11 เม.ย.66 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้าน บ้านสี่เหลี่ยม ตำบลเขาคอก อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ ว่ามีเรื่องราวของสองแม่ลูกคู่หนึ่งที่พลัดพรากจากกันมานานกว่า 30 ปี สุดท้ายตามหากันจนเจอเพราะโลกโซเชียล และเมื่อทั้งคู่ได้เจอกันกันเป็นครั้งแรก ทางครอบครัวญาติพี่น้องก็ได้จัดพิธีบายศรีสู่ขวัญผูกข้อไม้ข้อมือให้กับสองแม่ลูกตามประเพณีความเชื่อพื้นบ้าน ซึ่งคนในครอบครัวก็ได้บันทึกคลิปแห่งความประทับใจ นาทีที่สองแม่ลูกได้เจอหน้ากันครั้งแรกหลังพลัดพรากกันมานานกว่า 30 ปี
จากนั้นผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปสอบถามเรื่องราวของสองแม่ลูก ที่บ้านเลขที่ 103 หมู่ 2 บ้านสี่เหลี่ยม ต.เขาคอก อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ก็ได้พบกับนางสุวรรณ โททอง อายุ 59 ปี และนางสาวแสงดาว โททอง อายุ 33 ปี สองแม่ลูกที่เพิ่งได้เจอหน้ากันเป็นครั้งแรก ท่ามกลางญาติพี่น้อง และชาวบ้านในหมู่บ้านที่ทราบข่าวต่างก็มาแสดงความดีใจกับทั้งคู่ที่ได้เจอกัน และผูกข้อไม้ข้อมือให้กับทั้งคู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งบรรยากาศก็เต็มไปด้วยความอบอุ่น
สอบถามนางสุวรรณ โททอง ผู้เป็นแม่ เล่าให้ฟังว่า ตอนที่ลูกสาวยังเล็กอายุได้ประมาณขวบเศษ ตนกับสามีซึ่งเป็นชาวจังหวัดศรีสะเกษ มีปัญหากันทำให้ต้องแยกทาง จากนั้นสามีก็พาลูกสาวไปด้วย ตนก็พยายามตามหาหลายที่แต่ก็ไม่เจอทั้งสามี และลูกสาว ก็ตามหาอยู่หลายปีทั้งให้ญาติช่วยตามหาด้วย แต่ก็ไม่เจอจนถอดใจ จนผ่านไปถึงปัจจุบันเป็นเวลา 33 ปี จนกระทั่งญาติลองเซิทหาชื่อในเฟซบุ๊ก แล้วเจอชื่อของลูกสาวโผล่ในเฟซบุ๊ก ญาติจึงลองทักติดต่อจนได้พูดคุยสอบถามกัน ก็บอกข้อมูลทุกอย่างตรงกัน ซึ่งลูกสาวก็บอกกับญาติพ่อเสียชีวิตไปแล้ว ปัจจุบันลูกสาวก็มีสามีและลูกสาว 2 คน และเมื่อสอบถามจนมั่นใจว่าเป็นลูกสาวของตัวเองที่พลัดพรากจากกันถึง 33 ปี จนล่าสุดลูกสาวได้เดินทางมาหาที่ อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ทันทีที่เห็นหน้าลูกสาวครั้งแรกก็ตื้นเต้นดีใจมากจนพูดไม่ออก เพราะก่อนหน้านี้คิดว่าจะไม่ได้เจอลูกสาวอีกแล้ว
ด้าน น.ส.แสงดาว โททอง หรือแอ๋ม เล่าว่า ตอนที่พ่อพาไปอยู่ที่ จ.ศรีสะเกษ ตนยังเด็กมากอายุแค่ประมาณ 1 ขวบ 3 เดือน ก็ยังจำความอะไรไม่ค่อยได้ พอเรียนจบอายุได้ 19 ปี ก็ไปทำงานที่กรุงเทพฯและแต่งงานตอนอายุ 25 ปี ปัจจุบันตนมีครอบครัวและมีลูก 2 คน ลูกชายอายุ 8 ขวบ ส่วนลูกสาวอายุ 7 ขวบ ตลอดระยะเวลากว่า 30 ปี ตนพยายามที่จะตามหาแม่แท้ๆ แต่ไม่รู้ข้อมูลอะไรเกี่ยวกับแม่เลย พ่อบอกแค่ว่าแม่อยู่อำเภอประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ เท่านั้น ซึ่งเวลาผ่านไปกว่า 30 ปีก็คิดว่าแม่คงจากไปแล้ว กระทั่งมีญาติทางฝั่งแม่ ได้ทักเข้ามาในเฟสบุ๊กของตนเอง และติดต่อไปถามว่าตนเป็นลูกของ นายสมนึกและแม่สุวรรณใช่หรือไม่ ซึ่งตอนนั้นตนมีเพียงแค่ใบทะเบียนการเรียน ที่อยู่ที่จังหวัดศรีสะเกษ ที่มีชื่อพ่อแม่อยู่ จึงตอบกลับไปว่าใช่
จากนั้นก็ติดต่อกันมาตลอดจนกระทั่งทราบว่าแม่ยังมีชีวิตอยู่ ก็ดีใจและอยากเจอหน้าแม่เพราะพลัดพรากกันตั้งแต่ตนยังเด็กจำหน้าแม่แทบไม่ได้ เมื่อมั่นใจว่าเป็นแม่ที่พลัดพรากกัน จึงติดต่อกับทางญาติและเดินทางมาหาแม่ที่อำเภอประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ พอมาเห็นหน้าแม่ครั้งแรกก็รู้สึกดีใจมากไม่คิดว่าจะได้เจอกันแล้ว เพราะคิดว่าแม่จากไปแล้ว ก็จะพยายามมาเยี่ยมแม่บ่อยๆ ก็ขอให้แม่มีสุขภาพแข็งแรง.-008
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี