“มันสำปะหลัง” หนึ่งในพืชเศรษฐกิจสำคัญของไทย สามารถนำไปแปรรูปได้หลากหลาย เช่น เป็นอาหารได้ทั้งสำหรับคนและสัตว์ อุตสาหกรรมแป้งมัน ไปจนถึงเป็นส่วนผสมของน้ำมันเชื้อเพลิงเอทานอล ในประเทศไทยนั้นมีการปลูกมันสำปะหลังกันทุกภาคยกเว้นภาคใต้ แต่นิยมมากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อาทิ ข้อมูลของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (เท่าที่สืบค้นได้คือ ณ เดือน มิ.ย. 2564) พบว่า มีเนื้อที่เก็บเกี่ยว 9,507,007 ไร่ ผลผลิต 31,632,109 ตัน ในจำนวนนี้เป็นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 5,292,168 ไร่ 17,776,171 ตัน
ข้อดีของมันสำปะหลังคือ “ทนแล้ง”จึงมักนำไปปลูกในพื้นที่ที่แหล่งน้ำไม่ได้อุดมสมบูรณ์พอจะปลูกพืชอื่นๆ ได้อย่างคุ้มค่า แต่ถึงกระนั้นก็ยังต้องเผชิญกับศัตรูอย่างวัชพืช โรคและแมลงไม่ต่างกันโดยเฉพาะ “โรคใบด่าง” ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามสำคัญ โดยเมื่อวันที่ 27 ต.ค. 2565 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวได้ติดตามคณะทำงานของ สมาคมวิทยาการวัชพืชแห่งประเทศไทยเดินทางไปยังไร่มันสำปะหลังแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา หลังเกษตรกรได้ขอให้ทางสมาคมฯ เข้าไปแนะนำวิธีการป้องกันโรคดังกล่าว
กิ่งกาญจน์ เสาร์คำ นักวิจัยด้านโรคพืช ปัจจุบันทำงานเป็นนักส่งเสริมเกษตรของบริษัท Ingredion เล่าว่า โรคใบด่างมีรายงานการระบาดครั้งแรกที่ประเทศแทนซาเนีย และอีกหลายประเทศในทวีปแอฟริกา กระทั่งในปี 2558 พบการระบาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ที่ จ.รัตนคีรี ประเทศกัมพูชา ต่อมาในปี 2560 พบการระบาดที่ จ.เตนินท์ ประเทศเวียดนาม จนในปี 2561 จึงพบการระบาดในประเทศไทย
โดยในช่วงแรกๆ พบอาการที่คล้ายกับโรคใบด่าง ที่ จ.สุรินทร์ และ จ.ศรีสะเกษ ตามด้วย จ.ปราจีนบุรี ซึ่งปัจจุบันมีรายงานพบแล้วกว่า 20 จังหวัด ซึ่งโรคใบด่างนั้นเกิดจากเชื้อ “คาสซาวาโมเสกไวรัส (Cassava Mosaic Virus)” แพร่ระบาดได้ 2 วิธี คือจากท่อนพันธุ์มันสำปะหลังที่ติดเชื้อ และจากแมลงหวี่ขาวยาสูบที่ไปอาศัยอยู่บริเวณใต้ใบของต้นมัน ลักษณะของต้นมันสำปะหลังที่ติดเชื้อคือใบจะมีรอยด่าง มีสีเขียวเหลือง ใบบิดงอลดรูป
“ผลผลิตมันจะลดลง 20-80% แต่ถ้าเรามีการจัดการแปลงที่เหมาะสม ก็คือโรคพืชจะเป็นสามเหลี่ยมที่จะทำให้เกิดโรคได้ ก็คือ 1.มีโรค 2.สิ่งแวดล้อม และ 3.ตัวพืชเอง ถ้าเกิดในเวลาที่เหมาะสมจะทำให้เกิดโรค ตอนนี้โรคใบด่างมันเป็นแล้ว เรายังไม่มีวิธีการจัดการ ไม่มีพันธุ์ต้านทาน ดังนั้นเราก็เลยมาโฟกัสการจัดการที่ตัวของพืชเอง โดยการทำให้พืชแข็งแรง อัดปุ๋ยอัดยา จัดการแปลงให้เหมาะสม ให้พืชมันเติบโตแข็งแรง มีภูมิคุ้มกันที่จะสู่กับโรค ก็จะทำให้พืชเองได้ผลผลิต ทำให้ต้นมันแข็งแรงในขณะที่รอพันธุ์ต้านทาน” กิ่งกาญจน์ กล่าว
กิ่งกาญจน์ กล่าวต่อไปว่า วิธีการดูแลต้นมันสำปะหลังให้แข็งแรง 1.หมั่นกำจัดวัชพืช เพื่อไม่ให้วัชพืชแย่งอาหารของต้นมัน กับ 2.หมั่นใส่ปุ๋ย เพื่อบำรุงต้นมันได้ธาตุอาหารอย่างเต็มที่ ซึ่งสิ่งมีชีวิตทุกชนิดจะมีกระบวนการสร้างภูมิคุ้มกันอยู่ หากพืชได้รับการดูแลให้แข็งแรงก็จะมีการสร้างภูมิคุ้มกันให้สามารถต่อสู้กับโรคได้ อนึ่ง หากใบของต้นมันมีลักษณะผิดปกติตั้งแต่ต้นมันเริ่มโต แสดงว่าโรคมาจากท่อนพันธุ์ แต่หากตอนปลูกยังเป็นปกติแล้วภายหลังใบของต้นมันเริ่มจากบริเวณยอดเปลี่ยนไปตามอาการของโรค แสดงว่าติดโรคมาจากแมลงหวี่ขาวยาสูบ
ด้าน จรรยา มณีโชติ นายกสมาคมวิทยาการวัชพืชแห่งประเทศไทย และอดีตผู้เชี่ยวชาญด้านวัชพืช สำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช กรมวิชาการเกษตร อธิบายเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีความพยายามพัฒนาพันธุ์สำปะหลังให้สามารถต้านทานโรคใบด่างได้ โดยนำเข้าพันธุ์มันสำปะหลังจากแอฟริกามาผสมกับพันธุ์มันที่มีอยู่ในไทยเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม แต่ก็ต้องใช้เวลา ดังนั้นระหว่างนี้เกษตรกรคงต้องเน้นการบำงรุงรักษาต้นมันสำปะหลังที่ปลูกแล้วไปก่อน เพื่อลดผลกระทบจากโรคให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
“วัชพืชเป็นพืชอาศัย อย่างกะทกรกที่เป็นตัวพักเชื้อก็ต้องกำจัด แล้วมันก็ยังแย่งปุ๋ยแย่งอาหารจากต้นพืชเรา ก็ทำให้มันผลผลิตน้อยอยู่แล้วอ่อนแอลง เราก็ต้องกำจัดวัชพืชให้ดี แล้วก็บำรุงต้นให้แข็งแรงโดยการใส่ปุ๋ย แล้วก็พยายามกำจัดแมลงที่เป็นพาหะ เราทำได้แค่นี้ ส่วนที่บอกว่าห้ามใช้พันธุ์ที่เป็นโรคไปปลูกต่อ อันนี้เป็นลักษณะคำแนะนำที่ในชีวิตจริงเกษตรกรทำได้ยาก เพราะตอนนี้ครึ่งหนึ่งของมันในประเทศไทยที่เป็น” จรรยา ระบุ
กับคำถามที่ว่า “ปลูกพืชอื่นแทนได้ไหม?” ประเด็นนี้ จรรยา กล่าวว่า พื้นที่ที่ถูกเลือกให้ปลูกมันสำปะหลังนั้นให้คำจำกัดความได้ว่า “ที่แล้ง-ดินเลว” เนื่องจากมันสำปะหลังสามารถปลูกในพื้นที่แล้งได้และเมื่อฝนตกก็จะงอกขึ้นมาเอง จนมีคำพูดว่า “ฝากเทวดาเลี้ยง” โดยหากเป็นพื้นที่ที่คุณภาพดินดีและมีแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์ก็จะใช้ปลูกพืชอื่นๆ เช่น อ้อย ข้าวโพด ดังนั้นสำหรับเกษตรกรที่ปลูกมันสำปะหลังเป็นเรื่องยากที่จะเปลี่ยนชนิดพืชปลูก หรือยากแม้แต่จะเปลี่ยนการใช้ที่ดินไปทำรีสอร์ทเนื่องจากเป็นพื้นที่แล้ง จึงทำได้เพียงปล่อยเป็นที่ดินรกร้างว่างเปล่า
“ตอนนี้น่าจะมีพันธุ์เกษตรศาสตร์ 50 ห้วยบง 60 ระยอง 72 ที่เป็นโรคน้อยหน่อย อาการไม่แรง” นายกสมาคมวิทยาการวัชพืชแห่งประเทศไทย ทิ้งท้ายด้วยการแนะนำพันธุ์มันสำปะหลังที่มีอยู่ขณะนี้ ซึ่งพอจะทนโรคใบด่างได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี