"หมอปลา"สำนึกผิดเข้ากราบขอขมากรรม "พระเทพวรมุนี" เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร จังหวัดนครพนม ปมพัวพันค่าก่อสร้างวัดเก่า เหตุเกิดเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ทนายฟ้องหมิ่นกราวรูด 3 คน
วันที่ 1 พ.ค.66 เมื่อเวลา 10.00 น.ที่หน้าหอพระแก้ว วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อ.ธาตุพนม จ.นครพนม นายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือที่รู้จักกันในชื่อ "หมอปลา" มือปราบสัมภเวสี พร้อมทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ และ นางสาววรรณวิสา ประทุมวัน จำเลยในคดีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายมูลนิธิกองทัพธรรม ในฐานะไวยาวัจกรวัดพระธาตุพนมฯ ยื่นหลักฐานต่อศาลจังหวัดนครพนม ฟ้องบุคคลทั้งสามในคดีหมิ่นประมาท กรณีนางสาววรรณวิสา ประทุมวัน อ้างเป็นผู้เสียหาย เนื่องจากเป็นหลานสาวนายสมเกิด ภูมิทัศน์ อายุ 66 ปี ปัจจุบันเสียชีวิตไปแล้ว โดยเมื่อประมาณปี 2536 นายสมเกิด เคยทำงานเป็นผู้รับจ้างก่อสร้างแทงค์น้ำวัดร้างโบราณ ปัจจุบันคือวัดมรุกขนคร หมู่ 7 ต.ดอนนางหงส์ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม พร้อมกล่าวหาว่าพระเทพวรมุนี เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมฯว่าในขณะนั้นดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดมรุกขนคร มีการค้างค่าก่อสร้างประมาณ 1 ล้านบาท พร้อมมีการนำเอกสารหลักฐานเป็นสมุดบันทึก อ้างว่าเป็นลายมือของนายสมเกิดเขียนไว้ก่อนเสียชีวิต ไปร้องทุกข์กับหมอปลา รวมถึงยื่นหนังสือร้องเรียนต่อสำนักนายกรัฐมนตรี และมีการเผยแพร่ออกสื่อต่างๆ ถือเข้าข่ายความผิดหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา
ภายหลังทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายมูลนิธิกองทัพธรรม ในฐานะไวยาวัจกรวัดพระธาตุพนมฯ ได้มาแถลงข้อเท็จจริง ยืนยันเป็นการบิดเบือนข้อมูลและไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของพระเทพวรมุนี จึงฟ้องดำเนินคดี กับจำเลยทั้ง 3 คน ที่ศาลจังหวัดนครพนม เมื่อต้นปีที่ผ่านมา กระทั่งจำเลยทั้ง 3 คนทราบข้อเท็จจริงจึงสำนึกผิด ติดต่อเพื่อเข้าขอขมากรรมต่อเจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร
ทั้งนี้ ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช เปิดเผยว่า จากข้อเท็จจริงยืนยันตามหลักฐานเอกสาร ตามที่มีบุคคลอ้างเป็นผู้เสียหายเข้าไปร้องเรียนกับหมอปลาและพวก กล่าวหาเจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร จนกระทั่งมาการตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่าตามคำกล่าวอ้าง มีการเข้าไปดำเนินการก่อสร้างวัดมรุกขนคร ตั้งแต่ปี 2536 แต่ไม่เกี่ยวข้องกับเจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร เนื่องจากพระเทพวรมุนีเข้าไปรับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดมรุกขนครในปี 2539 หรือสามปีให้หลังที่มีการก่อสร้าง จึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินการก่อสร้าง แต่เป็นอำนาจหน้าที่ของกรรมการบริหารวัดในขณะนั้น จึงเกิดความเสื่อมเสียต่อพระเทพวรมุนี
แต่เมื่อมีการดำเนินคดีแล้วทางจำเลยทั้ง 3 คนยอมสำนึกผิด ทางเจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมฯจึงยอมอโหสิกรรม เพื่อไม่เป็นเวรเป็นกรรมต่อกันและมาแสดงความสำนึกผิดขอขมากรรม เพราะถือเป็นกรรมหนักและไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไปพร้อมนำเสนอต่อสื่อทั้ง 46 สำนักโดยมูลนิธิกองทัพธรรมยืนยันจะทำหน้าที่ปกป้องพระพุทธศาสนาดูแลพระสงฆ์ทั่วประเทศและเมื่อหลังจากการขอขมากรรม ทางคดีจะมีการถอนฟ้องทั้งคดีอาญาและทางแพ่ง
ส่วนนายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือหมอปลา พร้อมด้วยทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวหลังขอขมากรรมว่า ยอมรับในความผิดพลาด ยอมสำนึกผิดและขอขมากรรมต่อเจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมฯ ที่มีความเมตตา ไม่มีอะไรจะพูดต่อสังคม แต่ยอมรับในความผิดพลาด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทางทนายไพศาลรวมถึงหมอปลา ยืนยันไม่ท้อที่จะเดินหน้าปกป้องพระพุทธศาสนา ไม่มีเจตนาอื่นแอบแฝง นอกจากอยากปกป้องพระพุทธศาสนา ไม่ให้แปดเปื้อนด้วยน้ำมือของมารศาสนา - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี