ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม ที่มี นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่งทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม
โดยมีวาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่...) พ.ศ... หรือ ร่างพ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม จำนวน 4 ฉบับ แบ่งเป็นคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เสนอ 1 ฉบับ รวมถึง ร่างพ.ร.บ.ที่มีลักษณะเดียวกันอีก 3 ฉบับ เสนอโดย นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล, นายสรรเพชญ บุญญามณี สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์, และ น.ส.อรรณว์ ชุมาพร นักกิจกรรมเพื่อความหลากหลายทางเพศ ในเครือข่ายภาคีสีรุ้ง กับประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 11,611 คน เสนอ หลังใช้เวลานานกว่า 5 ชั่วโมง และได้เปิดให้ผู้เสนอร่างอภิปรายสรุป ก่อนเปิดให้สมาชิกลงมติรับหลักการวาระแรก ผลปรากฏว่าที่ประชุม 380 คน มีมติ 369 ต่อ 10 เสียง “รับหลักการวาระแรก” โดยมีผู้งดออกเสียง 1 เสียง
จากนั้นที่ประชุมได้เสนอรายชื่อคณะกรรมาธิการจำนวน 39 คน เพื่อพิจารณาร่างกฎหมายในวาระต่อไป มีกำหนดระยะเวลาแปรญัตติ 15 วัน โดยการพิจารณาวาระที่ 2 จะใช้ร่างของครม.เป็นร่างหลักในการพิจารณา
น่าสนใจ นายสรรเพชญ บุญญามณี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสงขลา และคณะได้ร่วมเสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่...) พ.ศ. ... ว่าด้วยการสมรส หรือ “ร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม” ด้วย
นายสรรเพชญ กล่าวว่า ความรักเป็นบ่อเกิดแห่งการปลูกฝังความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ความรักเป็นเรื่องของความรู้สึกดีๆ ที่คนสองคนมีให้แก่กัน มีความคิดเห็นระหว่างบุคคลสองคนที่เห็นตรงกันว่าจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน ประคับประคองซึ่งกันและกันหรือแยกจากการเป็นเรื่องส่วนบุคคลที่ควรเคารพ
ซึ่งสังคมไทยในปัจจุบันมีการเปิดกว้าง แต่ยังไม่เปิดรับ การเปิดกว้างคือเป็นที่ยอมรับสำหรับการแสดงตัวมีการแสดงออกตามเพศวิถีของตนเองหรือการสร้างตัวตนแบบใดแบบหนึ่งอย่างกว้างขวาง แต่สังคมยังไม่ได้เปิดรับ คือ การที่ยังไม่ได้ให้สิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาคในฐานะความเป็นคนที่เท่าเทียมกัน
นอกจากนี้ กว่า 34 ประเทศทั่วโลก ที่มีการรับรองการสมรสอย่างเท่าเทียม โดยประเทศล่าสุด คือ ประเทศอันดอร์รา ที่บังคับใช้กฎหมายสมรสเท่าเทียมเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา ขณะที่ “ไต้หวัน” เป็นเพียงแห่งเดียวในเอเชียที่ผ่านกฎหมายสมรสเท่าเทียมในปี 2562
โดยเนื้อหาสาระสำคัญที่ได้เสนอแก้ไขในครั้งนี้เพื่อเป็นการปลดล็อกข้อจำกัดต่างๆ ในการสมรส จดทะเบียนสมรส และใช้ชีวิตเป็นคู่สมรส ไม่ว่าบุคคลเพศสภาพใดเมื่อสมรสกัน ก็จะได้รับสิทธิประโยชน์ที่กฎหมายรองรับ โดยไม่จำเป็นว่าคู่สมรสนั้นต้องเป็นเพศกำเนิดชายและหญิงเท่านั้น
อาทิ ให้คู่รักระหว่าง “บุคคลสองคน” มีสถานะทางกฎหมายเป็น “คู่สมรส” อายุขั้นต่ำในการจดทะเบียนสมรส คือ อายุ 18 ปี สามารถจดทะเบียนสมรสกับชาวต่างชาติได้ สามารถจัดการทรัพย์สินร่วมกันได้ สามารถรับบุตรบุญธรรมร่วมกันได้ สามารถรับมรดกของคู่สมรส ในกรณีที่ไม่ได้ทำพินัยกรรม สามารถจัดการแทนคู่สมรส ในกรณีที่เป็นผู้เสียหายในทางคดีอาญาได้ สามารถใช้นามสกุลของคู่สมรสได้ ไม่ต้องเสียภาษีมรดก กรณีรับมรดกจากคู่สมรสที่เสียชีวิต และสามารถตัดสินใจในทางการแพทย์ได้
ในตอนท้าย นายสรรเพชญ ได้ขอให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ร่วมกันสนับสนุน เพื่อมอบของขวัญปีใหม่อันล้ำค่าให้กับคนไทยผู้มีความหลากหลายทางเพศ ผ่านการอนุมัติร่างกฎหมาย พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม และร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์อันน่าภาคภูมิใจในฐานะที่เราทุกคน เป็นคนเท่ากัน มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เสมอกัน ต่อไป
ประเด็นนี้ทาง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และ รมว.คลัง ได้โพสต์ข้อความผ่าน X ระบุว่า “ผมขอแสดงความยินดีกับพี่น้อง LGBTQIA+ ทุกท่านที่ พ.ร.บ. สมรสเท่าเทียม ได้ผ่านการโหวตวาระที่หนึ่งด้วยคะแนนท่วมท้น วันนี้ ก้าวแรกของการเปลี่ยนแปลงเริ่มต้นแล้วครับ”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี