ในการแถลงข่าวประจำสัปดาห์ของสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 29-30 ส.ค. 2566 ตนในฐานะผู้แทน กสม. ของไทยได้เข้าร่วมการประชุมระหว่างสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกว่าด้วยการส่งเสริมสิทธิของผู้สูงอายุและการพัฒนาตราสารระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิของผู้สูงอายุ ร่วมกับผู้แทนสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก รวม 14 ประเทศ ณ กรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์
การประชุมดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ในการรณรงค์และผลักดันการรับรองตราสารระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิของผู้สูงอายุที่มีผลผูกพันทางกฎหมาย โดยที่ประชุมเห็นว่า สิทธิของผู้สูงอายุเป็นประเด็นที่มีการพูดคุยและขับเคลื่อนมาเป็นระยะเวลานานทั้งในระดับโลกและระดับภูมิภาค
ซึ่งมีข้อถกเถียงที่สำคัญคือ มาตรฐานสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศที่มีในปัจจุบันนั้นเพียงพอต่อการคุ้มครองสิทธิของผู้สูงอายุอย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ ซึ่งปัจจุบันประเทศสมาชิกของสหประชาชาติก็ยังไม่มีมติเป็นเอกฉันท์ในเรื่องดังกล่าว อย่างไรก็ดี ผลการศึกษาจากกลไกต่างๆ มีข้อค้นพบในทิศทางเดียวกันว่า กฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศที่มีอยู่ในปัจจุบันยังมีข้อจำกัดและยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอในการรับรองสิทธิของผู้สูงอายุและให้การคุ้มครองผู้สูงอายุในระดับระหว่างประเทศ
อีกทั้งยังไม่ครอบคลุมประเด็นเฉพาะที่กลุ่มผู้สูงอายุต้องเผชิญ เช่น การเหยียดอายุ (ageism) การเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งอายุ (age discrimination) ปัญหาความรุนแรง การถูกทอดทิ้ง การถูกแสวงหาประโยชน์เกี่ยวกับทรัพย์สิน และปัญหาการดูแลผู้สูงอายุในระยะยาว(long-term care) เป็นต้น ขณะที่ กรอบพันธกรณีและมาตรฐานสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศในปัจจุบันก็ยังไม่สามารถกำหนดแนวทางให้กับรัฐบาลต่างๆ ในการออกกฎหมายหรือกำหนดนโยบายที่เหมาะสมในการประกันสิทธิของผู้สูงอายุได้มากยิ่งขึ้น
นายวสันต์กล่าวต่อไปว่า ในการประชุมครั้งนี้ ตนได้นำเสนอข้อมูลสถานการณ์ผู้สูงอายุในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และในประเทศไทย ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์ในภาพรวมของโลกที่ประชากรผู้สูงอายุมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยคาดการณ์ว่า ภายในปี ค.ศ. 2050 ประชากรโลกจะมีอัตราส่วนผู้สูงอายุมากกว่าอัตราส่วนของเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี และภายในปี ค.ศ. 2050 คาดการณ์ว่าอัตราส่วนของผู้สูงอายุในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 22
นอกจากนี้ ผู้สูงอายุในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ยังเผชิญปัญหาในลักษณะเดียวกัน เช่น การเลือกปฏิบัติในรูปแบบต่างๆ การไม่สามารถดำรงชีวิตได้อย่างอิสระ เนื่องจากผู้สูงอายุจำนวนมากต้องพึ่งพิงคนในครอบครัว ซึ่งนำไปสู่ปัญหาอื่นๆ เช่น ความรุนแรงและการถูกทอดทิ้ง ยังมีปัญหาการเข้าถึงสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมในมิติต่างๆ เช่น บริการด้านสุขภาพ หลักประกันรายได้ และการเป็นส่วนหนึ่งของสังคม
สำหรับประเทศไทย ปัจจุบันได้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ (completed aged society) ตามข้อมูลทางสถิติที่มีรายงานประชากรอายุเกิน 60 ปี มีมากกว่าร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมด และคาดการณ์ว่าจะเข้าสู่สังคมสูงวัยระดับสุดยอด (super aged society) คือมีประชากรผู้สูงอายุถึงร้อยละ 28 ของประชากรทั้งหมดในอีกประมาณ 7-8 ปีข้างหน้า ในขณะที่โครงสร้างสังคมยังมีการเปลี่ยนแปลงจากครอบครัวที่อยู่รวมกันขนาดใหญ่กลายเป็นครอบครัวเดี่ยว บุตรหลานต้องเข้ามาทำงานในเมือง ทำให้ผู้สูงอายุต้องอาศัยอยู่เพียงลำพัง หรือถูกทอดทิ้ง
ทั้งนี้ สิทธิของผู้สูงอายุในประเทศไทยยังมีข้อท้าทายหลายประการ เช่น การเข้าไม่ถึงเทคโนโลยีทำให้เป็นอุปสรรคในการได้รับบริการจากรัฐ หรือสภาพแวดล้อมทางกายภาพที่ยังไม่เหมาะสมต่อการใช้ชีวิตของผู้สูงอายุ โดยการประชุมหารือดังกล่าว นับเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในระดับภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกในการยกระดับการคุ้มครองสิทธิของผู้สูงอายุร่วมกัน
โดยที่ประชุมเห็นพ้องถึงความสำคัญในการรับรองสิทธิของผู้สูงอายุในกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ และบทบาทของสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติในการให้คำแนะนำ และเป็นสะพานเชื่อมภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและภาคประชาสังคมเพื่อขับเคลื่อนประเด็นสิทธิของผู้สูงอายุ ทั้งนี้ กสม. ไทยได้ร่วมเรียกร้องให้เครือข่ายพันธมิตรระดับโลกว่าด้วยสถาบันสิทธิมนุษยชน (Global Alliance of National Human Rights Institutions : GANHRI) มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนประเด็นสิทธิของผู้สูงอายุ
และเพิ่มการสนับสนุนการทำงานของคณะทำงานว่าด้วยสิทธิของผู้สูงอายุของเครือข่ายพันธมิตรระดับโลกว่าด้วยสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ รวมทั้งเรียกร้องให้คณะทำงานด้านผู้สูงอายุของสหประชาชาติ (The UN General Assembly’s Open-ended Working Group on Ageing: OEWGA) มีข้อเสนอแนะไปยังสมัชชาสหประชาชาติให้เริ่มต้นกระบวนการร่างสนธิสัญญาว่าด้วยสิทธิของผู้สูงอายุ เพื่อผลักดันให้สิทธิของผู้สูงอายุเป็นหนึ่งในสิทธิมนุษยชนกระแสหลักต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี