เมื่อเข้าฤดูฝนสิ่งหนึ่งที่มักหลีกเลี่ยงได้ยากคือ “น้ำท่วม” อย่างในประเทศไทยที่กรุงเทพฯ และอีกหลายจังหวัดต้องคอยติดตามพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิดเพราะฝนตกทีไรก็ต้องลุ้นว่าน้ำจะท่วม (หรือผู้หลักผู้ใหญ่บางท่านก็อยากให้เรียกน้ำขังรอการระบาย) หรือไม่ เพราะท่วมทีไรก็ทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างทุลักทุเล นอกจากนั้นแล้วยังต้องพะวงกับอันตรายที่มากับน้ำ เช่น สัตว์มีพิษ จระเข้หลุดจากฟาร์ม ไปจนถึง “ไฟดูด” ที่มีข่าวพบผู้เคราะห์ร้ายอยู่เนืองๆ
สุพรรณ ทิพย์ทิพากร หัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้าคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล อธิบายความหมายของถ้อยคำที่ใช้เรียกอันตรายจากไฟฟ้าซึ่งพบบ่อยๆ ในสื่อ โดย “ไฟรั่ว”กับ “ไฟดูด” หมายถึงไฟฟ้าที่รั่วออกจากสายไฟหรือโครงโลหะของอุปกรณ์ที่มีความชำรุดแล้วดูดเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งจะแตกต่างจาก “ไฟช็อต” หรือ “ไฟฟ้าลัดวงจร” ที่มีสาเหตุจากตัวนำทองแดงภายในฉนวนของสายไฟมีการแตะถึงกัน ซึ่งกระแสไฟฟ้าลัดวงจรนั้นจะช็อตไหลลัดไม่ผ่านเครื่องใช้ไฟฟ้าโดยมีความรุนแรงและมีปริมาณกระแสที่สูงมาก เป็นเหตุให้เกิดอัคคีภัยได้
“ผู้ที่ถูกไฟดูดจากไฟรั่วขณะน้ำท่วมขัง หรือ Electric Shock Drowning (ESD) มักรู้สึกชา ขยับร่างช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ จึงอาจเสียชีวิตจากการจมน้ำได้ด้วย นอกเหนือจากเสียชีวิตเพราะกระแสไฟฟ้าโดยตรง ปกติฉนวนที่หุ้มสายไฟอาจเปื่อยจากอายุการใช้งาน การถูกบาดเสียหายชำรุด หรือการต่อสายไฟภายในเสาไฟส่องสว่างที่ใช้เทปพันไม่ได้มาตรฐานแล้วทองแดงเปิด อาจไปถูกน้ำซึ่งเป็นสื่อนำไฟฟ้ารั่วไปยังเสาไฟยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะเสาไฟที่เป็นโลหะ ถ้ามีไฟเลี้ยงและมือเราไปแตะถูกโดยตรงโดยไม่ใส่สวมรองเท้ากั้นไม่ให้ร่างกายสัมผัสกับพื้น กระแสไฟฟ้าที่รั่วก็สามารถวิ่งเข้าสู่มือผ่านเท้าลงดินหรือเรียกว่าถูกไฟดูดได้แต่ในกรณีน้ำท่วม แม้น้ำจะไม่ได้เป็นตัวนำไฟฟ้าได้ดีเท่ากับโลหะแต่น้ำที่ท่วมเปียกขาจะเป็นตัวกลางที่ทำให้กระแสไฟรั่วผ่านร่างกายไหล‘ครบวงจรลงดินได้’
ลักษณะไฟฟ้าที่รั่วจะคล้ายการช็อตปลาซึ่งกินบริเวณรัศมี Voltage Gradient ที่ส่งผลราว 1-2 เมตร อันตรายที่เกิดจากไฟรั่วขึ้นอยู่กับระยะเวลา ปริมาณกระแสไฟฟ้า และตำแหน่งที่ไฟฟ้ารั่วเข้าสู่ร่างกาย หากมือซ้ายสัมผัสจุดที่มีไฟรั่วและขายังแช่น้ำอยู่ ไฟฟ้ารั่วจะไหลผ่านหัวใจซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญ ปริมาณกระแสเพียง 0.1แอมแปร์เพียง 2 วินาทีก็สามารถทำให้หัวใจหยุดเต้นได้” อาจารย์สุพรรณอธิบาย
ในการลดความเสี่ยง อาจารย์สุพรรณ ย้ำว่า ต้องเตือนตนเองไว้เสมอ สายไฟฟ้าที่เห็นเบื้องหน้านั้นอาจมีไฟเลี้ยงอยู่ บริเวณโคนเสาไฟฟ้า เสาไฟส่องสว่าง หรือ สายไฟที่แช่น้ำ เป็นบริเวณที่ควรหลีกเลี่ยงที่จะเดิน ขี่จักรยานหรือมอเตอร์ไซค์ผ่านเข้าไปใกล้ โดยเฉพาะช่วงน้ำท่วมขังจะต้องมีความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะอาจมีสายไฟชำรุดและกระแสไฟฟ้ารั่วเป็นอันตรายได้ ขณะที่เมื่อประสบเหตุพบคนถูกไฟดูด “หากเหตุเกิดในอาคาร” ก่อนอื่นต้องตั้งสติพิจารณาว่าสามารถยกเบรกเกอร์เพื่อตัดวงจรไฟเลี้ยงที่ตำแหน่งนั้นได้หรือไม่
แต่ “หากเหตุเกิดนอกอาคาร” การแจ้งเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าเพื่อให้มาตัดกระแสไฟฟ้าอาจใช้เวลานาน ดังนั้นหากทำได้ควรสวมรองเท้าบู๊ทยาง หรือ อาจหุ้มด้วยถุงพลาสติกหนาใหญ่ๆ เพื่อไม่ให้เท้าเราสัมผัสเปียกน้ำก่อนเดิน และใช้วัสดุที่ไม่นำไฟฟ้า เช่น ไม้ ผ้า เสื้อเข็มขัด สายยาง เชือก ไม้กวาด ถุงมือยาง เพื่อเกี่ยวผู้ที่ถูกไฟดูดให้ออกไปจากบริเวณนั้นก่อน ทั้งนี้โดยห้ามสัมผัสกับตัวผู้ถูกไฟดูดหรือน้ำในบริเวณนั้น แล้วทำการ CPR หากผู้ถูกไฟดูดหัวใจหยุดเต้นแล้วเรียกฉุกเฉิน 1669 เพื่อนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด
“ข้อควรตระหนักสำหรับเจ้าของหรือผู้ดูแลอาคาร” สำหรับอาคารที่มีความเสี่ยงที่จะถูกน้ำท่วม ควรย้ายตำแหน่งปลั๊กเสียบและย้ายเครื่องใช้ไฟฟ้าให้สูงขึ้นพ้นระดับน้ำ ส่วนคอยล์ร้อนของเครื่องปรับอากาศนอกตัวอาคารที่วางบนระดับพื้นดินควรยกติดผนังให้มีระดับสูงขึ้น และงดเสียบปลั๊กหรือกดสวิตช์เครื่องใช้ไฟฟ้าหากตัวเปียกหรือเท้าแช่น้ำ ควรเช็ควงจรเบรกเกอร์ว่าจ่ายไฟให้ปลั๊กเสียบตัวไหน
โดยแยกเบรกเกอร์ที่คุมวงจรไฟฟ้าของชั้นล่างที่เสี่ยงถูกน้ำท่วม กับเบรกเกอร์ที่คุมวงจรไฟฟ้าชั้นบนให้เป็นคนละตัวกัน เพราะจะสามารถยกเบรกเกอร์ตัดวงจรที่ถูกน้ำท่วมชั้นล่างออก เพื่อความปลอดภัยโดยยังใช้งานไฟฟ้าของชั้นบนได้ แต่ถ้าเป็นอาคารชั้นเดียวที่มีน้ำท่วมขังก็ไม่ควรเสี่ยงใช้กระแสไฟฟ้า สำนักงานหรือโรงเรียนที่มีน้ำท่วมขัง ซึ่งจะทำให้คนต้องเดินสัญจรลุยน้ำ ก็ควรพิจารณาปิดทำการหรือหยุดเรียนเพื่อความปลอดภัย
นอกจากนั้น ควรติดตั้งอุปกรณ์ตัดไฟรั่วที่ได้มาตรฐานด้วย เพื่อเป็นอุปกรณ์เสริมเพิ่มจากระบบดินและเบรกเกอร์ตัดไฟ ซึ่งการทำงานของอุปกรณ์ตัดไฟรั่วจะวัดกระแสไฟฟ้าที่ไหลเข้าวงจรเทียบกับกระแสไฟฟ้าที่ไหลออกจากวงจร หากมีค่าที่แตกต่างกัน (ตามมาตรฐานวิศวกรรมไฟฟ้า คือเกินกว่า 0.03 แอมแปร์) ซึ่งหมายถึง
ได้เกิดมีกระแสไฟรั่วไปที่อื่นนอกวงจรปกติ เครื่องตัดไฟรั่วจะทำหน้าที่ตัดไฟฟ้าออก, ควรมีไขควงเช็คไฟไว้ประจำเพื่อใช้ตรวจวัดไฟรั่วที่โครงอุปกรณ์ เช่น ฝาตู้เย็น เครื่องซักผ้า หากสงสัยว่าจะเกิดไฟรั่ว-ไฟดูด โดยไม่ต้องสัมผัสด้วยมือตนเอง, ตรวจสอบความชำรุดของสายไฟและจุดต่อสายไฟอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันไฟรั่ว ยิ่งถ้าโดนแดดมีของกระแทก หนูกัดสายไฟ หรือใช้งานเกินพิกัดจนเกิดความร้อน สังเกตได้จากความร้อน สีเริ่มเปลี่ยน มีกลิ่นไหม้ รอยเขม่าดำอายุการใช้งานของสายไฟอาจลดน้อยกว่า 20 ปีที่กำหนด หากเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือสายไฟชำรุด ไม่ควรซ่อมด้วยตัวเอง ควรเรียกช่างที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพช่างไฟฟ้า
สุดท้าย “ข้อควรตระหนักสำหรับผู้รับเหมาติดตั้งเสาไฟส่องสว่าง” ควรเอาใจใส่ในมาตรฐานการติดตั้ง เชื่อมต่อหรือการใช้เทปพันเก็บสายไฟ การตรวจสอบ ซ่อมบำรุงอุปกรณ์ที่ชำรุดและอยู่ใกล้บริเวณที่น้ำท่วมถึง!!!
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี