กรณีนายโชคชัย อายุ 50 ปีชาวบ้านหมู่ 5 ต.คำเตย ขับรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ แค็บ สีบรอนซ์ตะกั่ว ทะเบียนนครพนม ประสบอุบัติเหตุแหกโค้งหักศอก ซึ่งเป็นทางเคี้ยวคดไปมา บริเวณเขตพื้นที่ดอนปู่ตา สถานที่ศักดิ์สิทธิ์มเหศักดิ์หลักเมืองตามความเชื่อของชนเผ่าไทกะเลิง โดยอยู่ห่างชุมชนประมาณ 3 กิโลเมตร อีกทั้งยังเป็นทางไปไร่นาและเป็นทุ่งเลี้ยงวัวเลี้ยงควายของชาวบ้านในฤดูแล้ง โดยนายโชคชัย เสียชีวิตคาเก๋งรถในบึงคำเตย พร้อมกับเพื่อนที่อยู่ต่างตำบล ชื่อนายกาล อายุ 49 ปี อยู่หมู่ 5 ต.ดงขวาง อ.เมืองนครพนม เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 14.30 น.วันที่ 17 ก.พ.66 ที่ผ่านมา ซึ่งการเสียชีวิตครั้งนี้ชาวบ้านส่วนใหญ่เชื่อว่าเป็นอาถรรพ์ในดอนปู่ตา ซึ่งเป็นสถานที่รวบรวมบรรพบุรุษของชนเผ่ากะเลิงนานนับร้อยปี ตามที่เสนอข่าวไปแล้ว
ล่าสุดวันที่ 18 ก.พ.66 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังศาลาวัดมเหศรสุภาราม ต.ดงขวาง อ.เมืองนครพนม ซึ่งเป็นที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพนายกาล พบว่ามีแขกเหรื่อทยอยไปเคารพศพเพราะทางญาติเตรียมจะฌาปนกิจในวันนี้ โดยหน้าโลงศพมีนางแก้ว อายุ 66 ปี แม่ของนายกาลนั่งอยู่ใกล้ๆ พร้อมเปิดเผยว่า ผู้เสียชีวิตเป็นลูกคนโตในจำนวนลูก 5 คนและยังไม่มีครอบครัว ทำนาเป็นอาชีพหลัก วันเกิดเหตุมีคนโทรมาบอกรู้สึกช็อกมาก แต่ไม่มีลางบอกเหตุใดๆ
ต่อจากนั้นได้เดินทางไปยังบ้านอีกหลังหนึ่งในพื้นที่หมู่ 5 ต.คำเคย อ.เมืองนครพนม ซึ่งอยู่ห่างกับ ต.ดงขวาง ประมาณ 20 กิโลเมตร เป็นบ้านของนายโชคชัย โดยทางญาติกำลังถวายภัตตาหารเช้าแด่พระภิกษุและจะเคลื่อนศพไปฌาปนกิจที่ป่าช้าในเวลาบ่ายนี้ มีนางเวียงสวรรค์ อายุ 47 ปีภรรยาของผู้เสียชีวิตนั่งน้ำตาคลอตลอดเวลาและไม่ขอให้สัมภาษณ์เพราะยังทำใจไม่ได้กับการจากไปของสามี โดยตอบข้อซักถามผู้สื่อข่าวเพียงสั้นๆว่า ไม่มีลางบอกเหตุหรือฝันร้ายแต่อย่างใด
ขณะที่นางใบศรี อายุ 70 ปี แม่ยายของนายโชคชัย เล่าเหตุการณ์เมื่อสิบกว่าปีที่ผ่านมาว่า ประมาณปี 2553 ลูกสาวตนอายุ 35 ปี ป่วยด้วยโรคจิตเวชต้องทานยาประจำเกิดอาการคลุ้มคลั่งไปกระโดดน้ำในบึงคำเตยเสียชีวิต ส่วนจะเกิดจากอาถรรพ์ดอนปู่ตาหรือไม่นั้นไม่ขอยืนยันและขอร้องอย่าถ่ายภาพตนขณะเล่าเรื่อง
ด้านนายคุณ ประทา อายุ 79 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ต.คำเตย ปัจจุบันเป็นผู้อาวุโสประจำหมู่บ้าน เล่าในเรื่องเร้นลับของดอนปู่ตาว่า บึงคำเตยอยู่ในพื้นที่ดอนปู่ตา มีน้ำใสเย็นตลอดทั้งปี ความลึกมากกว่า 3 เมตรในบึงแห่งนี้มีปลาอยู่จำนวนมากแต่ไม่มีใครกล้าจับไปปรุงเป็นอาหารเพราะปู่ตาสั่งห้ามใครลงจับสัตว์ในเขตของท่าน ปรากฏว่าคนในหมู่บ้านอยากลองของได้นำแหไปหว่านจับปลาที่บึงแล้วถูกแหพันตัวเองเสียชีวิตในบึง เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นมานานเกือบ 30 ปี
นายคุณเล่าต่อว่าในหนึ่งปีจะมีพิธีเลี้ยงปู่ตา 2 ครั้ง ตามปฏิทินจันทคติคือ เดือน 6 และเดือน 12 ท่านถึงจะอนุญาตให้จับปลามาปรุงเป็นอาหารได้เฉพาะวันเลี้ยงปู่ตาเท่านั้น ส่วนกรณีที่นายโชคชัยเสียชีวิตในบึงอาถรรพ์นี้จะเกี่ยวกับสิ่งเร้นลับหรือไม่ตนไม่กล้ายืนยัน แต่ยอมรับว่าก่อนเกิดเหตุตนเป็นคนหนึ่งที่ไปนั่งกินข้าวเที่ยงที่เถียงนากลางทุ่ง จากนั้นต่างแยกย้ายกันไป แต่ระหว่างนั่งกินข้าวมีโทรศัพท์ของนายโชคชัยดังตลอดเวลาตนได้ถามด้วยความสงสัยนายโชคชัย ตอบว่าเมียโทรมาตามให้กลับบ้านเพราะเป็นห่วง เกรงจะเกิดอันตรายระหว่างทาง ไม่คาดคิดว่าสิ่งที่เมียนายโชคชัย เป็นห่วงจะเป็นจริงขึ้นมา
ด้านนายธวัชชัย บุตรพันธ์ อายุ 52 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ต.คำเตย เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุได้รับแจ้งจากลูกบ้านก็รีบมาดู พบรถคันดังกล่าวหงายท้องจมน้ำ เห็นเพียงล้อทั้ง 4 ล้อเท่านั้น ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ทราบคร่าวๆ ว่า มีคนเลี้ยงวัวประมาณ 6-7 คนนั่งกินข้าวที่เถียงนาอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 300 เมตร เมื่อไปตามให้มาดูต่างยืนยันว่าเป็นรถของนายโชคชัย ตนจึงให้ลูกบ้านลงดำน้ำไปดูปรากฏว่าประตูรถเปิดได้และเห็นร่างคนไปกองรวมกันอยู่ในแค็ปด้านหลัง จึงช่วยกันพลิกรถนำร่างบุคคลทั้งออกมาปั๊มหัวใจเกือบชั่วโมง แต่ไม่สามารถกู้ชีพจรทั้งสองกลับมาได้ จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องมาตรวจที่เกิดเหตุดังกล่าว
ทั้งนี้ หอดอนปู่ตาอยู่ในวัดเก่าหัวบึง บ้านคำเตย หมู่ 5 ต.คำเตย อ.เมืองนครพนม สถานที่สถิตของปู่ตาทั้ง 4 คือ 1.ปู่คำแดง 2.ปู่คำเหลือ 3.ปู่ลมลัดลมออน และ 4.ท้าวใบ้ โดยชาวบ้าน ต.คำเตย ทั้ง 18 หมู่บ้านต่างมีความเชื่อว่าพิธีเลี้ยงปู่ตาจะทำให้หมู่บ้านอยู่เย็นเป็นสุข ลูกหลานจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ค้าขายเจริญรุ่งเรือง และในบึงอาถรรพ์ยังมีเต่าจำนวนมาก ซึ่งเป็นสัญลักษณ์และพาหนะของปู่ตา ถ้าใครมาจับไปกินเชื่อว่าจะมีอันเป็นไปและเกิดอาเพศในหมู่บ้าน ชาวบ้านจึงได้มีการอนุรักษ์เต่า ซึ่งเป็นสัตว์ที่มีอายุยืนยาว - 003