยัง พ.ต.ท.อนุมัติ รื่นพานิช รอง ผกก.สืบสวน และ พ.ต.ต.วรรณชัย สุขแจ่ม สารวัตร ปราบปรามฯ พร้อมกำลังให้ลงพื้นที่ตรวจสอบทันทีโดยได้ตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดภายในสถานบันเทิงดังกล่าวพบมีชายวัยรุ่นสวมเสื้อคอกลมสีขาวมือขวาถือขวดเบียร์ กำลังใช้มือซ้ายล้วงกระเป๋าแบบสะพายของนายฮานีฟี เมอร์ท ขณะกำลังเต้นอย่างสนุกสนาน โดยได้ทรัพย์สินเป็นโทรศัพท์มือถือพร้อมด้วยเงินสดไป
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกติดตามตัวคนร้ายรายนี้และได้มาพบคนร้ายที่มีรูปพรรณตรงกับที่กล้องวงจรปิดบันทึกไว้ได้ กำลังซื้อเครื่องดื่มภายในร้านมินิมาร์ทถนนเลียบชายหาดเฉวง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตัวเข้าจับกุม จากการตรวจสอบพบว่าคนร้ายรายนี้ชื่อนายเติ้ง อายุ 30 ปี เป็นชาวเวียดนาม เจ้าหน้าที่ได้ขอหนังเสือเดินทางแต่นายเติ้ง แจ้งว่าหาย เจ้าหน้าที่จึงให้นายเติ้ง ดูรูปภาพวันก่อเหตุนายเติ้ง ยอมรับว่าเป็นภาพของตนจริง ส่วนโทรศัพท์ที่ขโมยมาได้ส่งพัสดุไปขายที่กรุงเทพฯ แล้วเครื่องละ 4,000 บาท เจ้าหน้าที่จึงได้ประสานเพื่ออายัดพัสดุกล่องดังกล่าว โดยพบว่ามีโทรศัพท์จำนวน 3 เครื่องเป็นโทรยี่ห้อไอโฟนจำนวน 2 เครื่อง และโทรศัพท์ยี่ห้อซัมซุง 1 เครื่อง
ต่อมานายฮานีฟี เมอร์ท ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาตรวจสอบโทรศัพท์ที่ถูกขโมย โดยนายฮานีฟี เมอร์ท ได้ยืนยันว่าโทรศัพท์ยี่ห้อไอโฟนที่ตำรวจยึดมาได้เป็นของตนเอง 1 เครื่องเป็นโทรศัพท์ยี่ห้อไอโฟน 13 โปร โดยนายฮานีฟี เมอร์ท กล่าวว่า ตนดีใจอย่างมากที่ได้โทรศัพท์คืนพร้อมยกมือไหว้ขอบคุณ และชื่นชมการทำงานของตำรวจไทยที่ใช้เวลาในการติดตามโทรศัพท์มาคืนได้อย่างรวดเร็ว ทำให้มีความประทับใจ ซึ่งความประทับใจนี้ตนจะบอกต่อเพื่อนๆ ให้มาเที่ยวเกาะสมุย นอกจากนี้นายฮานีฟี เมอร์ท ยังมีแผนที่จะมาทำธุรกิจที่เกาะสมุยในอนาคตด้วย
จากการสอบถามนายเติ้ง ผู้ต้องหาชาวเวียดนามรายนี้กล่าวว่า เดินทางมาจากเวียดนามผ่านประเทศกัมพูชา โดยได้จ่ายเงินจำนวน 7,000 บาทให้กับผู้นำพาชาวกัมพูชาเพื่อเดินทางเข้าประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติ จากนั้นเมื่อถึงเขตประเทศไทยได้มีรถกระบะตู้ทึบมารับเพื่อมาส่งที่กรุงเทพฯ พร้อมด้วยชาวเวียดนามและชาวกัมพูชาอีกประมาณ 10 คนในการหลบหนีเข้าประเทศไทย จากนั้นได้เดินทางมายังเกาะสมุย เนื่องจากตนเคยอยู่ที่ประเทศไทยและมาขายของที่เกาะสมุยกว่า 10 ปีจึงทำให้สามารถพูดไทยได้
เจ้าหน้าที่จึงนำตัวนายเติ้ง ผู้ต้องหาชาวเวียดนามส่ง ร.ต.อ.ระวิ ณ บุญโณ รองสารวัตรสอบสวน พร้อมแจ้งข้อกล่าวหานายเติ้ง ในข้อหาหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฏหมาย และข้อหาลักทรัพย์ จากนั้นได้นำตัวหัวขโมยมือไวชาวเวียดนามไปดำเนินคดีต่อไป
สำหรับการดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว พ.ต.อ.ยุทธนา ศิริสมบัติ ผกก.สภ.บ่อผุด ได้ร่วมกับนายชยพล อินทรสุภา นายอำเภอเกาะสมุย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกตรวจสถานบันเทิง รวมถึงจุดที่นักท่องเที่ยวต่างชาติรวมตัวกันมากๆ เพื่อดูแลความปลอดภัยตามนโยบายของรัฐบาล ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 และผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานีที่ให้ความสำคัญความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่ - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี