“ความยากจน” เปรียบเสมือนเขาวงกตที่สร้างปัญหาให้กับทุกประเทศทั่วโลก ซึ่งหากมีตัวเลขประชากรในประเทศใดก็ตามตกอยู่ห้วงแห่งความยากจนในอัตราส่วนที่มากเกินไป ก็จะมีผลกระทบต่อการบริหารประเทศในทุกมิติ ตั้งแต่เศรษฐกิจ, การเมือง, การปกครอง, สังคม, วัฒนธรรม และฯ ด้วยเหตุนี้จึงนำเสนอรายงานพิเศษ ชุด “เกษตรคนเมืองขจัดความยากจน” (Urban Agriculture to eradicating poverty) โดยนำเสนอเป็นตอนที่ 1 ในหัวข้อ โมเดลจีน “ขจัดความยากจน” สู่ไทย เพื่อร่วมกันฝ่าวงล้อมแห่ง “ความยากจน” เข้าสู่มิติแห่ง “การขจัดความยากจน” ไปพร้อมๆกัน
“ความยากจน” เป็นปรากฎการณ์ที่ “จีน” ต้องเผชิญมาอย่างยาวนาน และ เป็นสาเหตุสำคัญประการหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของจีน ซึ่งทำให้คนจีนส่วนหนึ่งอพยพออกจากจีนแผ่นดินใหญ่ มาอาศัยอยู่ในประเทศไทยเป็น “คนจีนโพ้นทะเล”
หนังสือ “คำสำคัญ เพื่อเข้าใจประเทศจีน” ซึ่งจัดพิมพ์โดยกรมกิจการจัดพิมพ์และจำหน่ายหนังสือภาษาต่างประเทศแห่งประเทศจีน (CIPG), สถาบันวิจัยประเทศจีนและโลกร่วมสมัย (ACCWS), สถาบันวิจัยการแปลแห่งประเทศจีน (CATL) และ ศูนย์วิจัย “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ไทย-จีน (CTC) โดยมีเนื้อหาที่สำคัญเกี่ยวกับ “การขจัดความยากจน” ตอนหนึ่ง ดังนี้
“แผนปฏิบัติการระยะ 3 ปี สู่ชัยชนะในยุทธการขจัดความยากจน”
การประชุมสมัชชาใหญ่ครั้งที่ 19 ของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนได้กำหนดให้มีมาตรการขจัดความยากจนให้กับกลุ่มเป้าหมายโดยทำงานด้วยความละเอียดแม่นยำ ถือเป็นหนึ่งในสามยุทธการใหญ่เพื่อคว้าชัยชนะขั้นเบ็ดเสร็จในการสร้างสรรค์สังคมสู่ความสมบูรณ์พูนสุขอย่างถ้วนหน้าและได้วางแผนใหม่ โดยถ้ามาพิจารณาถึงภารกิจของยุทธการขจัดความยากจนนั้น ระหว่างปี ค.ศ.2018 ถึง 2020 ยังมีประชากรที่ยากจนอาศัยอยู่ในชนบทกว่า 30 ล้านคน ซึ่งจำเป็นต้องทำให้หลุดพ้นจากความยากจน ในนั้นมีสัดส่วนผู้ยากจนจำนวนไม่น้อยที่มีสาเหตุยากจน เนื่องจากมีโรคป่วยหรือเป็นผู้พิการ
ดังนั้น การที่จะบรรลุเป้าหมายการขจัดความยากจนได้ทั้งหมดภายในเวลา 3 ปีนั้น เป็นภารกิจที่หนักมาก คณะกรรมการกลางของพรรคฯ และ สำนักนายกรัฐมนตรีได้จัดทำและแจกจ่าย “ความเห็นและข้อชี้แนะจากคณะกรรมการกลางของพรรคฯและสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการคว้าชัยชนะในยุทธการขจัดความยากจน” เป็นบทบัญญัติที่ครอบคลุมถึงการวางแผนโครงสร้างเบื้องบน การเสริมมาตรการเชิงนโยบายและเสริมการประสานงานเชิงบูรณาการ ซึ่งได้วางแผนอย่างครบถ้วนรอบด้านในการขับเคลื่อนงานขจัดความยากจนให้ดำเนินการต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อให้หน่วยงานต่างๆ ในทุกพื้นที่สามารถใช้บรรทัดฐานในการขับเคลื่อนงานขจัดความยากจนในระดับเชิงหยั่งลึก
นี่คือเนื้อหาเพียงบางเสี้ยวบางตอนในโมเดลของจีนที่มุ่งสู่ “การขจัดความยากจน” ที่เกิดขึ้นในจีนในทุกมิติ โดยมีเรื่องของพื้นที่ฐานด้านการเกษตร, การค้าและการลงทุน เป็นตัวขับเคลื่อน ซึ่งจีนนั้นถือว่ามีภูมิศาสตร์ที่รองรับประชาชากรได้อย่างสมดุล โดยอยู่ที่ 9.6 ล้านตารางกิโลเมตร มีพื้นที่อาณาเขตชายแดนติดกับ 14 ประเทศ รองรับประชากรมากกว่า 1,400 ล้านคน
รวมทั้งปัจจุบัน “เกษตรคนเมือง” ของจีน พัฒนาสู่การขยายไปยังพื้นที่ชานเมืองสำคัญที่อยู่รอบๆเมืองปักกิ่ง, เซี่ยงไฮ้ และ มณฑลชายฝั่งทะเลด้านตะวันออกของจีน โดยล่าสุดสถิติขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (Food and Agriculture Organization of the United Nations : FAO) จีนก้าวสู่การเป็นประเทศที่มีการส่งออกสินค้าเกษตรที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ส่วนไทยตามมาเป็นอันดับ 2 นั่นหมายความว่า พื้นฐานโครงสร้างของไทยกับจีนนั้นมีความเหมือนกันคือ เป็น “เมืองเกษตรกรรม” ที่ยั่งยืนมายาวนานตั้งแต่ครั้งประวัติศาสตร์ แต่หากไม่สามารถทำให้ “เกษตรกร” หลุดพ้นจากความยากจนได้ จึงเท่ากับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศโดยรวมก็ต้องพังลงมาด้วย
เพราะฉะนั้นจะเห็นว่า “จีน” เป็นประเทศที่เป็นโมเดลที่ให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการทำให้ “เกษตรกร” หลุดพ้นจากความยากจน เพราะ “ภาคการเกษตร” โดยเฉพาะ “เกษตรคนเมือง” นั้น ไม่ใช่แค่ทำหน้าที่พยุงเศรษฐกิจของจีน แต่ยังเป็นฐานรากที่มั่นคง ในการสร้างรายได้หลัก และ เป็นนโยบายหลักในการขับเคลื่อนของจีนในการมุ่ง “ขจัดความยากจน"
“เกษตรคนเมือง” ที่ครอบคลุมในการแก้ปัญหาในทุกมิติ ยังมีรายละเอียดที่น่าติดตามอีก โดยจะนำเสนอเป็นตอนที่ 2 ในหัวข้อ “ขจัดความยากจน” ในพื้นที่การเกษตร
ขอบคุณข้อมูล
https://www.thansettakij.com/world/99914
www.facebook.com/thaibizchina
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี