แม่วัย 67 ชาวบุรีรัมย์ ร้องขอความเป็นธรรม ลูกสะใภ้ที่เพิ่งแต่งงานกับลูกชาย ซึ่งเป็นอดีตพระ ถูกลอตเตอรี่ 6 ล้าน แค่ 3 เดือน ยักยอกถอนเงินก้อนสุดท้าย 1.2 ล้าน หายเกลี้ยง เหลือติดบัญชีแค่ 2 บาท หวั่นลูกถูกหลอกหมดตัว
ด้านลูกชายเผยแจ้งความจริงเพราะน้อยใจเมียไล่ออกจากบ้านและถอนเงินไม่บอก แต่หลังพูดคุยเข้าใจกลับไปอยู่กับเมียแล้ว สะใภ้ยันไม่ได้หลอกรับถอนเงินจากบัญชีจริง เพราะกลัวผัวเอาไปซดเหล้าหมด
21 ธันวาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางอ่อน ขันพันธ์ อายุ 67 ปี ชาวตำบลหนองตาด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ได้นำหลักฐานที่ลูกชายไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.เมืองบุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.65 ที่ผ่านมา พร้อมสมุดบัญชีธนาคาร และสเตทเมนท์ หรือรายการเบิกถอนเงินจากบัญชีธนาคารของลูกชาย ออกมาร้องขอความเป็นธรรม
โดยกังวลว่านายไมล์ อายุ 48 ปี หรืออดีตพระไมล์ ซึ่งเป็นลูกชายที่เคยถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 งวดประจำวันที่ 1 ส.ค.65 งวดที่ 30 ชุดที่ 14 หมายเลข 436594 ได้เงินรางวัล 6 ล้านบาท จะถูกนางกนกวรรณ หรือนาง อายุ 50 ปี ภรรยาที่เพิ่งแต่งงานอยู่กินกันได้แค่ 3 เดือน จะหลอกลวงเอาเงินและทรัพย์ของลูกชายที่ได้มาจากการถูกลอตเตอรี่
ล่าสุดลูกชายตัวเองได้ไปขอตรวจสอบบัญชีธนาคารแล้ว พบว่าวันที่ 18 ธ.ค.65 ที่ผ่านมา มีการถอนเงินออกจากบัญชีถึง 23 ครั้งภายในวันเดียว รวมเป็นยอดเงินทั้งสิ้นกว่า 480,000 บาท คงเหลือเงินติดบัญชีแค่ 2 บาท จากที่ก่อนหน้านี้วันแต่งงาน คือวันที่ 21 ต.ค.65 ที่ลูกชายได้นำสินสอดเป็นเงินสด 100,999 บาท พร้อมทองหนัก 5 บาท แหวนเพชร 1 วง และสมุดบัญชีธนาคารของลูกชายที่มียอดเงินในบัญชี 1,200,000 บาท ที่ได้มาจากการถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 ไปวางใส่ในพานสินสอดเพื่อมอบให้ภรรยาเป็นคนดูแลด้วย
แต่ต่อมาวันที่ 16 ธ.ค.65 นางกนกวรรณ ลูกสะใภ้ ได้ไล่ลูกชายตนออกจากบ้าน โดยหาว่าลูกชายดื่มแต่เหล้า จากนั้นลูกชายจึงได้กลับไปเอาทรัพย์สินที่ลูกชายเป็นคนซื้อ เช่น รถหกล้อเล็กติดเครื่องเสียงไว้สำหรับรับงานแห่คืน และพยายามจะเอารถกระบะป้ายแดงคืนด้วย แต่ลูกสะใภ้ไม่ให้แถมยังเรียกตำรวจมา หาว่าลูกชายตนเองบุกรุกบ้าน
จากนั้นลูกชายก็ไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐานเพื่อจะเรียกร้องสิทธิ์ตามกฎหมาย แล้วกลับมาอยู่ที่บ้านกับแม่ แต่พอเช้าวันนี้ 20 ธ.ค.65 หลังจากลูกสะใภ้ รู้ว่าลูกชายแจ้งความ ก็กลับมาตามเอาลูกชายตนเองกลับไปอยู่ที่บ้านคืน
จากกรณีดังกล่าวจึงเกรงว่า ลูกชายจะถูกลูกสะใภ้หลอกเอาเงินและทรัพย์สิน ที่ได้จากการถูกลอตเตอรี่จนหมดตัว แล้วพอไม่เหลืออะไรก็จะกลับมาหาแม่ ทั้งที่เงินถูกลอตเตอรี่ก็ไม่เคยให้แม่เลย ส่วนบ้านที่สร้างให้ก็ยังไม่เสร็จ ซึ่งแม่ยืนยันว่าที่ออกมาร้องเรียนไม่ได้อยากให้ลูกชายลูกสะใภ้ผิดใจกัน หากรักลูกชายตนจริงก็อย่าหลอกลวง เพราะเป็นห่วงไม่อยากให้ลูกหมดตัว
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านนางกนกวรรณ ลูกสะใภ้ ซึ่งอยู่คนละหมู่บ้านแต่ตำบลเดียวกัน ก็ได้พบกับนางกนกวรรณ และนายไมล์ หรือทิดไมล์ เพราะเพิ่งสึกหลังถูกหวย สามีอยู่ที่บ้านด้วยกัน
จากการสอบถามนายไมล์ ยอมรับว่า ตนเองได้ไปแจ้งลงบันทึกประจำวันที่โรงพักจริง เพราะเมื่อวันที่ 16 ธ.ค.น้อยใจที่ภรรยาไล่ออกจากบ้าน แล้วโกรธที่ภรรยาแอบไปถอนเงินจากบัญชีโดยไม่บอกตนเองก่อน แต่พอได้พูดคุยกับภรรยา เขาบอกว่าที่ถอนเงินออกเพราะกลัวตนเองจะเอาไปดื่มเหล้าหมดนั้น ตนก็เข้าใจและไม่ได้โกรธภรรยาแล้ว และรับปากว่าจะดื่มเหล้าให้น้อยลงจะได้ไม่เกิดปัญหากับภรรยาอีก
ส่วนที่แม่กังวลว่า ตนเองจะถูกหลอกนั้นยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ทรัพย์สินทุกอย่างยังเป็นชื่อของตัวเอง ส่วนเงิน 480,000 บาท ที่ถอนออกมาก็อยู่กับภรรยา และยังยืนยันว่าบ้านที่สร้างให้แม่ยังไม่เสร็จก็จะสร้างต่อให้เสร็จยังรักเคารพแม่เหมือนเดิม
ด้านนางกนกวรรณ ภรรยา ยอมรับว่า ได้ถอนเงินกว่า 480,000 บาท ออกจากบัญชีสามีจริง เพราะสามีชอบดื่มเหล้าจึงกลัวสามีจะเอาไปกินเหล้าหมด แต่ยืนยันว่าไม่ได้ยักยอกเงินของสามี เพราะเงินในบัญชีสามีก็มอบให้ตนเป็นคนดูแลในวันที่แต่งงาน โดยนางกนกวรรณ ยังได้นำคลิปหลักฐานวันแต่งงานที่สามีนำสินสอดทั้งเงินสด ทองหนัก 5 บาท แหวนเพชร 1 วง และสมุดบัญชีธนาคารใส่พานสินสอดด้วย มีญาติพี่น้องทั้งสองฝ่ายและชาวบ้านที่มาร่วมงานเป็นพยานรับรู้ ซึ่งเงินที่สามีถูกลอตเตอรี่ 6 ล้าน สามีก็นำไปซื้อที่ดิน รถ สร้างบ้านให้แม่ และใช้จ่าย
ส่วนเงินในบัญชีที่มอบให้ตนดูแล 1,200,000 บาทนั้น ถอนมาใช้จ่ายด้วยกัน ที่เหลือ 480,000 บาทก้อนสุดท้ายก็ต้องถอนมาเก็บไว้ก่อน ส่วนทองและแหวนเพชรสินสอดยังอยู่ อยากจะขอความเป็นธรรมให้ตนเองด้วย และยืนยันว่าไม่ได้หลอกเอาเงินสามีแน่นอน ส่วนที่สามีเข้าใจว่าตนไล่ออกจากบ้านนั้น แค่โกรธที่สามีสาบานจะไม่ดื่มเหล้าอีก แต่กลับไปดื่มเหล้าจนเมาจึงทะเลาะกันตามประสาผัวเมีย
ก่อนที่ผู้สื่อข่าวจะเดินทางกลับนายไมล์ และนางกนกวรรณ ยังโชว์หอมแก้มให้ดู เพื่อแสดงว่ายังรักกันดีไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน เรื่องราวที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นการเข้าใจผิด.012
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี