ช่วงไตรมาส 4 ของทุกปีจัดว่าเป็นฤดูแห่งการใช้งบประมาณรายปีให้หมด โดยเฉพาะภาคเอกชน ทำให้มีงานอีเว้นท์ต่างๆทิ้งท้วนปี 2565 อัดกันแน่นในช่วงเดือนพฤศจิกายน ถึงเดือนธันวาคมนื้ และทำให้เห็นเทรนด์ของปี 2566 ว่า ธุรกิจแต่ละประเภทนั้นจะปล่อยหมัดกันสู้ด้วยกลยุทธ์ด้านใดบ้าง จนถึงขั้นเรียกว่าเกิดปรากฎการณ์ปีหน้าที่มีกระแสข่าวว่าเผาจริงมากเท่าไหร่ เกมการตลาดในการสู้กันก็จะยิ่งหนักหน่วง และ ทุ่มงบการตลาดสู้กันอย่างสุดใจ โดยเฉพาะการแข่งขันด้านพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม
"งานสมาร์ท ซิตี้ เอ็กซ์โป 2022" ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิต์ เป็นอีกหนึ่งงานที่ทำให้เห็นกระแส หรือเทรนด์ของสมาร์ทซิตี้ในปี 2023 โดยขนทัพผู้ประกอบการ 150 รายมาร่วมออกบู๊ธโชว์นวัตกรรมโดยแบ่งเป็นภาคเอกชน ร้อยละ 50 และภาครัฐอีกร้อยละ 50
นางสาวพรรณวิสุทธิ์ บูรณากาญจน์ ผู้จัดการโครงการ ของเอ็นซีซี ซึ่งเป็นบริษัทในเครือช้าง (N.C.C.Management & Development Co.,Ltd.) กล่าวว่า งานนี้เป็นงานที่จัดปีแรก ร่วมกับ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิตอล (DEPA : ดีป้า) โดยรวบรวมเนื้อหาเกี่ยวกับการพัฒนาเมือง และ พื้นที่เมือง ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี โดยจะนำเมืองที่มีการพัฒนาแล้วมาแสดง เช่น เทศบาลรังสิต จังหวัดปทุมธานี โดยดีป้ามีโครงการสนับสนุนว่า เมืองไหนที่ได้รางวัล จะให้มารับรางวัลภายในงานนี้ด้วย ซึ่งมีเทศบาลมาร่วมกว่า 100 เทศบาล ขณะที่นวัตกรรมด้านเทคโนโลยีก็มีของต่างประเทศมาร่วมแสดง โดยประเทศที่โดดเด่นด้านเทคโนโลยี ได้แก่ ญี่ปุ่น, เกาหลี, ไต้หวัน และ ไทย
“ในส่วนเกาหลี ญี่ปุ่น และ ไทย เปรียบเทียบกันแล้ว ในเรื่องเทคโนโลยีจะเป็นเกาหลีและไต้หวัน เช่น ญี่ปุ่น การเกิดอาชญากรรรมน้อย ทำให้ล่าสุดเกาหลีมีเทคโนโลยีมาซัพพอร์ตด้านความปลอดภัยของคนเมืองมากกว่า เพื่อให้สิ่งแวดล้อมโดยรวมในประเทศของเขาดีขึ้น ขณะที่เมืองไทยก็มีเทคโนโลยีสมาร์ทฟาร์มมิ่ง การปลูกพืชในอาคารมาร่วมแสดงด้วย” ผู้จัดการโครงการของเอ็นซีซี กล่าวอย่างเป็นกันเอง
ขณะที่ในส่วนของภาคการศึกษาที่น่าสนใจ ได้แก่ บู๊ธของคณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.)ซึ่งคิดค้นนวัตกรรมเสา ไฟอัจฉริยะ เรียกว่า “สมาร์ท โพล” (SMART POLE) โดยมีสนนราคาค่าติดตั้งเริ่มต้น 60,000 บาท ซึ่งสมาร์ท โพล ตัวนี้ นอกจากจะให้แสงไฟฟ้าอัฉริยะแก่ชุมชนแล้ว ยังสามารถนำไปใช้กับงานของเกษตรคนเมืองในชุมชนต่างๆได้ด้วย อาทิ การวัดค่าอุณหภูมิความชื้น และ การวัดค่าสภาพอากาศในพื้นที่ รวมไปถึงการวัดค่าดินที่จะใช้เพาะปลูกได้ด้วย โดยผลงานการคิดค้นนวัตกรรมชุดนี้ ทาง ผศ.ดร.อนรรฆพล แสนทน รองคณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ สจล.เป็นผู้นำทีมนักศึกษา วิจัยและคิดค้นนวัตกรรมเทคโนโลยี “สมาร์ท โพล”
ส่วนคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เน้นจุดเด่นความเป็นมืออาชีพด้านการแพทย์ นำเทคโนโลยีหุ่นยนต์อัจฉริยะด้านการแพทย์ มาตอบโจทย์คนเมืองในยุคที่ต้องสนใจสุขภาพมากขึ้น โดยหุ่นยนต์ดังกล่าว เป็นหุ่นยนต์สำหรับส่งยาในโรงพยาบาล สามารถสแกนผนังห้องว่าอยู่ตรงไหน พยาบาลมีรถเข็นไหม หรือ เข็นคนไข้ไปทางไหน หุ่นยนต์จะบอกทิศทางได้ และ ถ้าลูกค้าสนใจจะประยุกต์เทคโนโลยีนี้ไปสนับสนุนงานด้านต่างๆ เช่น เกษตรกรรม และ การคมนาคมต่างๆ ก็สามารถประยุกต์โปรแกรมตอบรับความต้องการได้เช่นกัน
ขณะที่เจ้าของนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีวิศวกรรมสายพันธุ์ไทยอย่าง “ทีมกรุ๊ป” หรือ “บริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ แมนเนจเมนท์ จำกัด (มหาชน)” ประกาศร่วมทุนกับ“บริษัทดิทโต้(ประเทศไทย)จำกัด(มหาชน) หรือ DITTO ตั้งบริษัทใหม่ “DTX” ในวงเงินทุนจดทะเบียน 30 ล้านบาท โดยถือครองหุ้นฝ่ายละ 50% เท่าๆกัน เพื่อออกเทคโนโลยี “ดิจิตอล ทวิน” (Digital Twin)
ผศ.ดร.พร วิรุฬห์รักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดี ที เอ็กซ์ จำกัด หรือ DTX กล่าวว่า สำหรับเทคโนโลยี “Digital Twin” คือ แบบจำลองที่สะท้อนสถานะความเป็นจริงของวัตถุทางกายภาพ (Physical) ณ เวลานั้นเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ (Digital) ที่เปรียบเสมือนคู่แฝดที่คนหนึ่งอยู่ในโลกกายภาพ (Physical) และอีกคนหนึ่งอยู่ในโลกคอมพิวเตอร์ (Digital) ซึ่งแบบจำลองฝาแฝดสามารถแสดงรายละเอียด และคุณสมบัติเทียบเท่าวัตถุจริง สามารถให้ข้อมูลแบบ Real Time และจะถูกนำไปพัฒนา ปรับปรุงระบบการทำงาน ประหยัดค่าใช้จ่ายและช่วยให้ตัดสินใจแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“อาจจะอธิบายง่าย ๆ ว่า Digital Twin เป็นการนำกายภาพของวัตถุนั้น ๆ เช่น ข้อมูลของอาคารสูงขนาดใหญ่ โรงงานอุตสาหกรรม นิคมอุตสาหกรรม ข้อมูลการก่อสร้าง ระบบน้ำ ระบบไฟ รวมถึงข้อมูลของเมือง ที่ปกติจะถูกบันทึกอยู่ในพิมพ์เขียว หรือเก็บไว้ในไฟล์คอมพิวเตอร์ทั่ว ๆ ไป แต่ “Digital Twin” คือการนำข้อมูลหรือพิมพ์เขียวนั้นมาอยู่ในแพลตฟอร์มที่เป็นระบบ Digital สามารถดูได้แบบ Real Time ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดและจะเป็นเทคโนโลยีแห่งอนาคต” ผศ.ดร.พร กล่าว
ทั้งนี้ ผู้บริหารดีทีเอ็กซ์กล่าวอย่างมั่นใจว่า ผู้บริหารอาคารและบริหารระบบสาธารณูปโภค ต้องการเห็นปริมาณการใช้ไฟฟ้าแบบ Real Time หากเป็นผู้บริหารนิคมอุตสาหกรรม ก็ต้องการทราบว่าปริมาณน้ำท่วมหลังจากฝนตกลงมาเป็นอย่างไร ตรงไหนท่วมหนัก ตรงไหนไม่ท่วม เพื่อจะได้มีการแจ้งเตือน หรือ ผู้ว่าฯ ของเมืองที่เราเรียก Smart City อาจจำเป็นต้องเข้าถึง CCTV ดูความปลอดภัย ดูการจราจร ดูสถานการณ์สิ่งแวดล้อม ดูความเสียหายของอุปกรณ์หรือเครื่องจักรต่าง ๆ เช่น เครื่องสูบน้ำ ไฟถนน หรือการเฝ้าสังเกตการใช้พลังงาน ตัว Digital Twin ก็จะสามารถส่งสัญญาณมาโดยตรง ปราศจากคนกลาง ทำให้ข้อมูลที่ได้รับถูกต้องแม่นยำโปร่งใสไม่ผิดเพี้ยน
สำหรับประโยชน์ที่จะได้จาก Digital Twin ได้แก่ ลดการพึ่งพาแรงงาน ด้วยการใช้เซ็นเซอร์ช่วยให้ข้อมูลหลั่งไหลเข้ามาอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง, สามารถตอบสนองต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างฉับไวเพราะได้ข้อมูลที่เป็น Real Time ทำให้การตัดสินใจแก้ปัญหาได้ถูกต้องและทันท่วงที และ ทำให้เห็นปัญหาที่เป็นภาพใหญ่ หรือเป็นแบบบูรณาการ จะทำให้องค์กรเกิดความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ เกิดนโยบายใหม่ๆ โดยที่ผ่านมาได้ลูกค้าที่เป็นองค์กรขนาดใหญ่ มีสินทรัพย์ ที่เป็นอาคารสาธารณูปโภคสำหรับขายจำนวนมหาศาล แต่มีอุปสรรคในการติดตาม ตรวจสอบ บำรุงรักษา
ผศ.ดร.พร กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2023 DTX มีแผนจะนำเสนอแอปพลิเคชัน ที่เกี่ยวกับที่ดิน คือ การนำเอา DATA ที่เป็นจริงของสภาพแวดล้อมทางกายภาพ ณ เวลานั้น (Physical) มาวิเคราะห์ในโลกคอมพิวเตอร์ (Digital) เพื่อบริหารความเสี่ยงในการลงทุนในที่ดิน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และจะมีแอปพลิเคชันการบริหารนิคมอุตสาหกรรม โครงการสาธารณูปโภคด้านพลังงาน และครอบคลุมการบริหารจัดการน้ำ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้นับเป็นจุดแข็งของทีมกรุ๊ป
เรียกว่า ปลายปี 2565 ทิ้งทวนนวัตกรรมต่างๆกันอย่างดุเดือดสำหรับภาคเอกชนไทย และ ภาคการศึกษาของไทยที่เร่งผลิตบุคลากรเพื่อให้มีประสิทธิภาพด้านเทคโนโลยี ซึ่งบ่งชี้ได้ว่า “เทรนด์สมาร์ทซิตี้” ในปี 2566 จะนำไปสู่ผังของ “เกษตรคนเมือง” ให้มีหน้าตาไฉไลอย่างไรให้เดินไปด้วยกันได้อย่างลงตัวในยุค “Sustainability” และ “SDGs”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี