"พ่อท่านกลาย" หรือ "พระครูวิบูลย์พนมรักษณ์" หนึ่งในองค์พ่อแม่ครูอาจารย์ฯ ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบตามคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมณโคดมบรมครู ที่วัดเขาขุนพนม อำเภอพรหมคีรี จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยองค์ท่านละสังขารใน พ.ศ. 2536 ด้วยพรรษ 94 พรรษา และ ปัจจุบันสรีระสังขารของท่านไม่เน่าเปื่อย
“พ่อท่านกลาย” เป็นพระผู้บูรณปฏิสังขรณ์ วัดเขาขุนพนม เมื่อ พ.ศ. 2498 โดยตอนนั้นยังเป็นวัดร้าง โดย “ท่านพ่อกลาย” ค้นพบพระพุทธรูปจากถ้ำต่าง ๆ ในเขาขุนพนมจำนวนมาก ทั้งที่เป็นพระพุทธรูปทองคำ และเงินยวง
ต่อมาใน พ.ศ.2502 “พ่อท่านกลาย” เดินเท้าเพื่อไปรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร หรือ ในหลวง รัชกาลที่ 9 ที่น้ำตกพรหมโลก และได้ทูลเกล้าฯถวายพระพุทธรูปเงินยวง ซึ่งพ่อท่านกลายได้รับนิมิตจากเทวดาให้นำไปถวายแด่กษัตริย์ผู้มีบารมีสูง
ใน พ.ศ.2548 ศรัทธาพุทธศาสนิกชนสร้างมณฑปถวายพ่อท่านกลาย ปี พ.ศ.2548 เพื่อเก็บรักษาสรีระของพ่อท่านกลาย และเป็นที่บูชาสักการะของพุทธศาสนิกชน สรีระสังขารที่ไม่เน่าเปื่อย ดุจดั่งความดีของท่านเป็นเช่น "อมตะธรรม" ที่ปรากฏเป็นรูปธรรมให้พุทธศาสนิกชนได้เพิ่มแรงศรัทธาในการทำความดี ดังเช่นบทกลอนคำฉันท์กฤษณาสอนน้องซึ่งเป็นพระนิพนธ์ของสมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระปรมานุชิตชิโนรส สมเด็จพระสังฆราชเจ้าองค์ที่ 7 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ผู้ทรงเป็นปราชญ์ทางอักษรศาสตร์ และเป็นรัตนกวีของโลกที่องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ประกาศยกย่องให้เป็นผู้มีผลงานด้านวัฒนธรรมดีเด่นของโลก ในเนื้อหา
พฤษภกาษร อีกกุญชรอันปลดปลง
โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี
นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์
สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา
ความดีก็ปรากฏ กฤติยศฤาชา
ความชั่วก็นินทา ทุรยศยืนขจร
ทั้งนี้ เว็บไซต์ไทยแลนด์ ทัวร์ริสต์ ไดเรกทอรี่ ระบุว่า “วัดเขาขุนพนม” ซึ่งเป็นสถานที่ที่ “พ่อท่านกลาย” ค้นพบ เคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชภายหลังจากสิ้น รัชกาลของพระองค์ มีผู้สันนิษฐานว่าพระเจ้าตากสินทรงมิได้ถูกประหารชีวิต อย่างที่พงศาวดารกล่าวอ้าง แต่ ได้ทรงสับเปลี่ยนพระองค์กับพระญาติหรือทหารคนสนิท แล้วเสด็จมายังนครศรีธรรมราช มีการเตรียมการ โดยมีการสร้างป้อมปราการ ทำเชิงเทิน ป้อมวงกลมตามชะง่อนผาเพื่อให้พระเจ้าตากสินได้ประทับเมื่อทรงผนวชเจริญวิปัน สนากรรมกรรมฐาน ณ วัดเขาขุนพนมจนเสด็จสวรรคต
แต่บางกระแสกล่าวว่าเขาขุนพรม สร้างโดยพระยาตรังภูมาภิบาลเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช สำหรับพักตากอากาศที่เขาขุนพนมจึงมีการสร้าง ป้อมปราการคอยป้องกันอย่างแน่นหนา ความสำคัญต่อชุมชน ชาวเขาขุนพนมมีความเชื่อเรื่องพระเจ้าตากสินมหาราช เสด็จหนีมาประทับที่เขาขุนพนม จึงได้ร่วมมือ กันสร้างพระตำหนักสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช บริเวณชะง่อนหินเชิงเขา ซึ่งเป็นบริเวณที่เชื่อว่าพระองค์ ประทับขณะผนวชอยู่ ประชาชนที่ยังระลึกถึงวีรกรรม และความกล้าหาญในการกู้เอกราชชาติไทยในสมัยเสีย กรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ได้ร่วมกันสร้างพระบรมสาทิสลักษณ์ ทั้งในเพศบรรชิต และชุดฉลองพระองค์นักรบ แล้วอัญเชิญมาไว้ในศาลให้ผู้คนที่ศรัทธาได้มากราบไหว้ ปัจจุบันจึงมีประชาชน จากทั่วสารทิศมาเขาขุนพนม อยู่เสมอเพื่อตามรอยพระเจ้าตากสินมหาราช
ลักษณะทางสถาปัตยกรรมเขาขุนพนมมี ลักษณะเป็นภูเขาหินปูนลูกโดดเตี้ย ๆ มีต้นไม้ปกคลุมอยู่อย่างหนาแน่น บนภูเขามีถ้ำหินปูน ที่มีโพรงหินงอกหินย้อน ลักษณะของภูเขาวางตัวอยู่ในแถบเหนือ-ใต้ มีความยาวประมาณ ๗๕๐ เมตร กว้างตามแนวทางทิศตะวันออก-ตะวันตก ประมาณ ๕๐๐ เมตร สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 43 เมตร ส่วนยอดเขาสูง จากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ ๑๖๕ เมตร
ทางทิศใต้ของภูเขาเป็นทางลาดชัน ทางทิศเหนือเป็นไหล่เขา ทางทิศตะวันตกเป็นสวนมังคุดและสวนยางพารา ทางทิศตะวันตกเป็นโรงเรียนและวัดเขาขุนพนม เขาขุนพนมมีจุดเด่นอยู่ที่วัดเขาขุนพนมซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ของเขาขุนพนม ประวัติการก่อสร้างไม่ปรากฏ แต่หลักฐานประเภทโบราณสถานและโบราณวัตถุต่าง ๆ สามารถบ่งนี้ได้ว่า วัดเขาขุนพนมน่าจะสร้างขึ้นในตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี
ขอบคุณข้อมูลและภาพ :
ทีมงานประชาสัมพันธ์สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
https://mgronline.com/travel/detail/9640000055738
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=27527.0
https://anonbiotec.net/th
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี