23 มกราคม 2566 ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนายสุนันท์ ชาวบ้านในพื้นที่ บ้านร่องมะดูก ต.หูช้าง อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี ว่าตนเองมีอาชีพเปิดร้านทำโรงกลึงอยู่ที่บ้านทัพหลวง อ.บ้านไร่ และมีสวนอยู่ที่ติดกลับอ่างเก็บน้ำตลึงตรัง หมู่ 1 บ้านร่องมะดูก และได้ปลูกกระท่อมไว้หนึ่งหลังเพื่อพักผ่อนและเก็บข้าวของต่างๆ
ก่อนหน้านั้นตนเองมีภรรยาคนหนึ่งได้เสียชีวิตไปแล้ว มีลูกสาวคนหนึ่งชื่อ น.ส.สุพรรณษา แต่ไม่ได้อยู่ด้วยกันจนมาช่วงหลัง เมื่อ 3 ปีก่อน ตนเองทราบว่าลูกสาวที่ได้มีสามีแล้วชื่อนายนิรันดร์ ซึ่งมีอยู่บ้านอยู่ จ.กำแพงเพชร หลังจากนั้นก็มีลูกด้วยกัน 3 คน โดยได้อาศัยอยู่ที่ จ.กำแพงเพชร
หลังจากนั้นทางน.ส.สุพรรณษา ลูกสาวได้ติดต่อกับตนเองว่าขอมาอยู่ที่บ้านกับพ่อที่อุทัยธานี ตนเองก็ตอบว่าได้แต่ให้ไปอยู่ที่บ้านสวนก่อน และพอมีงานทำก็ออกไปหาห้องเช่ากันอยู่ หลังจากนั้นทั้ง 2 สามี ก็ย้ายมาจากกำแพงเพชร พร้อมด้วยลูกๆมาอยู่ที่บ้านสวน
แต่ช่วงหลังมาพบว่าสิ่งของทีนำมาเก็บไว้ ข้าวของในบ้านหายไปจากบ้าน หลังจากนั้นได้มีเพื่อนบ้านมาบอกว่า ลูกเขยและลูกสาวตนเองนั้นไม่ทำงานกัน ตระเวรลักทรัพย์ในหมู่บ้านจนชาวบ้านผวา พอได้เงินมาก็นำไปซื้อยาบ้ามาเสพทั้ง 2 สามีภรรยา ส่วนอาหารนั้น ช่วงสายๆของทุกวัน 2 สามีภรรยาจะอุ้มลูกอีก 2 คน ไปขอข้าวพระที่วัดร่องมะดูก ส่วนลูกอีกคนนั้น อายุ 1 ขวบ ปล่อยทิ้งไว้ในกระท่อมเพียงคนเดียว จนตนเองมาเจอในช่วงสาย ก็พบว่าเด็กอยู่คนเดียวเป็นที่หน้าเวทนา ตนเองจึงรีบไปซื้อนมมาให้ดื่ม พร้อมกับแจ้งกับผู้ใหญ่บ้านและเพื่อนบ้านมาดู ว่าจะแก้ปัญหากันอย่างไร แจ้งตำรวจก็ไม่รับแจ้ง
ตนเองนั้นทนพฤติกรรมของของลูกเขยและลูกสาวตนเองไม่ไว้ เนื่องจากทั้ง 2 คนติดยาบ้าและเป็นคนที่ไม่ออกไปทำมาหากิน ชอบประพฤติตนขโมยของภายในบ้านและของเพื่อนบ้าน จนชาวบ้านร่องมะดูกผวากันเป็นแถว ซึ่งบ้านตนเองนั้นได้มีทรัพย์สินที่หายไป เช่น บานประตูใหญ่เป็นกระจก 2 บาน เสาไม้สักแลมและเหลี่ยม สังกะสี 10 ฟุต อีกหลายแผ่น กระเบื้องกล่องใหม่อีกหลายกล่อง อุปกรณ์ในการการทำไร่ เช่น จอบ มีดต่างๆ สายไฟฟ้าภายในบ้านทั้งหมด กรงเหล็กขังไก่ และอื่นๆอีกหลายรายการที่หายไป
ตนเองจึงไปแจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านไร่ ถึง 4 ครั้ง เพื่อดำเนินการกับลูกเขยตัวแสบ แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าไม่มีหลักฐานอะไร ในการที่มาแจ้งความให้ตนเองไปหาหลักฐานมา
หลังจากนั้นตนเองได้มาบังคับนายนิรันดร์ ลูกเขย และน.ส.สุพรรณษา ลูกสาวตนเอง จนยอมรับว่า นำกระบานประตูและบานกระจกไปขายให้คนหมู่ 6 ในราคา 300 บาท และไปขอข้าวที่วัดร่องมะดูก โดยทิ้งลูกชายวัย 1 ขวบเศษไว้ที่กระท่อมคนเดียว โดยอ้างว่าที่ทำลงไปเพราะไม่มีเงินซื้อนมให้ลูกกิน
หลังจากนั้นตนเองได้บังคับให้ลูกเขยพาไปยังที่นำสิ่งของไปขาย จนตนเองไปเจอสิ่งของตนเอง แต่ไม่พบเจ้าของบ้าน จึงได้ถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน หลังจากนั้นก็นำมาให้ให้ตำรวจ แต่ก็ไม่ทำอะไร จึงร้องสื่อมวลชนช่วยดังกล่าว
ด้านผู้ใหญ่บ้าน บ้านร่องมะดูก กล่าวว่า ก่อนหน้านั้นประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา เมื่อตอนที่ 2 สามีภรรยามาอยู่ใหม่ๆ ก็ยังไม่มีอะไร แต่มาช่วงหลังนี้ตนเองได้รับแจ้งจากชาวบ้านตลอดว่ามีของหาย เช่น สายยางรดน้ำในสวนก็หาย แต่ก็ไปหาของกลางไม่ได้ ตนเองเชื่อว่า จะเป็นฝีมือของนายนิรันดร์แน่นอน
ด้านชาวบ้านที่มีบ้านอยู่ติดกลับกระท่อมสองสามีภรรยา กล่าว่า ช่วงสายๆเห็นสองสามีภรรยานั้นหอบลูก 2คนเดินไปที่วัด เพื่อทีจะไปขอข้าวพระ โดยได้ทิ้งลูกคนเล็กอายุ 1 ขวบเศษไว้ในกระท่อม ตนเองได้ยินเสียงเด็กร้องก็ไม่กล้าออกไปดู ผัวเมียทะเลาะกันเป็นประจำเวลาไม่มียาบ้าเสพ ชาวบ้านก็ไม่กล้าไปไหน ต้องนั่งเฝ้าบ้านเพราะกลัวว่า สองผัวเมียจะมาขโมยของอีก.012
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี