17 กันยายน 2566 ยามนี้อยู่ในช่วงเข้าพรรษา และเป็นวันอาทิตย์ วันหยุดได้มีโอกาสเดินทางไปทำบุญ สร้างกุศล ที่วัดดงเฒ่าเก่า ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลนาหมอม้า อำเมืองอำนาจเจริญ จังหวัดอำนาจเจริญ ด้านทิศตะวันตกออกจากตัวเมืองอำนาจเจริญ ไปตามถนนอรุณประเสริฐ สายหลัก อำนาจเจริญ - กรุงเทพมหานคร ห่างตัวเมืองอำนาจเจริญ ประมาณ 19 กิโลเมตร ถึงสี่แยกไฟแดง(แยกกุญชร) เลี้ยวขวาเข้าถนนสายรองอีกประมาณ 5 กิโลเมตร ก่อนถึงตำบลนาหมอม้า ประมาณ 2 กิโลเมตร จะพบป้ายบอกวัดดงเฒ่าเก่าด้านขวามืออย่างชัดเจน
จากนั้นเลี้ยวเข้าถนนคอนกรีตเสริมเหล็กอีกประมาณ 500 เมตร เป็นที่ตั้งของวัดดงเฒ่าเก่า ซึ่งปกคลุมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ สงบร่มรื่น มีกระแสลมพัดกระทบกายอยู่ตลอดเวลา ทำให้เย็นสบาย ท่ามกลางเสียงจิ้งหรีด จักจั่น เรไร นก กา นานาชนิด ขับกล่อมบรรเลงเป็นเสียงเพลงอย่างเพลิดเพลิน ทำให้จิตใจเป็นสุข เมื่อเดินเข้าสู่วัดแห่งนี้
เนื่องจากก่อนที่จะมีการก่อตั้งเป็นวัดดงเฒ่าเก่า ว่ากันว่า เมื่อหลายร้อยปีที่ผ่านมา บริเวณนี้เป็นเส้นทางการเดินทางของชนชาวขอมโบราณ ซึ่งเชื่อมกันกับเส้นทางตามแนวชายแดนด้าน จ.ศรีสะเกษ,บุรีรัมย์และนครราชสีมา หากมีการพักค้างแรมที่ไหนจะมีการก่อสร้างสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนาของพวกขอมโบราณ จึงปรากฏเป็นหลักฐานให้เห็น เช่น ใบเสมา พระพุทธรูป กำแพง และอื่นๆ ในปัจจุบัน
ต่อมา เจ้าอาวาสวัดดงเฒ่าเก่า เดินธุดงค์ไปหลายพื้นที่ทั้งประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว(สปป.ลาว),กัมพูชาและพม่า กระทั่งเดินผ่านพื้นที่ดงเฒ่าเก่า พบว่า เป็นที่เหมาะสมที่จะปฏิบัติธรรม จึงได้ปักกรดจำพรรษาอยู่ที่นี่ กระทั่งชาวบ้านนาหมอม้าทราบข่าว ร่วมกันบริจาคทุนทรัพย์ ก่อสร้างกุฎิ อุโบสถและอื่นๆขึ้น จนกลายเป็นวัดดงเฒ่าเก่า สังกัดธรรมยุติ บนเนื้อที่ 100 ไร่ มีต้นไม้ขนาดใหญ่หลงเหลืออยู่เป็นจำนวนมาก จึงเป็นที่หมายปองของบรรดามอดไม้ แอบเข้ามาตัดไม้ทำลายป่า รวมถึงพวกนิยมวัตถุมงคล จะแอบเข้ามาขุดหาขุมทรัพย์สมบัติ และวัตถุมงคลอยู่บ่อยครั้ง
ล่าสุด เข้ามาขโมย พระนารายณ์และพระพิฆเนศเนื้อสัมฤทธิ์ทั้ง 2 องค์อายุหลายร้อยปี ซึ่งตั้งอยู่หน้าพระประธาน ในศาลาการเปรียญ เพียงชั่วข้ามคืนเอากลับมาคืนไว้ที่เดิม เนื่องจากสิ่งลี้ลับไปทวงเอาคืนถึงบ้าน และบางคนที่เข้ามาตัดไม้ จะถูกอาถรรพ์ต่างๆถึงกับเป็นบ้าเสียสติ ซึ่งชาวบ้าน เชื่อว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ปกป้องรักษาผืนป่าเป็นผู้ลงโทษหัวขโมยเหล่านั้น ทุกวันนี้ จึงไม่มีใครกล้าเข้าไปลักลอบตัดไม้หรือแอบเข้าไปขุดหาวัตถุมงคลหรือของเก่าอีกเลย
สำหรับพุทธศาสนิกชน ที่คิดดีทำดี เดินทางเข้ามากราบไหว้ขอพร หลวงพ่อศิลาพันปี ไม่ได้ขาด เพื่อความเป็นสิริมงคล ค้าขายดีอย่างต่อเนื่อง
สำหรับ หลวงพ่อศิลาพันปี ขุดขึ้นมาจากบริเวณที่จะก่อสร้างอุโบสถ ว่ากันว่า ระหว่างที่ชาวบ้านปรับพื้นดิน จอบขุดกระทบส่วนขาหลวงพ่อศิลาชาวบ้านจึงช่วยกันขุดจนพบว่าเป็นพระศิลาฝังอยู่ใต้ดินและอัญเชิญขึ้นมา ประดิษฐานในมณฑปกันแดดกันฝน และด้านข้างจะมีไหโบราณ จำนวน 3 ใบ ขุดขึ้นมา ตั้งอยู่ใกล้กัน ส่วนด้านล่างข้างขวา จะพบเห็นแผ่นศิลาวางอยู่ เป็นภาพวาดศิลปวัฒนธรรมของขอมโบราณ มีอายุไม่ต่ำกว่า 1 พันปีเช่นกัน มณฑปแห่งนี้จัดให้เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านโบราณวัตถุ เพื่อเด็กและเยาวชนและผู้ที่สนใจ เข้ามาค้นคว้าศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม
นอกจากนี้ หากเดินไปตามทางเดินด้านทิศเหนือที่มีต้นไม้น้อยใหญ่ขึ้นอยู่เต็มสองข้างทาง ประมาณ 200 เมตร ท่ามกลางความสงบร่มรื่น กระแสลมพัดกระทบกายเย็นสบายตลอดเวลาจนชวนให้เคลิบเคลิ้ม น่าพักผ่อนยิ่งนัก จะพบเห็นป้ายกลุ่มเสมาธรรมจักร ซึ่งเป็นที่ตั้งของใบเสมาธรรมจักร จำนวนมาก ที่ผุดขึ้นมาเหนือพื้นดิน บางใบเสมาผุดขึ้นมาเพียงครึ่งใบ และมีจำนวนหนึ่งที่เห็นเป็นรูปร่างครบสมบูรณ์ สวยงามมาก
ส่วนเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ เกิดปรากฏการณ์ ที่ชาวบ้านและบรรดาลูกศิษย์ ที่ต้องจดจำไม่รู้ลืม คือ เกศาของหลวงพ่อบุญนำ หรือพระครูจิตตปาลคุณ เมื่อตัดออกจากศรีษะแล้ว ไหลมารวมกันกลายเป็นก้อนสีดำ ลักษณะเหมือนพระอริยะสงฆ์ เมื่อละสังขารแล้วอัถฐิจะกลายเป็นอัถฐิธาตุสีขาว ทำเอาชาวบ้านถึงกับฮือฮา เพราะเชื่อว่า หลวงพ่อบุญนำแสดงปาฏิหาริย์ จึงมีลูกศิษย์พระครูจิตตปาลคุณ หรือหลวงพ่อบุนนำ นำเกศา มาใส่ผอบ เพื่อแจกจ่ายแก่พุทธศาสนิกชน ที่ต้องการมีไว้ติดตัว และเชื่อว่า จะช่วยให้ค้าขายดี เมตตามหานิยม และแคล้วคลาดปลอดภัยจากภยันตรายทั้งหลายทั้งปวง ที่สำคัญ การเทศนาทุกครั้ง หลวงพ่อบุญนำ ยึดหลัก คำสอนของ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นแนวทางในการปฏิบัติ ส่งผลให้พลังศรัทธาในวัตรปฏิบัติที่ดีงาม ทำให้ศิษยานุศิษย์นำไปปฏิบัติ ในเรื่อง การทำความดี การทำบุญสร้างกุศล โดยเฉพาะ เน้นการถือศีล 5 ข้อ คือ ห้ามฆ่าสัตว์ ห้ามลักทรัพย์ ห้ามพูดเท็จ ห้ามทำผิดในกามและห้ามดื่มสุรา หากปฏิบัติได้ จะพบแต่ความสุข
ก่อนเดินทางกลับได้แวะฟังพระธรรมเทศนา จาก เจ้าอาวาสวัดดงเฒ่าเก่า ตอนหนึ่งว่า พระสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประธานย่อมเกิดผลมากกว่าให้พระพุทธเจ้าพระองค์เดียว ให้ในพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ ผู้ออกจากนิโรธสมบัติ ย่อมมีผลมากกว่าให้ในพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ในสถานภาพปกติ ให้ในพระพุทธเจ้า ย่อมมีผลมากกว่าให้ในพระอรหันต์ ให้ในพระอรหันต์ ย่อมมีผลมากกว่าให้ในพระอนาคามี ให้ในพระอนาคามี ย่อมมีผลมากกว่าให้ในพระสกทาคามี ให้ในพระสกทาคามี ย่อมมีผลมากกว่าให้พระโสดาบัน ให้ในพระโสดาบัน ย่อมมีผลมากกว่าให้แก่ผู้ทรงฌาน ให้ผู้ทรงฌาน ย่อมเหนือกว่าให้ผู้ประพฤติศีลตามปกติ ให้ผู้มีศีลย่อมมากกว่าให้ผู้ไม่มีศีล ให้ในคนย่อมมากกว่าให้ในสัตว์ ให้ในสัตว์ผู้โพธิสัตว์ย่อมมีผลมากกว่าให้ในสัตว์ธรรมดา ให้ในคุณย่อมเกิดผลมากกว่าให้แก่สัตว์ที่ไม่มีคุณ และแม้แต่ให้อาหารแก่พวกมด ปลวก ก็ยังเกิดผลบุญกุศล
ดังนั้น เชื่อว่า การให้ย่อมเกิดบุญกุศลทั้งสิ้น แต่มากน้อยต่างกัน เงิน 1 บาท ถวายพระอรหันต์ มีผลมากมายนับไม่ได้ แต่ให้พระภิกษุผู้ทรงศีลมีผลน้อย นี่คือ ความแตกต่างของนาบุญ ถ้ารู้จักเลือกให้เลือกเถิด ถ้าเลือกไม่ได้ ก็ให้ถวายสงฆ์รวมก็มีอานิสงส์มาก ก็ย่อมเกิดบุญกุศลทุกครั้ง ที่ระลึกถึงศีลตัวเอง รักษาดีแล้วไม่ด่างพร้อย ก่อนนั่งภาวนาทุกครั้ง ให้เริ่มคิดดังนี้ “ขออำนาจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จงดลบรรดาบุญที่ข้าพเจ้ากำลังจะภาวนาเวลานี้ จงสำเร็จแก่ผู้ต้องการบุญ ผู้ใดคิดอยากได้ขอให้บุญภาวนาที่กำลังจะทำนี้เป็นของท่านตามปราถนา”
ผลของการทำบุญ ทำให้เจ้ากรรมนายเวรหยุดการจองเวร แล้วกลับมาเป็นเทวดาที่ปกป้องรักษาตัวเรา ทำให้เป็นที่รักของเทวดาและมนุษย์-สัตว์ทั้งหลาย ไปทางไหนมีเสน่ห์แก่ผู้พบเห็น ธุรกิจการค้า หน้าที่การงาน จะเจริญรุ่งเรือง จะพบช่องทางที่ทำมาหากินที่ชัดเจน ร้านอาหาร ร้านขายของ จะมีแขกเพิ่มขึ้นกว่าเดิมและอย่าลืม ถ้ามีคนมาอุดหนุนให้อธิษฐานบุญให้แก่เทวดาที่รักษาลูกค้า ที่มาอุดหนุนทันที ต่อมาเทวดาจะดลใจให้ลูกค้ากลับมาหาเราอีก นอนหลับสบาย ไม่สะดุ้งผวา ด้วยภัยอันตราย แม้ฝันก็ฝันดี เพื่อนบ้านจะรักใคร่ปรองดองกัน ซึ่งโยมญาติควรทำบุญให้มากๆ ผลบุญจะเอื้อหนุน อันนำไปสู่หนทางแห่งความสุขนั่นเอง.012