คลื่นมหาชน นักท่องเที่ยวนับแสนแห่ชมไหลเรือไฟงานประเพณีไหลเรือไฟของจังหวัดนครพนม หลังรอคอยนานกว่า 2 ปีเต็ม ประดับตะเกียงเกือบ 3 หมื่นดวงลอยลำโชว์ความงามกลางลำน้ำโขง
เมื่อคืนวันที่ 10 ต.ค.65 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานได้รายงานบรรยากาศการท่องเที่ยว งานประเพณีไหลเรือไฟของจังหวัดนครพนม ที่กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-11 ตุลาคม 2565 โดยในวันนี้ถือเป็นคืนไฮไลท์ของงาน คืนวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 มีการจัดประกวดเรือไฟประยุกต์จากตัวแทนชาวบ้านและศิลปินเรือไฟจากทั้ง 12 อำเภอ รวม 12 ลำ ที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจช่วยต่อเติมสร้างเรือไฟมานานนับเดือน กว่าจะมาเป็นเรือไฟขนาดใหญ่ต้องเริ่มจากไม้ไผ่ผูกมัดยึดโยงกัน ประดับประดาด้วยลวดลายตามจินตนาการของศิลปินเรือไฟ พร้อมส่งเข้าประกวดชิงถ้วยรางวัลพระราชทานและเงินรางวัล ทั้งเป็นการสืบสานประเพณีบูชาพระแม่คงคาของชาวลุ่มน้ำโขง
โดยมีการประกวดเรือไฟแยกเป็น 2 ประเภทเหมือนทุกปีที่ผ่านมา ทั้ง ความคิดสร้างสรรค์ และความสวยงาม เรือไฟลำหนึ่งมีขนาดความยาว ตั้งแต่ 50 – 88 เมตร ความสูงประมาณ 20 -30 เมตร ประดับตกแต่งด้วยตะเกียงไฟ ประมาณ 20,000 – 25,000 ดวง เรือไฟบางลำทุ่มทุนสร้าง นับล้านบาท โดยชาวบ้านศิลปินเรือไฟ ต่างทุ่มเทแรงกายแรงใจ ไม่เน้นค่าจ้างรางวัล แต่ได้ความภาคภูมิใจ ที่ได้สืบสานประเพณี และสร้างความประทับใจให้กับประชาชน นักท่องเที่ยว ได้ชื่นชมความสวยงามตระการตา
สำหรับเรือไฟที่สร้างความยิ่งใหญ่ตระการตา และสร้างความสวยงาม ประทับใจประชาชน นักท่องเที่ยว เป็นอย่างมาก นับเป็น 1 ใน 12 อำเภอ โดยการนำของ นายนิพพิชฌน์ อติอนวรรตน์ นายอำเภอโพนสวรรค์ ที่ระดมตัวแทนศิลปินเรือไฟ แรงงานชาวบ้าน ร่วมต่อเติมสร้างสรรค์เรือไฟขนาดใหญ่ เพื่อสร้างสถิติเรือไฟใหญ่ที่สุดในโลก ขนาดความยาวมากถึง 88 เมตร ความสูงประมาณ 30 เมตร ฐานกว้างประมาณ 15 เมตร ใช้ไม้ไผ่มากกว่า 5,000 ลำ ประดับตกแต่งด้วยตะเกียงไฟมากกว่า 25,000 ดวง เน้นสัญลักษณ์ สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ พระธาตุประจำอำเภอโพนสวรรค์ พระธาตุประจำวันเกิด รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของ จ.นครพนม
โดยเรือไฟทั้ง 12 ลำ เน้นแสดงออกถึงความสามัคคีร่วมมือร่วมใจ เป็นพลังศรัทธาของชาวบ้าน หน่วยงานภาครัฐ เอกชน ทุ่มทุนสร้างใช้งบประมาณ เกือบ 1 ล้านบาท ส่งประกวดในประเภทความสวยงาม เพื่อสร้างความประทับใจให้กับประชาชน นักท่องเที่ยว ที่จะมาเที่ยวชมในคืนวันออกพรรษา อีกทั้งเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในพื้นที่ ให้ประชาชน นักท่องเที่ยว ได้ตื่นตากับเรือไฟยักษ์ที่สวยงามที่สุดในโลก โดยไม่ได้คำนึงถึงค่าจ้างรางวัล แต่มุ่งเน้นความสวยงาม และความภาคภูมิใจที่ได้ร่วมกันสร้างเรือไฟขึ้น เนื่องจากมีมูลค่ารางวัลไม่กี่หมื่นบาท ที่สำคัญตะเกียงไฟทุกดวงก่อนที่จะไหลเรือไฟจะต้องใช้แรงงานคน ร้อยเรียงจุดตะเกียงทีละดวง ก่อนไหลโชว์
นางสาวกนกวรรณ ดุงศรีแก้ว ผู้อำนวยสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครพนม เปิดเผยว่า สำหรับปีนี้ต้องยอมรับว่างานประเพณีออกพรรษาไหลเรือไฟ ยิ่งใหญ่กว่าทุกปี หลังจาก 2 ปีที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากโควิดระบาด ทำให้ซบเซา ปีนี้ จ.นครพนม ร่วมกับ ททท. รวมถึงหน่วยงานเกี่ยวข้อง จัดพิเศษยิ่งใหญ่กว่าทุกปี รวมถึงการทำเรือไฟ ส่วนใหญ่จะมีการออกแบบที่สวยงามอลังการ นอกจากนี้ ในส่วนของผู้ประกอบการ ร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรม ที่พัก ได้มีความพร้อม ในการต้อนรับนักท่องเที่ยว และเป็นเจ้าภาพที่ดี โดยปีนี้ถือว่าคึกคักเป็นพิเศษเชื่อว่า เงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ในช่วงงานประเพณีออกพรรษาไหลเรือไฟ บวกกับช่วงหยุดยาวต่อเนื่องยิ่งส่งผลดีต่อเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในพื้นที่
ผลการตัดสินประกวดเรือไฟประยุกต์ ประจำปี 2565 ประเภทสวยงาม รางวัลชนะเลิศที่1 คือ อ.ธาตุพนม ที่ 2 อ.โพนสวรรค์ และที่ 3 อ.เมือง ส่วนประเภทความคิด รางวัลชนะเลิศที่ 1 ได้แก่ อ.ปลาปาก ที่ 2 อ.นาหว้า และที่ 3 อ.ศรีสงคราม - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี