10 ธันวาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ตรัง เกี่ยวกับการตรวจสอบการก่อสร้างตัวอาคารมัสยิดกลาง จ.ตรัง หรือโครงการก่อสร้างศูนย์บริหารกิจการศาสนาอิสลามประจำจังหวัดตรัง ในพื้นที่หมู่ 1 ต.ทุ่งกระบือ อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง งบประมาณในการปรับปรุงสถานที่ใช้ไปแล้วเกือบ 100 ล้านบาท แต่ปรากฏว่าระยะเวลาผ่านมาจนถึงปัจจุบันกว่า 15 ปีแล้ว มัสยิดกลางดังกล่าวยังคงไม่แล้วเสร็จลุล่วงสมบูรณ์ หรือมีการได้เปิดใช้เพื่อปฏิบัติศาสนกิจได้ตามวัตถุประสงค์
ต่อมาทางเจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ช.ตรัง และภาค 9 รวมทั้งสำนักงาน สตง. และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ พร้อมทั้งนายชัยวุฒิ สวัสดิรักษ์ ประธานชมรมตรังต้านโกง ได้ทำหนังสือร้องไปยังสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาคที่ 14 (จังหวัดนครศรีธรรมราช) เพื่อให้ตรวจสอบโครงการก่อสร้างมัสยิดดังกล่าว จนกระทั่งมีหนังสือแจ้งผลการตรวจสอบ ที่ ตผ 0064 นศ/314 ลงวันที่ 16 ต.ค.66 ระบุว่า “ได้มีการดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ผลการตรวจสอบปรากฏว่า มีข้อบกพร่อง เนื่องจากการดำเนินการไม่เป็นไปตามระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี หรือแบบแผนการปฏิบัติราชการ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐหรือหน่วยรับตรวจ จึงได้แจ้งข้อบกพร่องให้ผู้ว่าราชการ จ.ตรังดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจต่อไปแล้ว”
น.ส.ลัดดาวรรณ เดชประสิทธิ์ รักษาการท้องถิ่น จ.ตรัง สำนักส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น จ.ตรัง เปิดเผยว่า ในเบื้องต้นเรื่องนี้อยู่ในขั้นตอนตามขบวนกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยที่ผู้ว่าราชการ จ.ตรัง ในฐานะผู้กำกับดูแลองค์การบริหารส่วน จ.ตรัง (อบจ.) ได้รับแจ้งหนังสือจากสำนักงาน สตง.ภาคที่ 14 กรณีมัสยิดกลาง จ.ตรัง ว่ามีการตรวจสอบแล้วได้ความในลักษณะว่า มัสยิดกลาง จ.ตรัง ที่ดำเนินการก่อสร้างแล้ว สตง.ให้ความเห็นว่าไม่ได้อยู่ในอำนาจหน้าที่ของ อบจ.ตรัง ซึ่งในทางหน่วยตรวจสอบเห็นว่า กรณีที่ดำเนินการไป อาจจะไม่สามารถดำเนินการได้ ก็มีประสงค์ที่จะให้ดำเนินการในส่วนของการดำเนินการทางละเมิด ก็คือให้ชดใช้เงินส่วนที่ไม่สามารถดำเนินการได้ตามกฎหมาย หรือตามอำนาจหน้าที่ของ อบจ.ตรัง ประมาณ 82 ล้านบาท ซึ่งเรื่องก็ได้ส่งผ่านมาทางผู้ว่าราชการ จ.ตรัง ในส่วนของผู้ว่าฯ ก็ได้นำแจ้งไปยัง อบจ.ตรัง ในฐานะหัวหน้าหน่วยงานรัฐ ตาม พ.ร.บ.ละเมิดที่เกี่ยวข้อง เพื่อจะดำเนินการในส่วนตามความเห็นของ สตง.ภาคที่ 14
ส่วนขั้นตอนการดำเนินการก็จะเป็นทาง อบจ.ตรัง ในฐานะหัวหน้าหน่วยงานที่จะต้องดำเนินการตรวจสอบว่ามูลเป็นไปตามที่ สตง.ได้มีการทำความเห็น หรือให้ข้อสังเกตมาหรือเปล่า แล้วกรณีที่เกิดความเสียหายตามที่ สตง. ได้ชี้มาก็จะต้องดำเนินการในส่วนของการหาผู้ชดใช้ เพื่อที่จะนำเงินของรัฐที่เสียไปมาคืนรัฐ ซึ่งขั้นตอนนี้อยู่ในขบวนการดำเนินการของ อบจ.ตรัง ซึ่งขณะนี้ความคืบหน้าการดำเนินการในทางของเอกสาร เรื่องของการชี้แจ้งไปยัง สตง. จะใช้สิทธิว่าอยากจะยืนยันเรื่องของอำนาจหน้าที่ให้ สตง.ได้ทราบว่าที่ก่อสร้างไปแล้ว อบจ.เองคาดว่าจะถูกต้องหรือจะยังไง ก็ต้องรอทาง สตง. ให้ความเห็นกลับมาอีกครั้งหนึ่ง
อีกประเด็นในทางข้อกฎหมายก็มีความตกบกพร่องว่าเมื่อทาง อบจ.ตรัง ได้รับหนังสือก็ได้ทำหนังสือมาหาผู้ว่าฯ โดยขอให้ผู้ว่าฯ วินิจฉัยว่าสิ่งที่อบจ.ก่อสร้างไปจะอาจจะถูกต้อง ก็เป็นเงื่อนไขของข้อกฎหมายอีกกฎหมายหนึ่งว่าด้วยการรับเงินเบิกจ่ายเงิน แต่ว่าทางผู้ว่าฯ เอง โดยสำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัด ก็มีความเห็นและทางผู้ว่าฯ ก็ได้แจ้งไปทาง อบจ.ตรัง ว่าเมื่อตรวจสอบขบวนการที่จะให้ผู้ว่าฯวินิจฉัยว่าสิ่งที่ทำถูกต้องหรือไม่ ยังไม่เห็นว่าอบจ.ตรัง ได้ดำเนินการชี้แจงไปยัง สตง. ก่อนตามขั้นตอนและวิธีการอันเป็นสาระสำคัญที่ตัวระเบียบกำหนดไว้ ซึ่งทางผู้ว่าฯ ก็ได้มีหนังสือแจ้งไปยัง นายก อบจ.ตรัง ไปว่า คงจะไม่สามารถวินิจฉัยตามที่กฎหมายกำหนดให้ได้ เนื่องจากว่า อบจ.ตรัง ยังไม่ได้ดำเนินการชี้แจงเรื่องนี้ไปยัง สตง.ก็ต้องกลับไปที่ อบจ.ตรัง จะต้องไปดำเนินขบวนการพิจารณาว่าจะเลือกใช้ช่องทางไหน คือจะชี้แจงไปยัง สตง.ก่อน แต่หากชี้แจงก่อน ระเบียบเบิกจ่ายเงินปัจจุบันได้ยกเลิกไปแล้ว จะมาเสนอให้ผู้ว่าวินิจฉัยให้ว่าสิ่งที่ก่อสร้างไปชอบแล้วหรือไม่ ก็ต้องงดไปในทางกฎหมาย เพราะกฎหมายตัวระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการรับเงิน ซึ่งกำหนดข้อ 103 ให้อำนาจผู้ว่าฯ ในการวินิจฉัยและโต้แย้งกับ สตง.ได้นั้น ปัจจุบันไม่มีกฎหมายนี้อยู่แล้ว และจะต้องไปดูตาม พรบ.วินัยการเงินการคลัง 2561
ส่วนในประเด็นการตรวจสอบในเรื่องที่ทีมผู้บริหารชุดใหม่ ได้ใช้เงินประมาณเข้าไปเพื่อปรับปรุงซ่อมแซมเพิ่มเติมนั้นยังไม่เห็นหนังสือจากผู้ตรวจสอบ ว่ามีขาดตกบกพร่อง หรือใช้อำนาจถูกต้องหรือไม่ ส่วนเรื่องอายุความนั้นมีอายุความ 10 ปี แต่ปรากฏว่าระยะเวลาผ่านมานานกว่า 15 ปี ซึ่งล่วงเลยมาแล้วนั้น ปัจจุบันก็เป็นผู้บริหารชุดใหม่ ชุดเก่าก็หมดวาระไปแล้ว การดำเนินการก็อาจจะตกไปอยู่กับผู้ที่มารับช่วงต่อในการรับผิดชอบต่อซึ่งว่าด้วยทางกฎหมาย แต่อย่างก็ยังอยู่ในขั้นตอนของขบวนการของกฎหมาย ข่าวคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป.012
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี