วันที่ 17 มิ.ย.66 บริเวณวัดโอกาส (ศรีบัวบาน) ถนนสุนทรวิจิตร เขตเทศบาลเมืองนครพนม ชาวจังหวัดนครพนมในเขตเทศบาลรวม 25 ชุมชนพร้อมใจใส่ชุดขาวร่วมประกอบพิธีประเพณีบุญเดือน 7 หรือบุญซำฮะเมือง หรือบุญชำระเมือง ซึ่งเป็นหนึ่งในงานประเพณีฮิตสิบสองคองสิบสี่ ที่ชาวอีสานทุกคนได้ยึดถือปฏิบัติเป็นขนบธรรมเนียมอย่างเคร่งครัดมาแต่โบราณ
ในปีนี้ผู้บริหารเทศบาลเมืองนครพนม ได้มีการสมมติบุคคลครองยศและตำแหน่งต่างๆ โดยคัดลอกมาจากบันทึกใบลานที่กล่าวไว้ เพื่อประกอบพิธีบุญซำฮะเมือง ประกอบไปด้วย พระครูพิชิตพัฒนคุณ รองเจ้าคณะจังหวัดนครพนม เจ้าอาวาสวัดกกต้อง สมมติเป็นราชครู นายชวนินทร์ วงศ์สถิตจิรกาล รอง ผวจ.นครพนมเป็นอุปฮาด นายจิรศักดิ์ สีหามาตย์ รอง ผวจ.นครพนมเป็นเมืองขวา นายอดิศร ตรีเนตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดนครพนมเป็นเมืองซ้าย นางสาวบุศรินทร์ ปานกลาง อัยการจังหวัดนครพนมเป็นราชวงศ์ นางสาวศุภพานี โพธิ์สุ นายก อบจ.นครพนมเป็นตาเมือง นายวรวิทย์ พิมพนิตย์ นายอำเภอเมืองฯ สมมติเป็นหูเมือง พ.ต.อ.ลือศักดิ์ ดำเนินสวัสดิ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนมเป็นทะแกล้ว พ.อ.จักริน จิตคติ รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 210 เป็นทหาร และนายสุเทพ อติวรรณกุล นายกสมาคมพ่อค้าจังหวัดนครพนมเป็นกวนขุน
ทั้งนี้ ทุกคนได้ร่วมกันสวดมนต์ไหว้พระ สมาทานศีล พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ ก่อนที่จะร่วมกันรับฟังพระธรรมเทศนาจากประธานฝ่ายสงฆ์ พระราชสิริวัฒน์ เจ้าคณะจังหวัดนครพนม เจ้าอาวาสวัดสว่างสุวรรณาราม ที่ได้เทศน์สอนให้ทุกคนได้รู้ถึงประวัติความเป็นมาของพิธีบุญซำฮะเมือง ที่ประกอบขึ้นเพื่อขับส่งเสนียดจัญไร สิ่งชั่วร้าย สิ่งอัปมงคลให้ออกไปจากเมือง รวมถึงเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับรับน้ำฝน ซึ่งหากทุกคนรู้จักการเก็บกวาดทำความสะอาดบริเวณโดยรอบบ้านตนเอง เมื่อฝนตกลงมาจะไม่มีน้ำท่วมขัง ไม่ก่อให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บและมีสุขอนามัยที่ดี
หลังเสร็จพิธีสงฆ์แต่ละท่านที่ครองยศและตำแหน่ง ได้ประกอบพิธีจุดเทียนหลักเมืองตามยศและตำแหน่งทักษิณา ที่มีการสมมติขึ้นมาว่าเป็นทิศต่าง ๆ รอบกำแพงเมืองนครพนม ตามด้วยการปักธงและโปรยเหรียญ จากนั้นจึงเปิดโอกาสให้ผู้ที่มาร่วมงานได้นำธงที่เตรียมมา ไปปักและโปรยเหรียญ ก่อนที่จะไปรับน้ำมนต์ที่ได้จากการประกอบพิธี นำไปประพรมตามบ้านเรือนของตนเองและสถานที่ต่าง ๆ เพื่อความร่มเย็นเป็นสุข
ในคัมภีร์ใบลานบันทึก ว่า บุญซำฮะเมือง หรือบุญชำระเมืองนั้น เกิดขึ้นตามความเชื่อที่ว่าเมื่อถึงเดือน 7 ต้องทำบุญชำระจิตใจให้สะอาด เพื่อปัดเป่ารังควาญสิ่งที่ไม่เป็นมงคลออกไปจากชีวิตและหมู่บ้าน โดยบางท้องถิ่นเรียกประเพณีนี้ว่าบุญเบิกบ้าน
บุญซำฮะเมืองมีเรื่องเล่าในพระธรรมบทว่า เมื่อครั้งเมืองไพสาลีเกิดทุพภิกขภัยข้าวยากหมากแพงเพราะฝนแล้ง ทำให้มีสัตว์เลี้ยงและผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก ด้วยความหิวโหยและเกิดโรคระบาด ดังนั้นชาวเมืองจึงพากันไปนิมนต์พระพุทธเจ้ามาขจัดปัดเป่าให้ โดยพระองค์และพระสงฆ์ จำนวน 500 รูป ได้เดินทางด้วยเรือมาตามแม่น้ำใช้ระยะเวลา 7 วัน จึงถึงเมืองไพสาลี และเมื่อเสด็จมาถึงก็เกิดฝนตกลงมาอย่างหนัก ทำให้น้ำท่วมแผ่นดินสูงจนถึงหัวเข่า และได้พัดเอาสิ่งสกปรก ซากศพของคนและสัตว์ต่างๆ ที่ล้มตายหายไปจนหมดสิ้น
จากนั้นพระพุทธเจ้าก็ได้นำน้ำมนต์ใส่บาตร ให้พระอานนท์นำไปประพรมทั่วทั้งพระนคร ทำให้โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ หายไปสิ้น จึงเป็นเหตุให้เมื่อถึงเดือน 7 ครั้งใด คนไทยอีสานและคนลาวโบราณพากันนำเอาดอกไม้ธูปเทียน ขันน้ำ ขันใส่ขวดทรายและฝ้ายผูกแขนมารวมกันที่วัด จากนั้นก็นิมนต์พระสงฆ์มาเจริญพระพุทธมนต์ จนกระทั่งรุ่งเช้าอีกวัน ก่อนที่จะร่วมกันทำบุญตักบาตร รับศีลรับพรและประพรมน้ำมนต์ จากนั้นทุกคนจะนำน้ำมนต์ที่เหลือกลับไปยังบ้านตนเอง เพื่อประพรมให้คนในครอบครัว บ้านเรือนและสัตว์เลี้ยงของตนเอง ส่วนฝ้ายผูกแขนก็นำไปให้บุตรหลาน เพื่อใช้เป็นเครื่องรางคอยปกป้องคุ้มครองให้ทุกคนอยู่เย็นเป็นสุข ขณะที่กรวดทรายก็นำไปวางรอบๆ บริเวณบ้านและที่นา เพื่อขับไล่เสนียดจัญไรและสิ่งอัปมงคลให้หมดไปจากชีวิต - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี