วันที่ 29 กุมภาพันธ์  2567 ศ.ดร.ณัฐวุฒิ เผ่าทวี อาจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ ประจำมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยาง ประเทศสิงคโปร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “Nattavudh Powdthavee - ณัฐวุฒิ เผ่าทวี” เนื้อหาดังนี้

เพื่อนๆทราบกันไหมครับว่าประเทศไทยเราเรามีคนเป็นโรคอ้วนมากเกือบที่สุดในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านแล้ว (ยกเว้นก็แต่ประเทศมาเลย์เท่านั้น)

ทำไม obesity rate หรืออัตราของคนเป็นโรคอ้วนของเรามันสูงถึงขนาดนี้

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าอาหารไทยอร่อย และการหาของอร่อยๆกินเป็นงานอดิเรกของคนไทยเกือบทุกคน แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าอาหารของประเทศสิงคโปร์หรืออาหารเวียดนามไม่อร่อย ถ้าใครมาประเทศสิงคโปร์ก็คงจะทราบดีว่าอาหารสิงคโปร์อร่อยมาก และอาหารหลายอย่างในประเทศสิงคโปร์ก็ไม่ได้ดีต่อสุขภาพมาก ดูตัวอย่างได้จาก chilli crab 

แล้วทำไมอัตราของคนเป็นโรคอ้วนของคนสิงคโปร์ถึงน้อยกว่าคนไทยเยอะ และทำไมกราฟของคนไทยมันถึงดูเหมือนจะเป็น exponential rate ถึงขนาดนี้

สาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้คนสิงคโปร์สามารถ maintain อัตราของโรคอ้วนไม่ให้เพิ่มขึ้นสูงมากมจากการมีนโยบายในเรื่องของ public health ของรัฐบาลที่ดี เช่น ในเดือนธันวาคม ปี 2022 รัฐบาลสิงคโปร์ได้บังคับให้เครื่องดื่ม และอาหารที่ขายในประเทศจะต้องมีป้ายโภชนาการที่ชัดเจนมากๆ หรือพูดง่ายๆให้มี nutri-grade ที่อ่านง่าย เป็น Grade A-D ที่ช่วยให้คนตัดสินใจเลือกอาหารและเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพให้ง่ายขึ้น ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกันกับป้ายโภชนาการของไทยล่ะก็ เราจะเห็นได้ว่าป้ายโภชนาการของไทยอ่านและเข้าใจได้ยากกว่าเยอะมาก ซึ่งการ tackle ปัญหาจากต้นตอ ซึ่งก็คือที่อาหารการกินของประเทศสิงคโปร์เป็นตัวอย่างทีมากๆว่าและเป็นดัชนีที่บ่งบอกให้เราทราบว่ารัฐบาลของเขาแคร์ในเรื่องของสุขภาพประชาชนจริงๆ
แล้วทำไมประเทศไทยไม่ทำตามตัวอย่างที่ดีๆจากประเทศอื่นบ้างล่ะ

อันนี้ผมไม่ทราบถึงเหตุผลที่แท้จริงนะครับ แต่ถ้าให้ผมเดา ผมว่าถ้ารัฐบาลไทยอยากจะทำจริงๆ ทางรัฐอาจจะเจอการ push back จากบริษัทที่ผลิตอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพแต่คนชอบกินกันแน่ๆ เพราะการมี nutri-grade  อย่างประเทศสิงคโปร์จะทำให้คนหันไปรัปประทานอาหารที่มี Grade A กันเสียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ไม่ดีสำหรับบริษัทที่ไม่ได้ผลิตอาหารที่มี Grade A และถ้ามันเป็นจริงอย่างที่ผมเดาล่ะก็ เราก็คงต้องตั้งคำถามใหม่ว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับคนกลุ่มไหนในประเทศมากกว่ากัน ระหว่างผู้บริโภคหรือผู้ผลิต

แต่อย่างที่ว่านะครับ มันอาจจะไม่ใช่อย่างที่ผมเดาจริงๆก็ได้ ก็ได้แต่หวังว่ามันไม่ใช่ก็แล้วกันและเราก็จะเห็นนโยบาย nutri-grade อย่างประเทศสิงคโปร์ในประเทศไทยเร็วๆนี้