ข้อมูล “ภาวะโลกร้อน” เขียนโดย ดร.พงษ์พิสิฏฐ์ วิเศษกุล ในหนังสือ “เศรษฐกิจเขียวและใส” ได้ให้ข้อมูลไว้อย่างน่าสนใจ โดยระบุว่า ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้เพิ่มขึ้นจาก 315 PPM. ในปี พ.ศ.2500 เป็น 360 PPM. ในปี 2548 ซึ่งเป็นอัตราที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.25 ต่อปี
ขณะที่ Intergovernment Panel on Climate Change (IPCC) หน่วยงานของสหประชาชาติ มีหน้าที่โดยเฉพาะที่จะประมาณการอุณหภูมิของโลกในอีก 100 ปีข้างหน้า โดยในที่ประชุมที่กรุงปารีส เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2550 สรุปว่าอุณหภูมิโลกได้สูงขึ้นไปแล้ว 0.3 องศาเซลเซียสจากค่าเฉลี่ยร้อยปี ซึ่งใน พ.ศ.2643 คาดว่าอุณหภูมิโลกอาจสูงขึ้นอีก 4 องศาเซลเซียส โดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 2.4-6.4
ผลจากการที่อุณหภูมิโลกสูงขึ้น 0.3 องศาเซลเซียสนั้น ทางโปรเฟสเซอร์พอล อาร์กิน (Prof. Paul Akin) แห่งมหาวิทยาลัย Westminster ประเทศอังกฤษ ได้ให้ตัวเลขเกี่ยวกับอัตราการละลายของหิมะบนยอดเขาและธารน้ำแข็ง หรือ Glacier ที่มีอยู่ทั่วโลก มีอัตราการละลายประมาณ 1,629 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งหากยังมีอัตราการละลายของน้ำแข็งในอัตรานี้ต่อไปเรื่อยๆ จะทำให้ธารน้ำแข็งและหิมะบนยอดเขาหมดไปภายในอีก 50 ปีข้างหน้า โดยจะทำให้แม่น้ำสายสำคัญ เช่น อะเมซอน , แยงซีเกียง , แม่น้ำเหลือง , แม่น้ำคงคา และ แม่น้ำโขง ที่เป็นแหล่งน้ำจืดและเป็นแหล่งนำ้เพื่อทำการเกษตรของประชากรเกือบครึ่งหนึ่งของโลกจะเกิดการขาดแคลน
ปรากฎการณ์นี้จึงเท่ากับว่า น้ำแข็งละลายที่ขั้วโลก และ น้ำในแหล่งน้ำจืดสำคัญของโลกต้องขาดแคลนตามมา ผลการประชุมในปีดังกล่าวทำให้ IPCC ออกมาให้ข้อมูลว่า “เมื่อน้ำแข็งละลายโดยเฉพาะจากธารน้ำแข็ง ขั้วโลกใต้และเกาะกรีนแลนด์ จะทำให้น้ำทะเลสูงขึ้น และยิ่งอุณหภูมิของน้ำทะเลสูงขึ้นก็ยิ่งทำให้น้ำทะเลขยายตัวมากขึ้น ประเทศที่เป็นเกาะอยู่ในลุ่ม เช่น มัลดีฟส์ บังกลาเทศ และ ภาคกลางของไทย จะได้รับผลกระทบจากน้ำทะเลท่วม
“ปริมาณของคาร์บอนไดออกไซด์” จึงมีผลต่ออุณหภูมิโลก และ นำมาซึ่งการตื่นตัวของคนทั่วโลก โดยเฉพาะในปี 2565 นี้ ประเทศไทยตื่นตัวเรื่อง “ZERO CARBON” และ การเดินหน้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนให้เร็วที่สุด
โดยในระหว่างวันที่ 26 กันยายน ถึง 2 ตุลาคมนี้ จะมีงาน “มหกรรมด้านความยั่งยืนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาเซียน” หรือ “SUSTAINABILITY EXPO SX 2022” ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิต์ โดยงานนี้มีผู้มีชื่อเสียงทั้งในวงการบันเทิง ,สื่อสารมวลชน , นักธุรกิจ และ พุทธศาสนา มาร่วมกันเชิญชวนไปชมงาน ได้แก่ ท่าน ว.วชิรเมธี, อาทิวราห์ คงมาลัย หรือ ตูน บอดี้สแลม, พีรวัส แสงโพธิรัตน์, กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร, สุทธิชัย หยุ่น, รศ.ดร.สิงห์ อินทรชูโต, ไดอาน่า จงจินตนาการ และ ธีรเดช เมธาวรายุทธ เป็นต้น
ภายในงานนี้จะมีกิจกรรม เช่น โครงการผ้าขาวม้าท้องถิ่นหัตถศิลป์ไทย, การประกวดสุนทรพจน์เยาวชน หัวข้อ “พอเพียง ยั่งยืน เพื่อโลก”, การมอบรางวัลสำหรับคนทำจริง “SX Shaper Award”#SX2022, สัปดาห์แห่งเทศกาลอาหาร งานแสดงสินค้าและความสนุกแบบยั่งยืน, กิจกรรมส่งเสริมการถ่ายภาพในสถาบันอุดมศึกษา, กิจกรรม “พอเพียง ยั่งยืน เพื่อโลก คืนชีพขยะ สู่งานศิลป์” และ ผลการดำเนินงานของอาเซียนในดัชนี DSG
สำหรับ “คนเมือง” อนาคตการทำเกษตรในเมืองนั้นมีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ เพราะงานเอ็กซ์ซิบิชั่นใหญ่ประจำปีนี้ที่เกิดขึ้น จะมีเนื้อหาที่ต่อยอดนำไปสู่ไอเดียในการทำเกษตรในเมืองให้แก่คนเมือง โดยมีกูรูด้านเกษตรอินทรีย์อันดับหนึ่งของไทยอย่าง “นายวิวัฒน์ ศัลยกำธร หรือ “อาจารย์ยักษ์” และ “นายโจน จันใด” หรือ อาจารย์โจน มาให้ความรู้กันในงานอย่างครบรส
ส่วนจะทำจริงหรือไม่ ได้ผลแค่ไหน ผู้ที่มีประสบการณ์ในการทำเกษตรในเมืองให้กำลังใจคนเมืองว่า การปลูกพืชผักในเมือง อาจต้องใช้ประสบการณ์หลายสิบครั้งในการปลูก จึงจะพบคำตอบ และ ขออย่างเดียวไม่ท้อกับการปลูกผักอินทรีย์ เพราะการปลูกผักอินทรีย์นั้นจะเป็นทั้งกำลังใจและโอกาสหนึ่งที่จะให้คำตอบกับคนเมือง เพื่อให้คนเมืองได้อยู่กับตัวเอง อยู่กับธรรมชาติอย่างมีความสุข ท่ามกลางภาวะโลกร้อนที่เราทุกคนบนโลกต้องเผชิญชะตากรรมนี้ร่วมกัน
ขอบคุณข้อมูล
หนังสือ "เศรษฐกิจเขียวและใส" เขียนโดย ดร.พงษ์พิสิฏฐ์ วิเศษกุล
ขอบคุณภาพประกอบ
FB: ThaiTribune
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี