พบพระพุทธรูปโบราณ “หลวงพ่อปากแดง” ในวัดป่ากลางเมืองนครพนม เตรียมจัดทอดกฐินสร้างวิหาร เลขเด็ดโผล่กระถางธูป ลือโชคดีติดต่อมาหลายงวด

วันที่ 31 ต.ค.66 ผู้สื่อข่าวได้รับการบอกเล่าจากประชาชนชุมชนวัดอรัญญิกาวาส เขตเทศบาลเมืองนครพนมว่า ภายในวัดมีพระพุทธรูปโบราณองค์ใหญ่ ปางชนะมาร หรือสะดุ้งมาร ซึ่งยังไม่ค่อยมีใครทราบมาก่อน ลือกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์และบันดาลโชคลาภแก่ผู้มาทำบุญกราบไหว้ขอพรหลายงวดแล้ว จึงเดินทางไปยังวัดอรัญญิกาวาส ซึ่งเป็นสายธรรมยุต ปัจจุบันมีพระครูสุเมธธรรมาภิวัฒน์ เจ้าคณะอำเภอเมืองนครพนม (ธ) เป็นเจ้าอาวาส กำลังสนทนาอยู่กับนายศาสตรา พรหมรักษ์ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานนครพนม เกี่ยวกับการจัดงานทอดกฐินสามัคคี ระหว่างวันที่ 11-12 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้ เพื่อสมทบทุนสร้างวิหารพระศรีโคตรบูรณ์ หรือหลวงพ่อปากแดง

ทั้งนี้ พระครูสุเมธธรรมมาภิวัฒน์ เปิดเผยที่มาของพระศรีโคตรบูรณ์ว่า เนื่องจากหลวงปู่ขาว พุทธรักขิโต วัดป่าคูณคำวิปัสสนา อ.กุดบาก จ.สกลนคร ได้รับการถวายพระพุทธรูปโบราณองค์นี้จากโยมฝั่งประเทศเพื่อนบ้านและเห็นว่าวัดอรัญญิกาวาส จ.นครพนม เหมาะที่จะอัญเชิญมาประดิษฐาน ท่านจึงถวายต่อให้ทางวัด เมื่อ 4-5 ปีก่อนวิกฤตโควิดระบาด ขณะเคลื่อนย้ายองค์พระที่มีน้ำหนักเกือบ 2 ตัน ตอนนั้นแดดจ้ามาก พอองค์พระมาถึงวัดนอกจากไม่มีแดดแล้ว ยังมีลมพัดเอื่อยๆให้ความร่มเย็นสบาย โดยอัญเชิญท่านมาไว้ข้างศาลาเก่า สร้างเพิงชั่วคราวกันแดดฝน และจุดธูปอธิษฐานบอกกล่าวท่าน ว่า หากวัดมีวาสนาขอให้มีคนมาช่วยก่อสร้างวิหาร เป็นที่ประดิษฐานถาวร

ต่อมาก็มีผู้รับเหมามาขอพบเจ้าอาวาส โดยเล่าว่าฝันเห็นพระพุทธรูปองค์สีดำ ปางสะดุ้งมาร อยู่ในป่าทึบปกคลุมด้วยต้นไม้ใหญ่ และมีหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล นั่งวิปัสสนากรรมฐานอยู่ใกล้ๆ และฝันซ้ำๆแบบนี้หลายคืน กระทั่งได้มาฌาปนกิจศพญาติที่เมรุวัด เห็นเพิงพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ลักษณะเหมือนในฝันทุกอย่าง จึงสอบถามที่มาที่ไปของวัดแห่งนี้ ก็ทราบว่าเป็นวัดป่าที่หลวงปู่เสาร์เป็นผู้ก่อสร้าง ประมาณปี 2472 จึงเกิดความปรารถนาอยากจะสร้างวิหาร และได้เริ่มเขียนแบบวิหารอย่างจริงจัง เบื้องต้นตั้งงบก่อสร้างไว้ที่ 6 ล้านบาท โดยก่อผนังด้วยศิลาแลง คาดใช้เวลาไม่เกิน 2 ปีจะแล้วเสร็จ

เจ้าอาวาสเล่าต่อว่า ที่มาของชื่อพระศรีโคตรบูรณ์ มีคนที่สื่อสารทางจิตเขาได้พูดคุยกับพระพุทธรูปองค์นี้ ทราบชื่อว่าพระศรีโคตรบูรณ์ แต่มีริมฝีพระโอษฐ์สีแดงชัดเจน ญาติโยมจึงเรียกขานว่าหลวงพ่อปากแดง  และแดงโดยไม่มีใครเอาสีมาทา เชื่อว่าแดงโดยธรรมชาติมาตั้งแต่สร้าง ส่วนพระที่เป็นสีดำทั้งองค์ ความจริงเนื้อแท้เป็นโลหะสัมฤทธิ์ เห็นชัดเพราะมีสีกะเทาะออกมา ถ้าวิหารสร้างเสร็จจะประกอบพิธีขออนุญาตขัดสีดำที่ปิดทับออก ด้านโชคลาภเท็จจริงอย่างไรต้องพิสูจน์เอาเอง แต่มีคนได้โชคติดต่อกันหลายครั้งแล้ว ตนครองเพศบรรพชิตไม่ขอออกความเห็น 

ขณะที่ในกระถางธูปหน้าองค์หลวงพ่อปากแดง มีธูปเสี่ยงทายปักอยู่ 1 ดอก ปรากฏเลข 3-0-7 เพื่อเป็นแนวทางในการเสี่ยงโชคลอตเตอรี่งวดวันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 นี้

สำหรับกฐินสามัคคีวัดอรัญญิกาวาส เพื่อสมทบทุนสร้างวิหารหลวงพ่อปากแดง กำหนดวันที่ 11-12 พฤศจิกายน 2566 มีประธานร่วมคือ ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดี กรมชลประทาน และ นางนงคราญ ปิติพัฒน์ เจ้าของธุรกิจสถานีบริการน้ำมัน ผู้มีจิตศรัทธาสามารถบริจาคผ่าน ธนาคารกรุงไทย สาขานครพนม ชื่อบัญชี วัดอรัญญิกาวาส เลขบัญชี 408-0-84528-6 และ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขานครพนม ชื่อบัญชี วัดอรัญญิกาวาส เลขบัญชี 275-1-55028-8 ว่ากันว่าผู้ใดได้มีโอกาสสร้างวัด โบสถ์ วิหาร จะมีอานิสงส์แรงกล้ามาก 

พุทธลักษณะพระศรีโคตรบูรณ์ หรือหลวงพ่อปากแดง เป็นพระพุทธรูปศิลปะสมัยสุโขทัย ปางสะดุ้งมาร หรือชนะมาร พระเกศเป็นก้นหอย รัศมีเป็นเปลวเพลิง ฐานบัวหงาย เนื้อโลหะสัมฤทธิ์ ทาสีดำทับเพื่อปกปิดเนื้อแท้ น้ำหนักเกือบ 2 ตัน พุทธคุณกราบไหว้บูชา จะชนะกิเลส ทำให้หลุดพ้น หรือชนะอุปสรรคต่างๆ 

สำหรับวัดอรัญญิกาวาส เป็นวัดธรรมยุตนิกาย มีโบสถ์เก่าแก่ที่มีความงดงาม มีประติมากรรมฝาผนังแกะสลักปูน และจิตรกรรมฝาผนังภายในโบสถ์ ที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติ และเหตุการณ์ในพระพุทธศาสนาตั้งแต่สมัยพุทธกาล เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้เห็นและซึมซับหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าและนำไปปฏิบัติตาม นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์หลวงปู่บุญมา มหายโส หรือพระครูไพโรจน์ปัญญาคุณ อดีตเจ้าอาวาสวัดอรัญญิกาวาส พระป่าสายวิปัสสนากัมมัฏฐาน พระลูกศิษย์ที่ร่วมธุดงค์ในกองทัพธรรม อุปัฏฐากรับใช้หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล พระผู้เป็นบูรพาจารย์สายพระป่าในประเทศไทย และพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต พระปรมาจารย์สายพระกรรมฐาน

โดยวัดอรัญญิกาวาสแห่งนี้เดิมเป็นป่าช้าที่ประหารนักโทษ ซึ่งหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น และหลวงปู่บุญมา ได้ธุดงค์มาปักกลด เผยแพร่พระธรรมเทศนา ต่อมาได้ตั้งเป็นสำนักสงฆ์ ชื่อสำนักวัดโพนแก้ว และระหว่างที่หลวงปู่เสาร์ข้ามแม่น้ำโขงไปปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐานที่ภูเขาควาย ประเทศลาว ก็ได้มอบให้หลวงปู่บุญมาเป็นผู้ปกครองสงฆ์ ซึ่งท่านก็ได้ตั้งใจรักษาวินัยอย่างเคร่งครัดตามรอยครูบาอาจารย์ ได้อบรมพระภิกษุ สามเณรที่เข้ามาบวช ไม่ว่างเว้น โดยกลางคืนจะให้พระภิกษุสามเณร อบรมวิปัสสนากัมมัฏฐาน ส่วนกลางวันให้ไปศึกษาพระปริยัติธรรมและศึกษาชั้นสามัญที่วัดศรีเทพประดิษฐาราม และเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2493 ได้รับพระราชทานเขตวิสุงคามสีมา และเปลี่ยนชื่อเป็นวัดอรัญญิกาวาสนับแต่นั้นเป็นต้นมา