ประมงอำเภอทองผาภูมิ เก็บตัวอย่าง ปูป่าบ้านขนุนคลี่ พิสูจน์หาสายพันธุ์ที่แท้จริง เบื้องต้นพบสีต่างกันหลายจุด คาดเป็นปูสายพันธุ์ใหม่
จากกรณีนายจีรพันธ์ ขันแก้ว อายุ 48 ปี ชาวบ้านหมู่ 1 ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี อาชีพเกษตรกรชาวสวนยางบ้านขนุนคลี่ หมู่ 4 ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เจ้าของเฟสบุ๊คGee Khunkaew และ Tik Tok:@ geekhunkaew เผยแพร่คลิปวีดีโอและภาพนิ่งของปูป่าสีสันสวยงาม ที่มีพฤติกรรมธรรมชาติน่าเอ็นดู ทั้งการเคลื่อนไหวด้วยการเดินและวิ่งลงรูในน้ำ สร้างความสนใจให้แก่ผู้ที่พบเห็น พร้อมทั้งให้ข้อมูลของปูว่า น่าจะเป็นปูทูลกระหม่อมบ้าง ปูเจ้าฟ้าบ้าง ปูราชินีบ้าง จุดประสงค์เพื่อต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาทำการศึกษาข้อมูล เพื่อยืนยันสายพันธุ์ นำไปสู่การอนุรักษ์ ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 19 มิ.ย.66 นายจีรพันธ์ ขันแก้ว ได้นำพานายไพศาล รัตนา นักวิชาการเจ้าพนักงานประมงชำนาญการ ประมงอำเภอทองผาภูมิ เดินทางไปสำรวจแหล่งที่อยู่ของปูป่าที่อยู่ภายในสวนยางพาราของนายจีรพันธ์ ที่ตั้งอยู่ในท้องที่บ้านขนุนคลี่ หมู่ 4 ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ เมื่อไปถึงพบสวนยางพารามีเนื้อที่ประมาณ 7 ไร่เศษ ภายในสวนมีสภาพป่าพุที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีน้ำซับตลอดทั้งปี และยังมีต้นเตย ต้นเต่าร้าง ต้นหวายป่า และพืชจำพวกเฟิร์นขั้นอยู่เต็มพื้นที่
จากการเดินสำรวจพบรูปูกระจัดกระจายอยู่ทั่วบริเวณ บางรูพบตัวปูอยู่ที่ปากรู แต่เมื่อเข้าไปใกล้ๆหวังถ่ายภาพ ปูก็ตกใจแล้ววิ่งหลบเข้าไปในรูปู ทำให้ไม่สามารถถ่ายภาพได้ ทำให้นายจีรพันธ์ และนายไพศาล ตัดสินใจขุดขุดเอาปูขึ้นมาจากรูเพื่อนำมาเป็นตัวอย่างส่งไปให้นักวิชาการกรมประมง ทำการตรวจพิสูจน์หาสายพันธุ์ จำนวน 4 ตัว
ทั้งนี้ นายไพศาล รัตนา ประมงอำเภอทองผาภูมิ เปิดเผยว่า เบื้องต้นปูที่พบในพื้นที่แห่งนี้นั้นมีลักษณะใกล้เคียงปูทูลกระหม่อม แต่ยังมีจุดที่แตกต่างหลายจุด เช่น บริเวณปลายขาของปูทูลกระหม่อมจะเป็นสีขาวทั้ง4คู่ แต่ปูที่พบกลับเป็นสีส้ม และหน้าท้องปูทูลกระหม่อมจะเป็นสีส้มเข้ม แต่ปูที่พบหน้าท้องมีสีขาว บริเวณก้ามของปูทูลกระหม่อมจะมีจุดสีแดงเข้ม แต่ปูที่นี่ไม่มี จึงมีความเป็นไปได้ว่าอาจเป็นปูสายพันธุ์ใหม่
ด้านนายจีรพันธ์ ขันแก้ว เปิดเผยว่า ตนมีความสนใจและหลงรักปูป่าพบมานานกว่า 8 ปีแล้ว เนื่องจากเป็นปูที่มีสีสันสวยงามมากและปูมีพฤติกรรมที่น่าสนใจ เช่นเวลาเจอคนมันจะชูก้ามขู่เพื่อป้องกันตัว ในอดีตพบปูชนิดนี้ได้ทั่วไปในพื้นที่ โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน แต่ปัจจุบันปูที่พบเริ่มมีจำนวนลดลง เนื่องจากการทำการเกษตรที่มีการใช้สารเคมีและเครื่องจักรแทนแรงงานมนุษย์ ตนจึงได้ตัดสินใจเก็บพื้นที่ป่าในสวนยางจำนวนกว่า 7 ไร่เอาไว้เพื่อให้เป็นที่อยู่อาศัยของปู ซึ่งปกติในวันที่ฝนตกชุกจนน้ำท่วมรู ปูจะออกจากรูมาอาศัยอยู่บนพื้นดิน จึงเป็นช่วงเวลาที่จะพบปูได้เป็นจำนวนมาก
ตนจึงทำการถ่ายภาพและคลิปนำไปเผยแพร่ใน FB และ Tick Tock ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้คนเป็นจำนวนมาก และอยากรู้ว่าปูที่พบ เป็นปูสายพันธุ์อะไร ตนจึงตัดสินใจทำหนังสือไปถึงเจ้าหน้าที่ประมงอำภอทองผาภูมิ เพื่อให้เข้ามาช่วยดำเนินการตรวจพิสูจน์หาสายพันธุ์
สำหรับคนที่สนใจและอยากชมปูป่า สามารถเดินทางมาดูได้ที่บ้านขนุนคลี่ แต่ขอแนะนำว่าควรเดินทางมาในวันที่มีฝนตกชุก เนื่องจากปูจะออกมาหากินในช่วงดังกล่าว จะทำให้มีโอกาสได้เห็นปูจำนวนมาก ที่สำคัญระหว่างเข้าพื้นที่ ห้ามส่งเสียงดัง เนื่องจากปูชอบความเงียบ
ส่วนนายวิเชียร ขันแก้ว ชาวบ้านบ้านขนุนคลี่ กล่าวว่า ส่วนตัวมาทำสวนในพื้นที่แห่งนี้มาตั้งแต่ ปี 2527 และสมัยนั้นพบปูป่าชนิดนี้อยู่เป็นจำนวนมาก และที่สำคัญไม่มีใครมาจับเพื่อนำไปเป็นอาหารแม้แต่ครั้งเดียว ส่วนใหญ่จะพบปูชนิดนี้ในช่วงฤดูฝน โดยเฉพาะช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ค.ของทุกปี จะเห็นปูออกจากรูมาเดินเต็มพื้นที่ไปหมด แต่ปัจจุบันนี้เริ่มเห็นปูลดน้อยลงไปมาก เชื่อว่าสาเหตุน่าจะมาจากการทำการเกษตรที่มีการใช้สารเคมีมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ตนรู้สึกดีใจที่จะมีการเข้ามาศึกษา เพื่อนำไปสู่การอนุรักษ์ ไม่ว่าผลการพิสูจน์ออกมาจะเป็นปูทูลกระหม่อม หรือปูชนิดใดก็ตาม เราก็พร้อมที่จะอนุรักษ์เอาไว้เพื่อให้เยาวชนรุ่นหลังได้ศึกษาต่อไป - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี