21 พ.ค.66 จากกรณีนายพรชัย (นามสมมุติ) อายุ 45 ปี ชาว อ.พิบูลย์รักษ์ จ.อุดรธษนี สามีใหม่ของ นางฤดี (นามสมมุติ) ทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิตในสภาพเปลือยเปล่า บริเวณใบหน้าคล้ายถูกของแข็งทุบจนน่วม เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 19 พ.ค.66 ที่ผ่านมา หลังก่อเหตุนายพรชัย ได้หลบหนีจากบ้านไปนอนที่กระท่อมนาของ นายบุญทัน (นามสมมุติ) ซึ่งเป็นน้าชาย ห่างจากบ้านที่เกิดเหตุประมาณ 500 เมตร เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น โดยภาพวงจรปิดที่กระท่อมนาของนายบุญทัน จับภาพไว้ได้ โดยนายพรชัยบอกกับนายบุญทัน น้าชายว่า ขอมานอนที่นาด้วย นายบุญทันเห็นเสื้อเปื้อนเลือดจึงถามไปว่าไปทำอะไรมา นายพรชัย ก็ตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน ว่า ตนเองไปฆ่าคนมา แต่ไม่บอกว่าไปฆ่าใคร นายบุญทันไม่เอะใจและไม่เชื่อนึกว่าพูดเล่น แถมมีเลือดเปื้อนเสื้อผ้าเต็มไปหมด จึงปล่อยให้นอนที่นาจนถึงรุ่งเช้า จนในที่สุด ตร.ตามจับกุมนายพรชัยได้ หลังกลับมาที่บ้านหลังก่อเหตุเพื่อมาดูภรรยาว่าเป็นอย่างไร และสารภาพทำร้ายภรรยาจริงแต่ไม่คิดว่าจะตาย สาเหตุเพราะทั้งสองคนเมาเหล้าแล้วผู้ตายได้ไล่นายพรชัยออกจากบ้าน
ต่อมาวันนี้ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านงานศพของนางฤดี ที่บ้านคำตานา พบญาติๆ กำลังจัดงานศพและเคลื่อนศพไปฌาปนกิจในวันนี้เลย นางสุพิศ (นามสมมุติ) อายุ 58 ปี น้าสาวของผู้ตาย เปิดเผยว่า ตนเองเป็นคนมาพบศพคนแรก หลังจากสามีคือนายบุญทันโทรมาบอกว่า ให้ไปดูนางฤดีหน่อยว่าตายหรือยังมีชีวิตอยู่ เพราะเมื่อคืนนายพรชัยซึ่งเป็นสามีได้ออกไปหาและบอกว่าฆ่าคนมา พอตนเองเปิดประตูเข้าไปในบ้านแทบช็อคเจอนางฤดี ซึ่งเป็นหลานสาวเสียชีวิยอยู่ภายในบ้านสภาพนอนเปลือยกาย ตัวแข็งชื่อและมีเลือดที่แห้งเกรอะกรังตามร่างกายโดยเฉพาะใบหน้า จึงได้แจ้งตร.ทันที สำหรับนางฤดีเพิ่งมาอยู่บ้านได้เพียง 1 ปีกว่าได้รู้จักกับนายพรชัยซึ่งเป็นสามีใหม่ เกิดทะเลาะกันเพราะทั้งสองก็กินเหล้าประจำ เห็นว่านางฤดีไล่นายพรชัยออกจากบ้านจึงทำให้ทะเลาะกันฆ่ากันตายดังกล่าว
ส่วนนางพิกุลทอง (นามสมมุติ) อายุ 34 ปี หลานสะใภ้ผู้ตายและมีบ้านอยู่ติดกัน บอกว่า วันเกิดเหตุตนเองไม่ได้นอนอยู่บ้านหลังนี้ ไปนอนบ้านแม่ย่า พอได้ยินข่าวว่านายพรชัยฆ่านางฤดีตกใจมาก รีบมาดูพบว่าถูกทำร้ายร่างกายใบหน้าเละไปหมด ส่วนสาเหตุทั้งคู่น่าจะทะเลาะกัน และชอบกินเหล้าทั้งสองคน ได้ยินว่านางฤดีได้ไล่นายพรชัยออกจากบ้านทำให้ไม่พอใจจึงก่อเหตุดังกล่าว สำหรับนางฤดีตนเองพาไปทำงานก่อสร้างด้วยที่อ.พิบูลย์รักษ์จนได้รู้จักกับนายพรชัย อยู่ด้วยกันมาปีกว่า ตนเองก็เคยเตือนนางฤดีว่าระวังไว้ด้วยเพราะเห็นว่าเขาเป็นโมโหร้าย แต่นางฤดีก็ไม่ยอมฟัง ก็โตๆ กันแล้วได้แค่เตือนเท่านั้น แต่ก่อนเคยได้ยินว่านายพรชัยเคยทำร้ายภรรยาเก่าจนดั้งหักมาแล้ว จนมาก่อเหตุฆ่าภรรยาตัวเองตายคาบ้าน
ขณะเดียวกันชาวบ้านต่างพากันลืออาถรรพ์ปลูกต้นกล้วยไว้หน้าบ้านทำให้คนตาย ทั้งๆ ที่นางฤดีสร้างบ้านใหม่เพิ่งขอเลขบ้านเลขที่ได้ แต่มีการปลูกต้นกล้วยหอมไว้หน้าบ้าน ลูกดกเสียด้วย โดยโบร่ำโบราณบอกว่า ไม่ควรปลูกต้นกล้วยไว้หน้าบ้านเพราะจะทำให้เจ้าของบ้านมีเหตุเป็นไปไม่อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือขั้นเจ้าของบ้านเสียชีวิต ปกติหน้าบ้านปลูกต้นไม้ได้ก็จะมีต้นยอ ต้นขนุน ต้นคูณ และต้นมะยม แต่ต้นกล้วยไม่ควรปลูกเพราะจะทำให้เจ้าของบ้านมีอันเป็นไป อันนี้คำโบร่ำโบราณกล่าวกันไว้.-008
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี