‘แจ้ง แสงกุล’อดีตผู้ใหญ่บ้านตระ เชื่อบ้านตระเป็นหมู่บ้านลึกลับ ทำให้ไม่สามารถจับกุม‘เสี่ยแป้ง’ได้ เผยพื้นที่ปะทะทำเลเหมาะแก่การสู้รบ-เคยเป็น‘สนามรบ’มาก่อนในครั้งอดีต ต้องใช้วิธี‘โจรสู้โจร’ ก่อนหน้านี้‘เสี่ยแป้ง’เคยเข้ามาอยู่ในพื้นที่หลายเดือน
9 พฤศจิกายน 2566 นายแจ้ง แสงกุล หรือผู้ใหญ่แจ้ง อายุ 68 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 2 บ้านตระ ต.ปะเหลียน อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ซึ่งเป็นชุมชนที่อยู่ใกล้กับจุดหลบซ่อนของ “เสี่ยแป้ง” และจุดที่มีการปะทะเกิดขึ้น เมื่อวานนี้ (8 พ.ย.66) รวมทั้งนายแจ้ง ยังเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกชุมชนบ้านตระมาตั้งแต่อดีต และเคยเป็นอดีตทหารพราน หน่วยจู่โจมที่ 42 ค่ายกะช่อง อ.นาโยง จ.ตรัง รวมถึงเป็นหัวหน้าชุดล่าสังหารกรมทหารพรานที่ 42 ที่เคยต่อสู้ปราบปรามคอมมิวนิสต์ในอดีต
นายแจ้ง ให้สัมภาษณ์ว่า ชุมชนบ้านตระ เป็นชุมชนที่มีตำนานตั้งแต่ยุคสมัยก่อน บ้านตระเป็นชุมชนที่ “มหาจันทร์” ขุนโจรที่ยิ่งใหญ่ในอดีต และชอบมาอาศัยอยู่ในบ้านตระ เพราะเป็นพื้นที่สบาย หรือเรียกได้ว่าเป็นชุมชนของขุนโจร ส่วน เสี่ยแป้ง ตนไม่เคยเห็นหน้า แต่ติดตามข่าวมาตลอด รวมถึง เสี่ยแป้ง เคยเป็นอดีตทหารพรานค่ายต้นโพธิ์ จ.พัทลุง
นายแจ้ง กล่าวว่า การที่ผู้ร้ายเข้าไปอยู่ในชุมชน หรือบริเวณใกล้เคียง มีอยู่ 3 ประการ 1.ภูมิประเทศง่ายกับการรบต่อสู้ 2.คนที่มาจากพัทลุงจะมีเยอะ 3.จะเป็นคอมมิวนิสต์เก่า ในส่วนนี้จะมีประมาณ 60% เพราะชุมชนบ้ายตระเคยเป็นฐานของคอมมิวนิสต์เก่า และเป็นสนามรบมาก่อน อีกทั้งการที่จะเข้าไปอยู่ในนั้น ก็มีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะเดี๋ยวนี้จะไปสอดคล้องกับยาเสพติด เด็กวัยรุ่นติดยาเสพติดเยอะ หากใครเอายาเสพติดไปล่อก็จะสร้างปัญหาตรงนี้
สำหรับพื้นที่บ้านตระติดอยู่ทั้งหมด 4 จังหวัด ได้แก่ ทิศตะวันตก ติด จ.ตรัง อ.ปะเหลียน เข้าทางน้ำตกโตนตก ทิศเหนือติด ต.ผาดำ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา ทิศตะวันออกติด อ.กงหรา อ.ตะโหมด จ.พัทลุง ทิศใต้ติด อ.มะนัง อ.ทุ่งหว้า จ.สตูล
ในอดีตคนที่ได้หนีออกจากชุมชนบ้านตระเพราะว่าป่วยไข้ทรพิษ ขุนโจรมากกลัวถูกปล้น จึงออกมาอยู่นอกพื้นที่แทน ส่วนที่จะกดดันให้ เสี่ยแป้ง ออกมาได้ คือ การใช้ความเป็นนักเลง ส่วนใหญ่กำนัน ผู้ใหญ่บ้านเก่าๆ จะเป็นคนนักเลง คำไหนคำนั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่น่าจะมองมาตรงนี้ก่อนเป็นจุดแรก
“ผมมองว่าคดีเสี่ยแป้ง จับได้ไม่ยาก แต่ต้องเอาวิชาโจรเข้ามาใช้ ถ้าเอาวิชาตำรวจต้องใช้เวลาอีกหลายวัน ถ้ายังเป็นผู้ใหญ่บ้านอยู่ เสี่ยแป้งคงไม่กล้าเข้าในพื้นที่ เพราะในอดีตหากใครเข้ามาจะต้องแจ้งผมให้ทราบก่อนทุกคน โดยบัตรประชาชนชาวบ้านจะต้องอยู่กับผม เพราะจะต้องทำทำเนียบรายชื่อ ครั้งนี้เชื่อว่าหาก เสี่ยแป้ง ไม่มีน้ำมีอาหาร ก็น่าจะออกมาในไม่เกิน 2 วัน ถ้าปิดล้อมทุกจุดคงจะจับไม่ยาก เชื่อว่าไม่เกินความสามรถของเจ้าหน้าที่ แต่อย่าลืมว่า เสี่ยแป้ง เคยเป็นอดีตทหารพรานเหมือนกัน” นายแจ้ง กล่าว
นายแจ้ง กล่าวว่า หาก เสี่ยแป้ง ใช้กลยุทธ์ของทหารพรานมาใช้ ก็คงจะเพิ่มความลำบากให้กับเจ้าหน้าที่มากขึ้น ทั้งความกลัว ทั้งเลือดนักสู้ ความอดทนกับความกลัว บวกเข้ากัน ยิ่งทำให้ เสี่ยแป้ง ฮึดสู้ได้เหมือนกัน ส่วนที่มีชาวบ้านให้การช่วยเหลือ เสี่ยแป้ง หาก เสี่ยแป้ง เป็นลูกหลานตน ตนจะไม่ยอมให้ลูกหลานต้องตาย หรือถูกจับเหมือนกัน ตนยอมรับการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ 60% ส่วนอีก 20% ยังผิดพลาด เพราะไม่ได้เจาะลึกพื้นที่ โจรต้องสู้กับโจร ไม่แต่งชุดทหารเข้าไป
“จุดที่มีการปะทะอยู่ห่างจากบ้ายตระขึ้นไปประมาณ 4 กิโลเมตร เป็นจุดจอดเฮลิคอปเตอร์ของฐานปฏิบัติการในอดีต และเป็นพื้นที่ที่เหมาะมากแก่การสู้รบ ก่อนหน้านี้ได้ข่าวว่า เสี่ยแป้ง เคยมาอยู่บ้านในตระเป็นเวลานานหลายเดือน จนเกิดความผูกพันกับชาวบ้าน แต่ผมไม่ได้ไปสนใจ เพราะไม่มีหน้าที่” นายแจ้ง กล่าว
อดีตผู้ใหญ่บ้านรายนี้ ให้ข้อมูลว่า พื้นที่บ้านตระ เป็นสถานที่อาถรรพ์และมีสิ่งลี้ลับตามความเชื่อ หากจะทำการใดให้สำเร็จต้องบนบายเส้นไหว้ “ทวดเล็ก” ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำหมู่บ้านมาแต่อดีต เพื่อขอให้เปิดทาง และทำงานให้ได้อย่างราบรื่น อีกทั้งอดีตหากมีโจรที่คิดร้ายเข้าไป ก็จะเสียชีวิตในพื้นที่ทุกราย โดยมีหลุมศพคนสูง 7 ศอก และมีกุโบร์ 2 แห่ง
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี