ตามที่ได้มีการเผยแพร่ ร่างพระราชบัญญัติภาพยนตร์และเกมฉบับใหม่นี้ ที่เตรียมจัดทำขึ้นเพื่อทดแทนพระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ฉบับเดิม ที่ประกาศใช้มาตั้งแต่ พ.ศ. 2551 ในส่วนที่เกี่ยวกับเกม นักวิชาชีพนักวิชาการในวงการเกมได้ร่วมด้วยช่วยกันให้คำแนะนำกันอย่างกว้างขวางโดยจุดที่มีคนเสนอให้ความเห็นกันมาก คือ เรื่องการที่กำหนดให้ผู้พัฒนาเกมหรือผู้ผลิตสื่อในประเทศไทยต้องยื่นจัดระดับความเหมาะสมของเนื้อหาต่อคณะกรรมการฯ ซึ่งมีค่าธรรมเนียม โดยไม่ว่าเกมหรือสื่อนั้นจะจัดจำหน่ายในประเทศหรือนอกประเทศ และประเด็นอำนาจของคณะกรรมการที่สามารถสั่งแก้ไขหรือระงับการจำหน่าย หากพิจารณาแล้วเห็นว่าเกมนั้นมีเนื้อหาไม่เหมาะสม รวมถึงมีมาตรการลงโทษว่า หากผู้พัฒนาเกมหรือผู้ผลิตสื่อไม่ปฏิบัติตามอาจมีโทษทั้งจำทั้งปรับ ตั้งแต่ 1 หมื่นถึง 5 ล้านบาท ในขณะที่ยุทธศาสตร์ประเทศไทยสามารถขยายอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ได้ดี มีการพัฒนาและต่อยอดอุตสาหกรรม เชื่อมโยงกับหลักสูตรการศึกษาได้ลงตัวโดยเฉพาะ “อุตสาหกรรมเกม” ที่กำลังมีการสร้างผู้พัฒนาเกม (Game Developer) ชาวไทยเพื่อตีตลาดเกมและชิงส่วนแบ่งจากต่างประเทศ มีแววว่าจะได้เป็นอีกหนึ่งประเทศผู้พัฒนาเกมชั้นนำของโลก
ร่างพระราชบัญญัติภาพยนตร์และเกมฉบับใหม่ ในฝั่งของเกมมีประเด็นเรื่อง “ระบบอนุญาต” ที่จะต้องตรวจสอบเนื้อหาที่จะนำออกเผยแพร่ และ เน้นเพื่อป้องกันมิให้มีการเผยแพร่สื่อที่มีเนื้อหาเป็นบ่อนทำลาย ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรืออาจกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ ซึ่งโดยเจตนารมณ์พอเข้าใจได้ แต่ หลายภาคส่วนก็ต้องขอให้ความเห็นถึงผลกระทบจากประเด็นนี้ด้วยเช่นกัน
“สมมุติถ้าหากว่าเราพัฒนาเกมของเราเองตั้งแต่ต้นแล้วอยู่ดีๆ เราจะต้องส่งไปให้เพื่อนทดลองเล่น หรือเอาไปทดสอบจริงที่ต่างประเทศ โดยยังไม่ได้ทำเรื่องขออนุญาต เราจะต้องเสี่ยงโดนค่าปรับ 1-5 ล้านบาทงั้นหรือ? ทั้งๆที่เป็นเกมที่เราพัฒนาแต่แรกเลยก็ตาม” ผศ.บัญญพนต์ พูลสวัสดิ์ หัวหน้าหลักสูตรการออกแบบเชิงโต้ตอบและการพัฒนาเกม วิทยาลัยครีเอทีฟดีไซน์ & เอ็นเตอร์เทนเมนต์เทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) เริ่มต้นเปิดประเด็น
ถ้าเปิดกว้าง “จึงจะเกิดสังคมสร้างสรรค์”
ผศ.บัญญพนต์ เล่าให้ฟังต่อไปว่า สถานการณ์ในวงการหลังจากได้ทราบเรื่องร่างฯ ตอนนี้วงการคนทำเกมเกิดความกังวลและเครียดเป็นอย่างมาก โดยส่วนใหญ่มองว่า ภาครัฐควรที่จะเพิ่มสิ่งที่เป็นการส่งเสริมผู้ประกอบการ อาทิ การคุ้มครองลิขสิทธิ์ การส่งเสริมกิจกรรมสนับสนุนอุตสาหกรรมเกม มากกว่าจะออกกฏหมายควบคุม ที่สำคัญควรเปิดกว้างให้บุคลากรในวงการที่เกี่ยวข้องเป็นผู้มีสิทธิ์ในการพิจารณา จะช่วยให้อุตสาหกรรมเกมขับเคลื่อนและไปได้ไวมากกว่า
“เชื่อว่าฝั่งภาพยนตร์ ก็น่าจะเป็นกระแสแบบเดียวกัน วงการภาพยนตร์เขาก็มีประเด็นมาตลอด เพราะเนื้อหามีนัยยะ สัญลักษณ์ เลยมักจะถูกควบคุม ซึ่งจริงๆ แล้วอุตสาหกรรมเกมมันควรจะเป็นอิสระมากกว่าภาพยนตร์ เพราะมีลักษณะที่ไม่ได้สอดแทรกเนื้อหาอะไรกระทบกับใครเท่าใดนัก การออกมาควบคุม เลยจะกลายเป็นการครอบงำวงการไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม พอวงการไม่เปิดกว้างก็จะไม่เกิดความคิดสร้างสรรค์ จริงๆ แล้วควรจะเน้นและเพิ่มเฉพาะสิ่งที่เป็นการส่งเสริมผู้ประกอบการและอุตสาหกรรมในประเทศก่อน และ ทุกกระบวนการควรจะมีตัวแทนคนในวงการไปร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมร่าง”
“การให้อำนาจที่เกินความจำเป็นอาจเป็นการละเมิดสิทธิและเสรีภาพตั้งแต่การควบคุม คณะกรรมการฯ ควรทำส่วนเรื่องของการกำหนดระดับความเหมาะสมของเนื้อหา ผ่านรหัสและตราเครื่องหมายเท่านั้นก็น่าจะเพียงพอแล้ว ฝั่งผู้ผลิตเกมสามารถใช้ดุลพินิจในการผลิตเพื่อจัดระดับความเหมาะสมของเนื้อหาเองและเผยแพร่ได้โดยไม่ต้องรอการพิจารณาจากเจ้าหน้าที่รัฐ แต่หากพบว่ามีเนื้อหาไม่เหมาะสมตามระดับที่ควรจะเป็นผู้บริโภคสามารถร้องเรียนไปยังเจ้าหน้าที่ซึ่งจะพิจารณาและดำเนินการเพื่อเอาผิดเป็นกรณีๆ ไปได้”
“การกำหนดหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขในการกำกับดูแลจำเป็นต้องระมัดระวังไม่ให้บังคับครอบงำ และสร้างเงื่อนไขที่ซับซ้อนเกินไป เช่น ไม่จำเป็นต้องมีการขึ้นทะเบียนผู้ประสานงาน อย่างนี้จะช่วยหนุนอุตสาหกรรมเกมไทยเติบโตดีและไวยิ่งขึ้น ในส่วนของการกำกับ ดูแล ควบคุมต้องเน้นอย่าใช้งบประมาณมาก อย่าเน้นเรื่องตั้งคณะอนุกรรมการแต่ควรให้คนในอุตสาหกรรมกำกับดูแลกันเอง แล้วไปมุ่งเน้นการสนับสนุนผู้ผลิต กับ การจัดอันดับให้เรตติ้ง พยายามให้สิทธิแก่ผู้บริโภคในการตัดสินใจด้วย” ผศ.บัญญพนต์ ระบุ
ร่วมกันคิดหารือให้ “เกมไทยรุดหน้า”
“คนในวงการต่างมองว่า ควรระงับการพิจารณาร่างพรบ.ฉบับนี้ไว้ก่อน จนกว่าจะมีการหารืออย่างกว้างขวางให้เกิดความชัดเจนและเป็นธรรมแล้วจึงนำมาพิจารณาต่อไป ร่างฯ นี้ยังมีการตีความคลุมเครือในหลายจุด ส่วนใหญ่ยังเป็นมุมมองเชิงควบคุม แต่ยังขาดเรื่องการสนับสนุนหรือส่งเสริมผู้ผลิตสื่อสร้างสรรค์ในประเทศไทย” ผศ.บัญญพนต์ กล่าวสรุป.-008
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี