เมื่อคืนนี้ในการแข่งขันฟุตบอลชายซีเกมส์ นัดชิงชนะเลิศ ทีมชาติไทยพ่ายให้กับอินโดนีเซีย ในเกมนี้ทั้ง 2 มีจังหวะปะทะหลายหนจนใบแดงปลิวว่อน โดยเพจ วิเคราะห์บอลจริงจัง ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความเล่าเหตุการณ์แบบละเอียดยิบ ดังนี้
"บรรยากาศในเกมนี้ คนเข้ามาชม 23,899 คน เกือบเต็มความจุ โดยปริมาณกองเชียร์นั้น อินโดนีเซีย 50% , ไทย 20% ที่เหลือเป็นเวียดนาม กับ กัมพูชา ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะแช่งเราครับ อันนี้ผมพูดจริงๆ ตอนอินโดยิงได้ แฟนกัมพูชาลุกมาสแตนด์ดิ้งโอเวชั่นกันเลย เกมเริ่มต้นขึ้น ครึ่งแรกไทยโดนนำ 2-0 ประเด็นอยู่ที่ลูกที่ 2 นักเตะอินโดนีเซียได้รับบาดเจ็บ ในจังหวะที่ไทยได้บอลอยู่ ทำให้กรรมการเป่าหยุดเกม แล้วให้ดร็อปบอล แทนที่อินโดนีเซียจะคืนให้ไทย พวกเขากลับเล่นทันที ด้วยการยิงประตู
โอเคว่าไทยก็ประมาทเอง เพราะไม่มีกฎข้อไหนบอกว่าการดร็อปบอล ห้ามเล่น ลูกนี้อาจดูไม่ค่อยมีมารยาท แต่พวกเขาก็ทำถูกต้องตามกติกา ลูกนี้ สร้างความไม่พอใจให้นักเตะไทยและสตาฟฟ์อย่างมาก มีการไปประท้วง แต่กรรมการไม่สน จบครึ่งแรก อินโดนีเซียนำ 2-0 เข้าสู่ครึ่งหลัง ไทยตั้งสติและคัมแบ็กกลับมาได้ ก่อนจะตีไข่แตก เป็น 2-1 จากโฟแบร์-อนันต์ ยอดสังวาลย์ ในนาทีที่ 64 ตอนนี้ไทยเริ่มกลับมามีลุ้นอีกครั้ง
สิ่งที่สร้างความหงุดหงิดให้อย่างมากที่สุดกับนักเตะไทยต่อจากนั้น คือ ผู้เล่นอินโดนีเซีย "ทิ้งตัว" ทุกจังหวะ แล้วแต่ละครั้งก็นอนนานมากๆ นับเฉพาะจังหวะนอนอย่างเดียวก กินเวลาเกือบ 10 นาที ทำให้เกมของทีมชาติไทยหยุดชะงักอย่างมาก นอน นอน นอน แล้วก็นอน ดึงเวลาแบบไม่เกรงใจกันเลย
นอกจากนั้นจังหวะรุนแรงหลายช็อต กรรมการก็เป่าแบบไม่เป็นใจ เสียบขาคู่ ที่น่าจะแจกใบแดงได้ แต่ก็ไม่แจก มีความใจดีอย่างมากกับฝั่งอินโดนีเซีย เข้าสู่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ กรรมการทด 7 นาที ตอนนี้แฟนๆ อินโดนีเซียในสนามร้องรำทำเพลงกันแล้ว นักเตะอินโดนีเซียที่อยู่ข้างสนาม ก็เตรียมเฮเต็มที่ ในนาที 90+9 กรรมการเป่าฟาวล์ แต่นักเตะอินโดนีเซียเข้าใจว่า เป่าหมดเวลา จึงวิ่งกรูลงไปดีใจในสนาม แถมนักเตะบางคนของอินโดนีเซียวิ่งผ่านซุ้มม้านั่งสำรองของฝั่งไทยแล้วจงใจมองเข้าไปด้วย (ไม่รู้ว่าคิดอะไรหรือไม่) พอกรรมการไล่ออกจากสนามเพราะยังไม่หมดเวลา ฝั่งอินโดนีเซียก็หัวเราะกันอย่างอารมณ์ดีกัน มั่นใจว่ายังไงก็ต้องชนะแน่
แต่แล้ว นาที 90+10 โอกาสสุดท้ายของเกม ยศกร บูรพา กองหน้าอายุ 17 ของทีมชาติไทยตีเสมอได้ 2-2 มันเป็นการระเบิดความสะใจอย่างที่สุด เพราะมันคือโมเมนต์สุดท้ายของเกมแล้ว ด้วยความเก็บกดมาตลอดเกม ทำให้สตาฟฟ์โค้ชทีมชาติไทย และนักเตะบางส่วนวิ่งกรูไปเยาะเย้ยถึงเขตม้านั่งสำรองของฝั่งอินโดนีเซีย
ช็อตนี้ สตาฟฟ์ของไทย กรูไปหมด ไม่มีใครห้ามใคร นักเตะไทยก็ตามไปด้วย เป็นการล้ำเส้นเขตเทคนิคัลของอินโดนีเซียอย่างชัดเจนมาก สตาฟฟ์ของไทยกวักมือท้าทาย ฝั่งอินโดนีเซียให้เข้ามาหาด้วย ตำรวจต้องลงมาระงับเหตุการณ์
สตาฟฟ์อินโดนีเซียชี้หน้าด่าว่าไทยไร้มารยาท กรรมการจึงตัดสินใจควักใบแดงไล่สตาฟฟ์ของไทยหนึ่งคน คือโค้ชเชน ให้ออกจากสนามไป โทษฐานเข้าไปในเทคนิคัลแอเรียของคู่แข่ง และควักใบแดงไล่นักเตะสำรองอินโดนีเซียไป 1 คน เกมจบ 90 นาที ต้องต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาที ทุกอย่างรีเซ็ตกันใหม่ที่ 2-2 ทั้งสองทีมมีโอกาสแพ้ชนะพอๆกันทั้งคู่
ความเดือดคุกรุ่นอย่างมาก เข้าสู่ช่วงต่อเวลาพิเศษ ไทยเล่นพลาดเอง กองหลังจับบอลพลาด จนโดนอินโดนีเซียยิงประตูขึ้นนำ 3-2 ในนาทีที่ 91 คราวนี้สตาฟฟ์ของอินโดนีเซีย "เอาคืน" ฝั่งไทยบ้าง ด้วยการบุกเข้ามาในเขตซุ้มม้านั่งสำรองของไทย แล้วพยายามจะกระโดดถีบ แต่ไม่โดนเพราะนักเตะอินโดนีเซียมาช่วยขวางเอาไว้ได้ก่อน คนกระโดดถีบ (แต่ไม่โดน) วิ่งหนีออกไป สตาฟฟ์อีกคนของอินโดนีเซียวิ่งเข้ามา ท่าทีเหมือนจะบวก พร้อมชูนิ้วกลาง จึงโดนสตาฟฟ์ไทย 2 คนรุมต่อยล้มระเนระนาด
ตอนนี้นักเตะไทยผสมโรงมั่วไปหมดแล้ว นักเตะไทย ตัวสำรองเบอร์ 18 ไปสกายคิกใส่คู่แข่งไปหนึ่งที ผู้รักษาประตูของไทยวิ่งมาจากหน้าโกล์ตัวเอง มาสาวหมัดใส่นักเตะเบอร์ 4 ของอินโดนีเซีย ฝั่งอินโดนีเซียสาวหมัดคืนเช่นกัน ต่างคนต่างชี้หน้าอีกฝ่าย ว่าเริ่มก่อน นักเตะไทยบางคนก็พยายามเข้าไปห้ามปราม เช่นโจนาธาร เข็มดี การยั่วยุเกิดขึ้นจากสตาฟฟ์ทั้งสองฝั่ง อินโดนีเซียก็มาป่วนประสาทไทยหลายช็อตเหมือนกัน
สุดท้ายกรรมการต้องเรียกเฮดโค้ชสองฝ่ายมาคุยกัน รวมถึงตัวแทนจากฟีฟ่าต้องลงสนามไปเพื่อเบรกสถานการณ์ด้วย กรรมการควักใบแดงไล่ โคมัง เทกู เบอร์ 4 ของอินโดนีเซียออกจากสนาม และ ไล่ผู้รักษาประตูของไทย โสภณวิชญ์ รักญาติออกไปจากสนามเช่นกัน โทษฐานสาวหมัดใส่กัน ตามด้วยแจกใบแดงไล่สตาฟฟ์อินโดนีเซีย ที่เข้ามากระโดดถีบ (แต่ไม่โดน) และไล่สตาฟฟ์ของไทยที่สาวหมัดฮุก ให้ออกจากสนามไปให้หมด
ทั้งสองทีม เหลือ 10 คน เท่ากัน ไทยต้องเปลี่ยนเอาผู้รักษาประตูสำรอง ถิรวุฆ สรวลสรรค์ลงเล่นแทน การเหลือ 10 คนเท่ากัน ยังพอลุ้นตีเสมอได้ แต่โจนาธาร เข็มดี มาโดนใบเหลืองที่สองจากการเหนี่ยวคู่แข่งที่กำลังหลุด ไม่ได้เล่นนอกเกม แต่ก็แรงพอที่จะเป็นเหลืองที่ 2 ทำให้โจนาธาร โดนไล่ออกไปอีกคน ทีมชาติไทยต้องเล่น 10-9 สุดท้ายก็โดนยิงเป็น 4-2 ฉัตรมงคล เรืองฐนโรจน์ ได้รับบาดเจ็บต้องถูกหามออกไป ไทยต้องเล่น 10-8 เพราะหมดโควต้าเปลี่ยนตัวแล้ว เมื่อตัวน้อยกว่า ทำให้ไทยเล่นอย่างยากลำบากมาก ถึงตรงนี้ทุกคนก็น็อตหลุดหมดแล้ว ธีรศักดิ์ เผยพิมาย ไปดักขาใส่อินโดนีเซีย โดนเหลืองที่ 2 ไปอีก ไทยต้องเล่น 10-7
สุดท้ายมาโดนประตูที่ 5 ปิดกล่อง จบเกมไทยแพ้ 5-2 เป็นการพ่ายแพ้อย่างขาดลอย และอินโดนีเซียก็คว้าเหรียญทองซีเกมส์ได้สำเร็จ หลังจบเกมสตาฟฟ์ทั้งสองฝ่ายก็มาขอโทษขอโพยกัน จับไม้จับมือ
บทสรุปของเรื่องนี้ สำหรับผมที่ดูตั้งแต่แรก อยากบอกว่า เข้าใจ Heat of the moment ในช่วงเวลาที่การต่อสู้มันพุ่งพล่าน บางทีมันห้ามใจไม่ได้จริงๆ แล้วฝั่งอินโดนีเซียเองก็กวนประสาทมาเรื่อยๆ ทั้งจงใจดึงเวลา เล่นดร็อปบอลโดยไม่ส่งคืน แถมมีการมามองเข้ามาที่ซุ้มม้านั่งสำรองอีก หลายๆ ช็อต ที่ดูก็รู้ว่าตั้งใจยั่วยุแน่ๆ
แต่ถึงกระนั้น ทำไมเราต้องไปบ้าบอตามพวกเขา ตอนตีเสมอ 2-2 ทำไมสตาฟฟ์ต้องวิ่งบุกไปที่เทคนิคัล แอเรีย ของอินโดนีเซีย เราดีใจกันเฉพาะพวกเราไม่ได้หรอ สตาฟฟ์วิ่งไป เด็กๆ มันก็ตามไปด้วย ผู้ใหญ่นำ เด็กก็ตาม ทำไมเราไม่เป็นตัวอย่างที่ดีให้น้องเยาวชน แต่ละคนก็อายุเยอะกันแล้ว หัดมีจิตสำนึกซะบ้าง ตอนอินโดนีเซียนำ 3-2 ถ้าเขาบ้าบอจะวิ่งมาอัดเรา สุดท้ายเขาก็โดนใบแดงฝ่ายเดียว แต่พอสตาฟฟ์เราไปสาวหมัดอัพเปอร์คัพใส่คืน คราวนี้เด็กๆ ก็แห่มาต่อยมาเตะกันใหญ่ แม้แต่นายทวารตัวจริงยังอุตส่าห์วิ่งมาจากหน้าประตูเพื่อออกหมัด
นักเตะน่ะผิดแน่นอน คุณเล่นในทีมอาชีพกันทั้งนั้น เรื่องเบสิค เกี่ยวกับการใช้กำลังต้องรู้ว่าทำไม่ได้ แต่สตาฟฟ์โค้ชก็ต้องโดนด่าเหมือนกัน อย่าลืมว่า คุณทำงานให้ "ทีมชาติ" นะ เป็นตำแหน่งที่ Represent ความเป็น Thailand คุณทำแบบนี้ ไม่กลัวประเทศจะเสื่อมเสียหรอ ไม่กลัวใครๆ จะมองว่าไทยเป็นอันธพาลหรือไง
รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย เรื่องเบสิคที่เราเรียนกันตอนเด็ก จำไม่ได้แล้วหรือ ยับยั้งชั่งใจน่ะ ทำได้ไหม การพ่ายแพ้ได้เหรียญเงิน ยังไม่น่าอับอาย เท่าเราคุมตัวเองไม่ได้ แล้วไปออกอาวุธตอบโต้คู่แข่ง แถมบุกเข้าไปในเทคนิคัล แอเรียของคู่แข่ง เรื่องนี้มันแย่เหลือเกิน สตาฟฟ์ทำแบบนี้ ไม่ได้แปลกใจที่นักเตะจะซึมซับพฤติกรรมออกมาให้เห็น มันไม่ใช่เรื่องน่าดีใจเลยนะ ยุคนี้ Digital Footprint มันจะอยู่ตลอดไป เรื่องต่อยตีของสตาฟฟ์และนักเตะไทย จะโดนหยิบมาพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป็นรอยแผลอีกหนึ่งครั้งของฟุตบอลไทย
เรื่องนี้ สมาคมต้องมีคำตอบ ต้องมีบทลงโทษคนกระทำผิด อย่าให้กำลังใจกันอย่างเรื่อยเปื่อย สมาคมต้องแสดงจุดยืนว่า รับไม่ได้กับการใช้กำลัง Take Action ให้เคลียร์ อย่าปล่อยผ่านเด็ดขาด อิสระ ศรีทะโร, บำรุง บุญพรหม, ครองพล ดาวเรือง และสตาฟฟ์ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ต้องรับผิดชอบอะไรบางอย่าง กับพฤติกรรมแบบนี้ ขั้นแรก คุณรู้ใช่ไหม ว่านี่เป็นเรื่องไม่ควรทำ
สำหรับการแข่งขันในค่ำคืนนี้ที่พนมเปญ จะเป็นเรื่องราวในประวัติศาสตร์ของซีเกมส์ไปอีกนานแสนนาน และมันน่าเศร้า ที่วันนี้เราพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งในสนาม และนอกสนาม
บอกตรงๆ ว่า เป็นวันที่น่าอับอายจริงๆ".-008
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก : วิเคราะห์บอลจริงจัง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี